นางเหอปฏิบัติต่อนางเซี่ยแม่ลูกอย่างโหดร้ายทารุณ หากมีของดีๆ ใดก็จะขนย้ายไปไว้ที่เรือนของบุตรชายคนโตทั้งหมด กระทั่งในเรือนหลังนี้แทบว่างเปล่าแล้ว
เมื่อนางเหอเห็นว่ามิอาจคาดหวังกับบุตรชายคนรอง นางจึงย้ายไปพำนักที่เรือนของบุตรชายคนโต ทิ้งสองแม่ลูกไว้ในเรือนที่เหลือแต่ผนังสี่ด้าน
ยิ่งกว่านั้นที่นาหลายหมู่ที่นางเซี่ยดูแลเพาะปลูก ทุกครั้งที่ถึงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต ครอบครัวของลุงใหญ่จะมาช่วยเก็บเกี่ยวด้วยความขยันขันแข็ง และขนธัญพืชทั้งหมดไปไว้ที่ยุ้งฉางของครอบครัวตน โดยอ้างว่าเรือนของเมิ่งอู่ไม่มียุ้งฉางที่ดีพอ หากกองธัญพืชไว้ข้างในก็มีแนวโน้มที่จะเกิดความชื้น
ครอบครัวของลุงใหญ่รับปากเป็มั่นเป็เหมาะอย่างมีความสุขว่า ตราบใดที่นางเซี่ยกับเมิ่งอู่กินธัญพืชที่เก็บไว้หมดแล้ว ก็เพียงแค่มาเอาจากครอบครัวของพวกเขาได้ตลอดเวลา
ทว่าในความเป็จริงทุกครั้งที่นางเซี่ยไปที่เรือนของครอบครัวเมิ่งต้า ไม่มีคราใดที่นางไม่ต้องก้มหัวคุกเข่าหรือถูกเยาะเย้ยถากถางสารพัด
ครอบครัวของเมิ่งต้าปฏิบัติต่อนางราวกับขอทาน โดยให้ข้าวครั้งละสองโต่ว [1] เท่านั้น เมื่อนางเซี่ยกลับเรือน ต้องเก็บไว้กินกับเมิ่งอู่อย่างประหยัดให้ได้สองสามเดือน
หลายปีมานี้นางเซี่ยเลี้ยงดูเมิ่งอู่จนเติบใหญ่ตามลำพังด้วยความยากลำบากเหลือคณา นางเป็สตรีที่โดดเดี่ยว ร่างกายอ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถแบกไม่สามารถยก สุดท้ายผลผลิตที่ตนเองเพาะปลูกอย่างยากลำบากกลับถูกผู้อื่นขนไป นางได้แต่กล้ำกลืนความขมขื่นที่มิอาจระบายออกมา
นางมิอาจไม่เพาะปลูกบนที่ดินไม่กี่หมู่ของบ้านนาง เพราะหากนางปล่อยทิ้งร้างไว้ ครอบครัวของเมิ่งต้าจะยึดครองไปทันควัน
ถึงแม้ยามนี้ย้อนทบทวนเื่ราวแต่หนหลัง นางเซี่ยก็ไม่ได้แสดงท่าทีหดหู่หรือมองโลกในแง่ร้ายต่อหน้าเมิ่งอู่ สิ่งที่นางมอบให้เมิ่งอู่มีเพียงความรักใคร่และความอบอุ่นอันยิ่งใหญ่ของมารดาเท่านั้น
นางเซี่ยเอื้อมมือไปััใบหน้าซูบตอบของเมิ่งอู่ หางตารื้นน้ำเล็กน้อย นางกล่าว "อาอู่ เ้าคือความหวังทั้งหมดของแม่"
ความทรงจำในกาลก่อนมากมายที่ไม่ใช่ของนางหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเมิ่งอู่ประหนึ่งกระแสน้ำ นางใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะคืนสติกลับมา
ไม่ต้องพูดถึงเมิ่งอู่เ้าของร่างเดิม แม้แต่ตัวนางเองยามนี้ หลังทราบเื่ราวในอดีตเ่าั้แล้ว ยังรู้สึกโศกศัลย์ขมขื่น การกระทำของครอบครัวเมิ่งต้าและนางเหอยายเฒ่าผู้นั้นทำให้เมิ่งอู่โกรธเกรี้ยวจนตัวสั่นั้แ่ศีรษะจรดเท้า
เมิ่งอู่ถือตะเกียบไว้ในมืออย่างมั่นคงขณะคีบเนื้อกระต่ายใส่ชามของนางเซี่ย กล่าวว่า "ท่านแม่ กินเยอะหน่อยนะเ้าคะ ท่านแม่วางใจเถิด หนทางต่อจากนี้จะยิ่งมายิ่งสว่าง ขอเพียงมีข้าอยู่ จะไม่ถึงกับยิ่งเดินยิ่งถอยอีกแล้ว”
ดวงตาของนางเซี่ยแดงก่ำ สะอึกสะอื้นพลางพยักหน้า ก่อนยิ้มกล่าว "อาอู่ของพวกเราเก่งจริงๆ แม่ลืมไปแล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ได้กินเนื้อคือเมื่อไร"
หลังกินอาหารเย็นเสร็จ นางเซี่ยปวดใจที่เมิ่งอู่ต้องทำงานหนักตอนกลางวัน จึงอาสาทำงานบ้านเบาๆ ทุกอย่างเท่าที่นางจะทำได้
ขณะนางเซี่ยเก็บชามและตะเกียบเข้าไปไว้ในครัว เมิ่งอู่ก็ยกชามน้ำแกงเนื้อกระต่ายกับข้าวสวยหนึ่งถ้วยเข้าไปในห้อง
ใบหน้าของอินเหิงไร้สีเื เขาสวมใส่เสื้อผ้าฝ้ายธรรมดาๆ ถึงแม้แสงไฟสลัวราง แต่เมื่อเมิ่งอู่เข้ามา ั์ตาของเขาวิบวับใสกระจ่างโดยพลัน
เื่ราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นในตระกูลเมิ่งพาให้จิตใจของนางว้าวุ่นหดหู่ ไม่มีความสุข มีเพียงยามที่ได้เห็นดวงหน้าหล่อเหลาคมคายของอินเหิงเท่านั้น นางถึงจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง
ตอนบ่ายอินเหิงได้รับาเ็ที่มือ กอปรกับาแตามร่างกายทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ จึงทำได้เพียงปล่อยให้เมิ่งอู่ป้อนอาหารให้เขา
ดวงตาสีอ่อนของเขาตกที่วงหน้าของเมิ่งอู่ มองอยู่ครู่หนึ่งค่อยถามว่า "อาอู่ เ้าไม่มีความสุขหรือ?"
เมิ่งอู่เลิกคิ้ว แล้วย้อนถามว่า "เ้าดูออกได้อย่างไรว่าข้าไม่มีความสุข?"
อินเหิงกล่าว "ข้ามิใช่ผู้ที่เ้าเลี้ยงไว้เป็เ้าบ่าวเด็กหรอกหรือ ย่อมต้องเชื่อมโยงจิตใจถึงกัน" เขาชะงักไปแล้วค่อยกล่าวต่อ "เ้ากำลังครุ่นคิดถึงเื่ของท่านแม่เ้าหรือ?"
เมิ่งอู่ขมวดคิ้วมองอินเหิง กล่าวว่า "เ้าไม่น่าจะมองออกว่าข้าคิดอะไรอยู่กระมัง?"
อินเหิงกล่าว "ข้าเพียงคาดเดา"
ยามบ่ายนางเซี่ยเกือบถูกนางเหอทำร้าย และจากบทสนทนาของนางเซี่ยกับเมิ่งอู่ระหว่างกินอาหารเย็นข้างนอก อินเหิงฟังว่านางเซี่ยรักใคร่ห่วงใยเมิ่งอู่สุดซึ้ง ดังนั้นหากเมิ่งอู่มีเื่ในใจ ก็สมควรเกี่ยวข้องกับมารดาของนาง
สีหน้าของเมิ่งอู่อดสดใสขึ้นสองส่วนไม่ได้ นางกล่าวว่า "คาดไม่ถึงว่าเ้าไม่เพียงมีรูปโฉมหล่อเหลา แต่ยังมีจิตใจละเอียดอ่อนด้วย"
วงหน้าอินเหิงอ่อนโยน ไม่มีพิษมีภัย "ถูกต้อง เมื่อก่อนก็มีคนกล่าวเช่นนี้กับข้า"
เพียงแต่ยามที่ผู้อื่นเอ่ยถึงความสามารถในการวิเคราะห์ความรู้สึกของผู้คนของเขา ถ้าไม่หวาดกลัวจนตัวสั่นก็เกลียดชังอย่างลึกซึ้ง กลับไม่เจือองค์ประกอบของการสรรเสริญเยินยอเฉกเช่นเมิ่งอู่
เมิ่งอู่กล่าวว่า "คืนนี้ข้านึกถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นในอดีตบางอย่างที่ทำให้ข้าไม่สบายใจ"
อินเหิงเอ่ย "เ้ากล่าวเองว่านั่นเป็อดีตไปแล้ว"
เมิ่งอู่ตกตะลึงก่อนพูด "ใช่ นั่นเป็อดีตไปแล้ว"
"ผู้คนล้วนมองไปข้างหน้า หากจมปลักอยู่กับอดีต ก็จะลืมชื่นชมตะวันยามเช้าของวันพรุ่งว่างามเพียงใด"
……….
[1] โต่ว (斗) เป็หน่วยตวงข้าวสารหรือธัญพืชแห้งของจีนโดยในแต่ละสมัยแตกต่างกัน 1 โต่วประมาณ 10 ลิตร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้