บทที่ 122 หญิงชราป่วย
ตอนที่ลู่จิ่งซานกลับมา สวี่จือจือกำลังคุยอะไรบางอย่างกับลู่ซืออวี่อยู่
่นี้ทั้งสองคนไม่รู้ว่าโดนอะไรเข้าสิง ไม่ได้อ่านหนังสือก็ฟังวิทยุ ไม่ได้ฝึกเขียนตัวอักษรก็ทำโจทย์
ตามคำพูดของสวี่จือจือ “ตอนนี้ประเทศให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ ความรู้ก็จะสำคัญขึ้นด้วย พี่ลองคิดดู ถ้าต่อไปเราจะทำธุรกิจ แต่คำนวณบัญชีไม่เป็ แล้วจะทำธุรกิจได้ยังไง?”
เพราะเหตุผลนี้ ลู่ซือหยวนเลยถูกดึงมาฝึกเขียนตัวอักษรและคำนวณด้วย
“เกิดอะไรขึ้น?” ลู่จิ่งซานถาม
“ไม่มีอะไร” สวี่จือจือไม่เงยหน้าขึ้น “แค่รู้สึกว่าน้องสาวคุณเก่งเกินไป”
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทะลุเข้ามาในนิยายและมีความทรงจำจากชาติก่อน เธออาจจะเรียนสู้ลู่ซืออวี่ไม่ได้จริงๆ
นักเรียนหัวกะทิก็คือนักเรียนหัวกะทิ แค่ดูหนังสือง่ายๆ ก็เข้าใจอะไรได้เยอะแล้ว
สวี่จือจือรู้สึกว่าตัวเองจะภูมิใจมากไปไม่ได้ คิดว่ามีความทรงจำและประสบการณ์จากชาติก่อนแล้วจะชนะแน่นอนไม่ได้ ความจริงจะสอนให้รู้จักเจียมตัวในไม่กี่นาที บรรดาคนเก่งๆ ในยุคหลังล้วนผ่านการฝึกฝนจากยุคนี้มากันทั้งนั้น มีใครไม่เก่งบ้าง?
ลู่จิ่งซานมองลู่ซืออวี่ด้วยความงุนงง ลู่ซืออวี่ก้มหน้าด้วยความเขิน แล้วอ่านหนังสือต่อ
ปลายเดือนสาม เดิมทีลู่จิ่งซานวางแผนจะไปเมืองหลวงกับสวี่จือจือ แต่คุณนายลู่ป่วยหนักจนเกือบทำให้สวี่จือจือและคนอื่นๆ กังวลใจสุดขีด
คืนนั้นไม่รู้ฝนตกั้แ่เมื่อไหร่ หน้าต่างห้องหญิงชราเปิดทิ้งไว้ พอรู้ตัวก็หนาวไปแล้ว วันต่อมาเริ่มมีไข้และไอ
อาการเป็ๆ หายๆ แบบนี้นานครึ่งเดือนกว่า ลู่จิ่งซานเดิมทีตั้งใจจะพาสวี่จือจือไปเมืองหลวงเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด แต่เพราะเื่นี้ก็ต้องเลื่อนออกไป
ด้วยการดูแลอย่างดีจากสวี่จือจือและคนอื่นๆ หญิงชราถึงค่อยๆ ดีขึ้น
“อายุมากแล้ว พวกเธอต้องระวังให้มากขึ้น” จางซินเสิ่งกำชับ “โดยเฉพาะตอนนอนกลางคืน ต้องตื่นตัวหน่อย”
“อย่ามาขู่พวกเขา” คุณนายลู่พูด “ฉันยังดีอยู่”
จางซินเสิ่งอยากพูดอะไรต่อ แต่เจอสายตาหญิงชราที่เหมือนมองทะลุทุกอย่าง สุดท้ายถอนหายใจ “ผมพูดไม่ชนะคุณยาย แต่คุณยายจำไว้นะ ร่างกายเป็ของตัวเอง ถ้ามีอะไรไม่สบาย ต้องบอกนะ”
“รู้แล้ว เ้าหนุ่มนี่ อายุยังน้อยแต่ทำไมขี้บ่นจัง” หญิงชราพูดอย่างรำคาญ
“ผมไปส่งคุณ” ลู่จิ่งซานพูด
“คุณยายสมัยก่อนลำบากมาเยอะ ร่างกายก็ไม่ได้บำรุงดี ถึงหลายปีมานี้จะดูแลตัวเองอยู่” ออกมาข้างนอก จางซินเสิ่งพูดตรงๆ “แต่อายุมากแล้ว พวกเธอต้องใส่ใจหน่อย อย่าเครียดมากเกินไป”
เขาพูดจบก็ตบไหล่ลู่จิ่งซาน “ขานายจะไปตรวจเมื่อไหร่?”
ลู่จิ่งซานไม่ตอบ
“ฉันได้ยินว่าพบผู้เชี่ยวชาญคนนั้นแล้ว” จางซินเสิ่งพูด “น่าจะถูกเรียกตัวกลับไปเร็วๆ นี้”
“ผมรู้” ลู่จิ่งซานพูด “คุณย่าฝากคุณช่วยดูแลด้วย”
“เื่นี้ฉันเข้าใจ” เขาตอบ
แล้วก็ได้ยินลู่จิ่งซานพูดต่อ “รออีกหน่อยแล้วกัน ร่างกายเขาเป็ยังไงบ้าง?”
“วางใจได้ ตอนนี้เขาอารมณ์ดีมาก โรคนิดหน่อยทำอะไรเขาไม่ได้” จางซินเสิ่งพูด “ถ้าเมื่อก่อนไม่มีนาย คงผ่านไปไม่ได้จริงๆ”
ลู่จิ่งซานยิ้ม แต่ไม่พูดอะไรต่อ
“ฉันไปแล้ว” จางซินเสิ่งโบกมือ บ่นอีกประโยค “ขานายช่วยใส่ใจหน่อยนะ”
พูดจบก็หันหลังเดินไป
“ไอ๊หยา คุณนี่ไม่ดูคนเลย” เสียงลู่ซือหยวนดังขึ้น
จางซินเสิ่งเกือบเดินชนลู่ซือหยวน
“ซุ่มซ่าม ไม่รู้เป็หมอยังไง” ลู่ซือหยวนกลอกตา
จางซินเสิ่งจะขอโทษก็พูดไม่ออก ยิ้มแล้วพูด “งั้นคุณบอกมาสิ หมออย่างผมได้มายังไง?”
ถึงกับกล้าสงสัยฝีมือของเขา
“ใครจะไปสนว่าคุณได้มายังไง” ลู่ซือหยวนบ่น ทักทายลู่จิ่งซานแล้วเดินเข้าบ้าน
จางซินเสิ่งโมโหแทบตาย
“นี่พี่สาวนายใช่ไหม? หา?” เขาชี้แผ่นหลังของลู่ซือหยวน “ถ้าไม่ใช่พี่สาวนาย ฉันจะ…ช่างมัน ผู้ชายดีๆ ไม่ทะเลาะกับผู้หญิง”
พูดจบก็เดินจากไปอย่างโมโหและรวดเร็ว ทำเอาสวี่จือจือกับลู่จิ่งซานงุนงง
“กลับกันเถอะ” ลู่จิ่งซานพูด
“ร่างกายของคุณย่าคุณไม่ต้องเป็ห่วง” สวี่จือจือเห็นเขาเป็แบบนี้ ปลอบว่า “ต่อไปฉันจะคอยดูให้มากขึ้น”
“ผมรู้” ลู่จิ่งซานหดหู่เล็กน้อย เขามองออกไปไกลๆ แล้วพูด “ผมแค่รับไม่ได้ว่าสักวันท่านจะ…”
สวี่จือจือไม่พูดอะไร เธอวางมือบนไหล่เขา “ครั้งนี้แค่เื่ไม่คาดฝัน ต่อไปพวกเราใส่ใจมากขึ้น อยู่เป็เพื่อนท่านบ่อยๆ ไม่ดีเหรอ?”
“ขอบคุณคุณ” ลู่จิ่งซานพูดแล้วยิ้ม “ดูเหมือนผมจะพูดขอบคุณบ่อยขึ้นเรื่อยๆ”
เขาทำบุญอะไรมาถึงได้มีเธอ?
“เพราะงั้น” สวี่จือจือพูด “ต่อไปคุณต้องทำตัวดีๆ นะ ถ้าวันไหนทำให้ฉันโมโห ฉันจะ…”
“อืม” ลู่จิ่งซานพูดจริงจังและเคร่งขรึม “ผมจะดีกับคุณ”
คำสารภาพกะทันหัน ทำสวี่จือจือตื่นตระหนกไปชั่วขณะ
“รีบกลับไปดูคุณย่าเถอะ” เธอพูด “อย่าเอาแต่หลอกฉันทั้งวัน”
ลู่จิ่งซานไม่พูดอะไร เขาอยากบอกว่าเขาไม่เคยคิดจะหลอกเธอ ทุกอย่างที่พูดคือจริงใจ แต่ตอนนี้จะอธิบายก็ไม่มีประโยชน์ ทุกอย่างรอให้เขาหายดีแล้วพิสูจน์ด้วยการกระทำดีกว่า
ทั้งคู่กลับมา ลู่ซือหยวนกำลังดูแลหญิงชรากินยา
“จ่ายยาเยอะแยะ รสชาติแย่เหลือเกิน” หญิงชราบ่น หน้าตาเหมือนเด็กดื้อ “ร่างกายฉันดีอยู่ ไม่กินยาก็หาย”
“ย่าคะ” ลู่ซือหยวนพูดลำบากใจ “กินยาโรคถึงจะหาย”
“ไม่กิน” หญิงชราเบ้ปาก
“ไม่กินก็ไม่ต้องกินค่ะ” สวี่จือจือยิ้มตาหยี “เฮ้อ คุณย่ายังบอกว่าต่อไปจะเลี้ยงลูกให้พวกเรา ด้วยร่างกายแบบนี้ หนูว่าเลิกคิดเถอะ”
“อะไรนะ?” หญิงชราจ้องเธอ “บอกว่าฉันเลี้ยงเด็กไม่ได้เหรอ? ร่างกายฉันแข็งแรงจะตาย”
“ยาล่ะ? ยาของฉันอยู่ไหน? ฉันจะกินยา” แล้วหันไปบอกลู่ซือหยวน “ไม่มีไหวพริบเลย ถือยาฉันไว้ทำไมไม่ให้ฉัน?”
“หนู…” ลู่ซือหยวนยิ้มแห้ง “ค่ะๆ หนูเองที่ไม่มีไหวพริบ ยาให้คุณย่า รีบดื่มเลยค่ะ”
“แค่ยานิดหน่อย ฉันจะกลัวเหรอ?” หญิงชราพูดจบก็ทำหน้าบูดบึ้ง แอบมองสวี่จือจือ สุดท้ายกัดฟันดื่มยาเข้าไป
“นี่รางวัลของคุณย่าค่ะ” สวี่จือจือไม่รู้หยิบลูกอมมาจากไหนไม่รู้มายื่นให้
“ฉันไม่ใช่เด็กนะ” หญิงชราพูดงอนๆ
“งั้นหนู…” ยังไม่ทันพูดจบ หญิงชราฉวยลูกอมจากมือเธอไป
ทุกคนอึ้งแล้วหัวเราะออกมา
คนแก่มีนิสัยเหมือนเด็กจริงๆ ไม่ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว!
เพียงแต่ตอนกลางคืน สวี่จือจือกลับฝันประหลาด!
.............................