อีกหน่อยถ้าเพ้อแบบนี้ทุกวันเธอจะทำอย่างไร
ความลับน้อยใหญ่ของเธอเขาคงรู้เข้าให้สักวันแน่ๆ
ูเี่อันส่ายหน้าไม่ได้ๆ เธอจะต้องพัฒนาภูมิคุ้มกันคนหล่อของตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิมซะแล้ว
เธอพาดผ้าขนหนูที่ลู่เป๋าเหยียนใช้ซับเหงื่อเมื่อครู่ไว้ตรงท้ายทอยจากนั้นจึงเดินก้มหน้าคิดหนักพลางใช้มือจับผ้าขนหนูสองข้างไว้ขณะเดินออกจากห้องฟินเนสไป
แต่เหมือนเธอกำลังเดินอยู่ในเขาวงกตอย่างไรอย่างนั้นทำอย่างไรก็หาทางกลับไปที่ห้องอาหารไม่เจอเสียทีเธอไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเดินวนไปวนไปอยู่ที่เดิมกี่รอบแล้ว
พวกคนรับใช้เห็นูเี่อันเดินวนไปมาสีหน้านิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดจึงไม่กล้าส่งเสียงเรียก
จนกระทั่งลู่เป๋าเหยียนลงมาจากห้องเขาเห็นูเี่อันกำลังเดินลอยไปลอยมาอย่างกับิญญาเร่ร่อน
เขาขมวดคิ้วและเดินไปหยุดตรงหน้าเธอูเี่อันรู้สึกเหมือนตัวเองเดินชนอะไรสักอย่าง จึงหยุดเดินและเงยหน้าขึ้นมอง
ลู่เป๋าเหยียน?
เธอยิ้มอย่างอัตโนมัติ“นายลงมาแล้วเหรอ”
ลู่เป๋าเหยียนชี้ไปยังผ้าขนหนูที่อยู่บนคอเธอ
“เธอพาดผ้าขนหนูที่ฉันใช้แล้วเอาไว้ทำไมกัน”
ูเี่อันก้มหน้ามองตามที่เขาชี้
จริงด้วย!
แต่มันมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกันเธอไม่เห็นรู้เื่
“เอ่อ ฉัน...เอามาเช็ดเหงื่อฉันใช้เสร็จแล้วล่ะ คืนให้นาย”
พูดจบเธอก็ยัดผ้าขนหนูใส่มือลู่เป๋าเหยียนจากนั้นจึงวิ่งไปที่ห้องอาหารทันที
หลังกินข้าวเช้าเสร็จลุงสวีก็ส่งกุญแจรถให้ลู่เป๋าเหยียน
“คุณชายครับผมเตรียมรถไว้ด้านหน้าเรียบร้อยแล้ว สามารถออกเดินทางได้เลยครับ”
ลู่เป๋าเหยียนยื่นมือใหู้เี่อัน
“ไปกันเถอะ”
ูเี่อันยังจำเื่ที่เขาบอกได้ว่าจะพาเธอไปที่แห่งหนึ่งส่งมือให้เขาจับอย่างว่าง่าย และคิดสงสัยไปตลอดทางว่าลู่เป๋าเหยียนจะพาเธอไปไหนกัน
เธอคิดเอาไว้ก็หลายที่ั้แ่สวนสนุกยันสถานที่สุดโต่งที่ลู่เป๋าเหยียนไม่น่าจะพาเธอไปแต่นึกไม่ถึงเลยว่า ที่ที่เขาจะพามาคือที่นี่
‘เซี่ยงหยวน’ เป็เขตเมืองเก่าที่ถูกอนุรักษ์ไว้เป็อย่างดีสองข้างของทางเท้าที่ปูด้วยหินเรียงรายไปด้วยอาคารไม้เก่าแก่ที่ถูกรีโนเวทเป็ร้านค้าและร้านอาหาร่สุดสัปดาห์ที่นี่มักจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
เนื่องจากรถไม่สามารถเข้ามาได้ลู่เป๋าเหยียนจึงจอดเอาไว้ที่ลานจอดรถใกล้ๆและจูงมือูเี่อันเดินเข้าไปท่ามกลางผู้คน
“ตอนเด็กๆแม่ฉันชอบพามาที่นี่” ูเี่อันพูดพลางมองวิวรอบกาย“ที่นี่มีช่างตัดเสื้ออยู่คนหนึ่งที่เย็บกี่เพ้าได้สวยมากแม่ฉันชอบใส่กี่เพ้าเลยมักจะมาให้ช่างคนนั้นตัดให้ ว่าแต่ ตอนเด็กๆ นายเองก็อยู่เมืองนี้นี่นาเคยมาที่นี่บ้างหรือเปล่า”
“ไม่เคย”ลู่เป๋าเหยียนตอบ “ฉันไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ”
ูเี่อันไม่แปลกใจลู่เป๋าเหยียนเป็คนเก็บตัว จะไม่เคยมาที่นี่ก็ไม่แปลก
“ไม่เป็ไร” เธอยิ้ม“งั้นเดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง แต่ก่อนถนนเส้นนี้ยังไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวคนส่วนใหญ่ที่มาจึงมีแต่คนท้องถิ่น ฉันชอบตามแม่มาเวลาที่แม่มารับกี่เพ้าพอเสร็จธุระก็มักจะขอให้แม่พาไปกินน้ำหวานที่ร้านน้ำชาตรงสุดซอยได้ข่าวว่าร้านนั้นปิดไปนานแล้ว ฉันเองก็ลืมรสชาติมันไปแล้วล่ะแต่ยังจำภาพเวลาที่แม่ใส่กี่เพ้าได้ แม่สวยกว่าแมกกี จาง1อีกนะ...”
ถนนเก่าแก่เส้นนี้เต็มไปด้วยความทรงจำระหว่างูเี่อันกับแมู่เี่อันเล่าเื่ราวของเธอไปตลอดทางในขณะที่ลู่เป๋าเหยียนมีหน้าที่เป็ผู้ฟังที่ดี
แต่ฟังไปฟังมา อยู่ดีๆ เสียงเธอก็เงียบหายไป
ลู่เป๋าเหยียนใจหายเขารีบหันกลับไปมอง จึงพบว่าูเี่อันเดินเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าดั้งเดิมร้านหนึ่งแต่เธอแค่เดินดูรอบๆ โดยไม่ได้สนใจเสื้อผ้าที่ถูกแขวนไว้มากเท่าไร
หนึ่งนาที่ต่อมาูเี่อันก็เดินออกจากร้าน
“ที่นี่เป็ร้านของช่างตัดเสื้อคนนั้นที่เล่าให้นายฟังแต่เขาไม่ขายกี่เพ้าแล้วล่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนไม่ได้พูดอะไรเขากุมมือเธอ และจูงเดินต่อไป
ูเี่อันเริ่มสงสัย“ลู่เป๋าเหยียน ตกลงนายจะพาฉันไปไหนกันแน่ ไหนบอกว่าไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ ไงแล้วทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ”
“มาหาหมอ”ลู่เป๋าเหยียนตอบสั้นๆ
ูเี่อันนึกว่าตัวเองหูฝาดไม่ก็ลู่เป๋าเหยียนกำลังล้อเธอเล่น
แต่คำว่า “มาหาหมอ”สามคำนี้เธอได้ยินเต็มสองหู แถมลู่เป๋าเหยียนก็ไม่ใช่คนที่ชอบล้อเล่นซะด้วย
“เดี๋ยวก่อน!”ูเี่อันดึงมือเขาให้หยุดเดิน สายตาเต็มไปด้วยความร้อนใจ
“นายป่วยงั้นเหรอป่วยเป็อะไร อาการหนักหรือเปล่า”
ลู่เป๋าเหยียนยกนิ้วนวดขมับ
“ฉันไม่ได้ป่วย”
“งั้นจะไปหาหมอทำไม”ในที่สุดูเี่อันก็เริ่มเข้าใจ
“หรือว่านายพาฉันมาหาหมอ? แต่ฉันก็ไม่ได้ป่วยนี่!”
“ไม่ป่วย?” ลู่เป๋าเหยียนเลิกคิ้ว
“ตอนอยู่เมือง G ใครกันที่ได้แต่นอนนิ่งอยู่บนเตียงขนาดลุกยังลุกไม่ไหว?”
พอนึกไปถึงตอนอยู่เมือง G ูเี่อันก็เริ่มหน้าแดงเธอก้มหน้าพึมพำ
“นั่นไม่ใช่อาการป่วย...”
นิ่งไปสักพักเธอจึงเงยหน้าขึ้นมา และใช้สายตาออดอ้อนราวกระต่ายขาวตัวน้อยมองลู่เป๋าเหยียน
“พวกเรากลับกันเถอะสุดสัปดาห์ทั้งที อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลยเนอะ”
สถานที่ที่เธอกลัวที่สุดก็คือโรงพยาบาลคนที่เธอกลัวที่สุดก็คือหมอตอนนี้ขอแค่โน้มน้าวให้ลู่เป๋าเหยียนพาเธอกลับออกจากที่นี่ได้ จะให้ทำอะไรเธอก็ยอมรวมถึงการแกล้งทำเป็น่าสงสาร
แต่ลู่เป๋าเหยียนยอมหลงกลง่ายๆเสียที่ไหน
“แค่ไปหาหมอเอง เด็กดีตามฉันมา”
“ไม่เอานะ!”ูเี่อันพยายามสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเขา “ฉันจะกลับบ้าน”
ผิวขาวบอบบางของเธอเพียงแค่ดึงมือไม่กี่ครั้งก็เริ่มเป็รอยแดง ลู่เป๋าเหยียนปล่อยมือเธอด้วยสีหน้าเคร่ง
“แน่จริงก็ลองกลับไปสิ”
ที่จริงเธอจะหันหลังกลับวิ่งหนีไปก็ได้แต่เมื่อเห็นสีหน้าของลู่เป๋าเหยียนแล้ว เธอเลยไม่กล้าที่จะทำจึงได้แต่พูดเสียงเบา
“ก็ฉันไม่อยากหาหมอนี่นาอีกอย่าง มันไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไรสักหน่อย...”
“ถ้าไม่เป็ไรจริงๆหมอก็คงไม่ทำอะไรเธอ”
ลู่เป๋าเหยียนกุมมือูเี่อันอีกครั้งและเริ่มเดินต่อไป
ูเี่อันเดินตามเขาไปอย่างงงๆเธอไม่ได้ป่วยก็ควรได้กลับบ้านไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงกลายเป็ว่า ถึงจะสบายดีเธอก็ควรไปหาหมอ?
เธออดบ่นขึ้นมาไม่ได้“ลู่เป๋าเหยียน นายจะสนใจฉันทำไม ่นี้นายงานยุ่งมากไม่ใช่เหรอ”
พวกเธอไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆสักหน่อย ถึงเธอจะป่วย เขาก็ไม่จำเป็ต้องใส่ใจเธอก็ได้นี่
ลู่เป๋าเหยียนหยุดเดินและใช้สายตาน่ากลัวมองจ้องูเี่อัน
“เธอแต่งงานกับฉันแล้วไม่ให้ฉันใส่ใจเธอ แล้วจะให้ใครใส่ใจ?”
ูเี่อันเม้มปากไม่พูดจา
ที่จริงถ้าลองคิดอีกมุม สิ่งเหล่านี้ที่เธอได้รับก็ถือเป็กำไร
จริงๆ ลู่เป๋าเหยียนไม่ต้องสนใจเธอก็ได้แต่เขาก็ยังพาเธอมาหาหมอ หากคิดซะว่าการกระทำของเขาคือการใส่ใจมันก็ถือเป็กำไรที่เธอได้จากการแต่งงานหลอกๆ ในครั้งนี้
“งั้นก็ได้”ูเี่อันคิดได้ดังนั้นจึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย
“งั้นฉันจะยอมให้นายดูแลสักสองปีละกัน”
เพราะถึงอย่างไรเธอก็ไม่ขาดทุน!
ลู่เป๋าเหยียนเองก็ไม่รู้ว่าในสมองของปีศาจน้อยตนนี้กำลังคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่เขาจูงเธอเดินต่อไปจนสุดซอย
ที่นั่นมีคลินิกแพทย์แผนจีนตั้งอยู่ซึ่งวันนี้แขวนป้ายหน้าร้านไว้ว่าปิดทำการ
ูเี่อันตาส่องประกายอย่างอดดีใจไม่ได้
“ลู่เป๋าเหยียนวันนี้เขาปิดร้านล่ะ พวกเรากลับกันเถอะ”
ลู่เป๋าเหยียนลูบหัวูเี่อันเบาๆ
“คุณนายลู่จะดีใจเร็วไปแล้ว”
ูเี่อันงง “เอ๋?”
ในตอนนั้นเองประตูที่ปิดอยู่เมื่อครู่ก็ถูกเปิดออก มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา
“คุณลู่กับภรรยาใช่ไหมครับผมเป็ผู้ช่วยของซินแสถัง เชิญเข้ามาก่อนครับ ซินแสถังกำลังรอพวกคุณอยู่”
ูเี่อันเข้าใจทันทีประกาศหยุดร้านอะไรนั่นเป็เื่โกหก ที่จริงพวกเขา้าต้อนเธอให้ขึ้นเขียงชัดๆ
เมื่อเดินเข้าคลินิกมากลิ่นฉุนของสมุนไพรจีนก็เริ่มปะทะเข้าจมูกทันที
ูเี่อันไม่ได้แอนตี้กลิ่นนี้เธอยังค่อนข้างชอบมันอีกด้วย แต่ถ้าจะให้เธอดื่มยาที่ทำจากสมุนไพรพวกนี้แล้วล่ะก็ฆ่าเธอเลยเสียดีกว่า
“คุณลู่ครับซินแสถังจะเริ่มจากการจับชีพจรให้ภรรยาคุณก่อนนะครับ” ผู้ช่วยหนุ่มกล่าว
ลู่เป๋าเหยียนปล่อยมือูเี่อันพลางส่งสายตาเชิงให้เธอเดินตามผู้ช่วยคนนั้นไป เธอรู้ดีว่าตนคงหนีไม่รอดแล้วจึงได้แต่นั่งลงตรงเก้าอี้ตรวจอย่างว่าง่าย
“รบกวนด้วยค่ะซินแสถัง”
ซินแสถังเป็หมอแผนจีนที่มีประสบการณ์มากที่สุดของเมือง A เป็ชายชราที่ดูใจดีมีเมตตาเมื่อเขาเห็นูเี่อันนั่งตัวเกร็งอยู่ จึงยิ้มและพูดว่า
“คุณนายลู่ไม่ต้องตื่นเต้นผมแค่จับชีพจรคุณเท่านั้น ไม่เจ็บหรอก ไหน ยื่นมือออกมาสิ”
ูเี่อันยื่นมือออกไปซินแสจึงเริ่มทำการจับชีพจร
สีหน้าของซินแสนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ไม่นานจึงปล่อยมือเธอ จากนั้นก็ถามคำถามบางอย่าง สุดท้ายจึงเขียนใบสั่งยาให้ผู้ช่วยไปจัดยาให้
ลู่เป๋าเหยียนเดินเข้ามา“ซินแสครับ ภรรยาผมเป็อย่างไรบ้าง”
“ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร”ซินแสตอบ “แค่มีภาวะหยางพร่อง2 ให้ระวังเื่อาหารการกินแล้วก็กินยาปรับสมดุลเล็กน้อย อาการปวดประจำเดือนก็จะเริ่มหายไปอย่างช้าๆ วิธีการต้มยาฉันสั่งให้ผู้ช่วยจดไว้ให้แล้วกลับไปกินยาให้ตรงเวลา ถ้ายาหมดแล้วก็ให้กลับมาตรวจใหม่อีกครั้งร่างกายกลับสู่สภาพปกติเมื่อไรก็ไม่ต้องกินยาแล้วล่ะ”
พูดจบผู้ช่วยหนุ่มก็จัดยาเสร็จพอดี ลู่เป๋าเหยียนรับยาจากเขาจากนั้นจึงกล่าวลาและพาูเี่อันเดินออกไป
ูเี่อันก้มหน้าไม่พูดไม่จาปล่อยให้เขาจูงมือเดินต่อราวกับสูญเสียความสามารถในการพูดไปแล้ว
หลังจากได้ยินคำว่า“กินยา” สมองเธอก็หยุดประมวลผลไปชั่วขณะ ยิ่งเห็นยาที่อยู่ในมือลู่เป๋าเหยียนเธอก็อดนึกถึงรสชาติขมติดลิ้นของมันไม่ได้ จนนึกอยากจะแย่งมันมาและปาลงแม่น้ำไปเลยจริงๆ
คนที่มาเที่ยวที่นี่เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆทำให้ถนนสายนี้เริ่มคึกคักลู่เป๋าเหยียนรุ้สึกได้ว่ามือน้อยที่เขากุมอยู่ติดจะเย็นๆ
“เธอหนาวงั้นเหรอ”เขาถาม
“หนาวสิ”ูเี่อันทำหน้าอยากจะร้องไห้ “แค่คิดว่าต้องกินยา ฉันก็หนาวแล้วโทษนายคนเดียวเลย!”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้ม “อืมโทษฉันคนเดียว แต่ยังไงเธอก็ต้องกินยา”
“...”
เมื่อถึงที่จอดรถูเี่อันทำท่าเหมือนจะไม่ยอมขึ้นรถ ลู่เป๋าเหยียนจึงใช้สายตามองถามเธอ เธอถอนหายใจและตอบออกไป
“นายกลับไปก่อนเถอะฉันมีธุระต้องไปที่หนึ่ง”
“เธอจะไปไหน”ลู่เป๋าเหยียนถาม
“เจียงเส้าข่ายยังไม่ออกจากโรงพยาบาลฉันจะไปเยี่ยมเขา” ูเี่อันตอบ “จะมองยังไงที่เขาต้องมานอนโรงพยาบาลแบบนี้ก็เพราะเขาช่วยชีวิตฉัน”
“งั้นฉันไปด้วย”
“หา?”ูเี่อันมองหน้าลู่เป๋าเหยียนอย่างไม่อยากเชื่อ
“นะ...นายจะไปทำไมกัน”เขากับเจียงเส้าข่ายไม่สนิทกันสักหน่อย
ลู่เป๋าเหยียนยกมุมปากยิ้มเล็กน้อย
“เขาอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยภรรยาของฉันฉันก็ควรต้องไปขอบคุณเขาสักหน่อยจริงไหม?”
ูเี่อันเงียบไปชั่วอึดใจจากนั้นจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ก็ควรอยู่นะ...”
ลู่เป๋าเหยียนผลักเธอให้เขาไปนั่งในรถตอนนั้นเองูเี่อันก็เริ่มคิดอะไรขึ้นมาได้ จะว่าควรก็ควรอยู่หรอก แต่ว่า...เธอกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบ“สามีภรรยาทั่วไป” สักหน่อย รู้สึกแปลกๆ อย่างไรก็ไม่รู้
แต่ก่อนที่เธอจะพูดความคิดนี้ออกไปลู่เป๋าเหยียนก็เหยียบคันเร่ง ONE77 จึงเคลื่อนตัวเข้าสู่ท้องถนน เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเป็ที่เรียบร้อย...
********************
1 จางม่านอวี้ หรือ แมกกี จาง (Maggie Cheung)นักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงชาวฮ่องกง
2 ภาวะพร่องของพลังหยาง(ความสามารถในการผลิตพลังความร้อนของร่างกายลดลง)เนื่องจากความเสียสมดุลของร่างกายจากหลายปัจจัย เช่น จากพื้นฐานทางกรรมพันธุ์การเจ็บป่วยเรื้อรัง การใช้ยาที่ผิดพลาด วิธีดำเนินวิถีชีวิตที่ไม่ถูกต้องเป็เวลายาวนาน (ที่มา :http://www.samluangclinic.com/index.php/blog/Chinese_Medicine_010215/)
