หญิงชรามองเด็กสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดู เมื่อนางเอาแต่เท้าคางนั่งทำหน้าบูดบึ้งั้แ่เข้ามาภายในห้อง พอสอบถามถึงได้ทราบว่าที่เด็กสาวมีอาการเช่นนี้ ต้นเหตุเป็เพราะถูกบุตรชายตนคาดโทษมา
"ถ้าแค่ออกไปข้างนอกท่านอาเ้าจะว่าได้อย่างไร แต่เพราะตอนนี้เข้ายามซวีแล้ว เ้าเพิ่งกลับเข้ามา มีสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนที่ไหนบ้าง ออกไปเที่ยวเล่นมืดค่ำเช่นเ้า"
"ถิงเอ๋อร์ทราบแล้วเ้าค่ะ เป็ถิงเอ๋อร์ที่ผิดเอง"
"เช่นนี้ก็ยอมให้ท่านอาเ้าลงโทษเสียแต่โดยดี ถ้าสำนึกผิดคงไม่ลงโทษเ้าหนักนักหรอก"
"เ้าค่ะ" เหยี่ยนถิงไม่กล้าบอกหญิงชรา ว่าสำหรับท่านอาแล้ว ไม่ว่าความผิดเล็กน้อยหรือใหญ่โต เขาล้วนทำโทษจนนางแทบลุกไม่ขึ้นไม่ต่างกัน"เอานี่กินรองท้อง จะได้มีแรงรับโทษ" แม้จะบ่นอยู่บ้าง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าจางก็มิวายให้สาวใช้ข้างกายยกถ้วยของว่างไปไว้ตรงหน้าเด็กสาว ใบหน้าเหี่ยวย่นตามวัยคลี่รอยยิ้มอบอุ่น พรางย้อนนึกถึงอดีตยามได้พบเด็กสาวครั้งแรก
เมื่อสิบกว่าปีก่อน บุตรชายนางกลับจากค่ายทหารมาพร้อมเด็กหญิงตัวน้อยวัยห้าหนาว เขาจูงมือเด็กหญิงที่ยังมีอาการสะอื้นไห้เข้ามาหานาง บอกต่อจากนี้ต้องฝากท่านแม่ดูแลเด็กคนนี้ด้วย
นางสอบถามบุตรชายอย่างละเอียดถึงทราบ ว่าบิดาของเด็กน้อยเป็ศิษย์พี่ที่เขานับถือดุจพี่น้องครั้งอยู่สำนักศึกษา กระทั่งแยกย้ายกันไปก็ยังคงติดต่อกันอยู่ตลอด
แต่โชคไม่ดีที่ครอบครัวศิษย์พี่ผู้นี้ ถูกโจรป่าดักปล้นชิงทรัพย์ระหว่างเดินทาง ทำให้สองสามีภรรยาต้องเสียชีวิต เหลือเพียงบุตรสาววัยห้าหนาวไว้เพียงลำพัง
วันที่บุตรชายนางทราบข่าวและมีโอกาสได้ไปเคารพศพศิษย์พี่เป็ครั้งสุดท้าย เขากลับไปพบว่าบุตรสาวของศิษย์พี่ร้องไห้อยู่หน้าโลงศพเพียงลำพัง ญาติผู้ใหญ่ต่างถกเถียงกันไปมาว่าผู้ใดจะรับเด็กน้อยไปเลี้ยงดู ทุกคนต่างโยนความรับผิดชอบให้แก่กัน โดยไม่สนใจว่าเด็กน้อยได้ยินจะรู้สึกเช่นไร จนเขาทนดูไม่ไหวจึงตัดสินใจรับเด็กน้อยมาเลี้ยงดูเอง
นางในยามนั้นเห็นแววตาเด็กน้อยแล้วจึงเกิดความเอ็นดู ยิ่งได้ฟังเื่ราวก็ยิ่งรู้สึกเวทนาในชะตากรรมของเด็กวัยห้าหนาวที่ต้องเผชิญ จึงยินดีรับซูเหยี่ยนถิงไว้ในการดูแลนับแต่นั้น
ฮูหยินผู้เฒ่าจางมองเด็กสาวจากวัยห้าหนาว กลายเป็สาวแรกแย้มในวัยสิบหกปีด้วยแววตารักใคร่ไม่เปลี่ยน บุตรชายนางไม่มีวี่แววที่จะคิดตกแต่งภรรยา วัน ๆ ทำแต่งาน เื่มีหลานตัวน้อยให้นางจึงกลายเป็เื่ไกลตัว ทำให้หญิงชราอย่างนางจนใจ ยังดีที่ได้เด็กสาวคนนี้เข้ามาคอยช่วยให้ชีวิตได้มีสีสันขึ้นมา
"ถิงเอ๋อร์ตอนนี้เ้าเลยวัยปักปิ่นมาแล้ว กับเพื่อนชายควรเว้นระยะไว้บ้างรู้หรือไม่"
"อาซวนหรือเ้าคะ เราเป็เพื่อนกันมาแต่ยังเด็ก ข้าไม่คิดว่าเขาเป็ผู้ชายหรอกเ้าค่ะ"
"เด็กคนนี้หนิ ถึงเ้าไม่เห็นเขาเป็ผู้ชาย แต่คนอื่นไม่เห็นรึ บอกอันใดไม่เชื่อฟัง เดี๋ยวจะบอกให้ท่านอาเ้าลงโทษให้หนัก"
"ทราบแล้วเ้าค่ะ ถิงเอ๋อร์ล้วนเชื่อฟัง ท่านย่าอย่าบอกท่านอาเลยนะเ้าคะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าจางคลี่รอยยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ เด็กคนนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงกลัวบุตรชายนางนัก ยิ่งพักหลังมานี่ยิ่งหลีกเลี่ยงไม่อยากรับโทษจากผู้เป็อา ทั้งที่ทุกครั้งนางก็มิเห็นบุตรชายจะสั่งทำโทษอันใดใหญ่โต แค่เพียงคุกเข่าไม่ถึงเค่อหรือให้คัดตำราไม่กี่บทเท่านั้น
หญิงชราเสวนากับเด็กสาวอีกไม่เท่าไหร่ ก็ไล่ให้กลับเรือนไป เพราะเห็นว่าดึกแล้ว วันพรุ่งค่อยให้นางมาคุยเล่นกับตนใหม่
หลังกลับจากเรือนฮูหยินผู้เฒ่า เหยี่ยนถิงก็จัดการอาบน้ำชำระกายให้เรียบร้อย ถึงกลับมายังเรือนผู้เป็อาอีกครั้ง โดยใช้ทางเชื่อมระหว่างสองเรือนที่ท่านอาเพิ่งสั่งทำขึ้นเพื่อนางโดยเฉพาะ
ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงก่ำระหว่างนั่งรอชายหนุ่มอยู่บนเตียงนอน ไม่รู้ว่าเพราะนางเพิ่งอาบน้ำอุ่นมา หรือเพราะกำลังคิดไปไกลถึงบทลงโทษที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้จะเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว แต่หัวใจหญิงสาวก็อดจะเต้นระส่ำดั่งมีคนลั่นกลองรบอยู่ภายในมิได้ เมื่อเสียงน้ำภายในห้องอาบน้ำเงียบลง บ่งบอกว่าผู้ใช้งานด้านในคงเสร็จกิจแล้ว
เงาร่างสูงโปร่งเดินผ่านพ้นฉากกั้นออกมาด้านนอก เผยให้เห็นร่างหนาที่สวมกางเกงตัวบางกับสวมเพียงเสื้อคลุมตัวใหญ่ไว้เพียงหลวม ๆ เท่านั้น
มือเรียวยกขึ้นเช็ดเส้นผมที่เปียกหยาดน้ำลวก ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ทำให้สาบเสื้อเผยอออกว้าง เผยแผงหน้าอกแน่นลงลึกถึงรอนกล้ามหน้าท้องอ่อน ๆ ให้เห็นรำไร
เหยี่ยนถิงเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ใบหน้าหวานร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ ฝ่ามือนุ่มกุมเข้าหากันแน่น
กระนั้นดวงตาเรียวกลับมองสำรวจเรือนร่างงดงามของผู้เป็อาได้ไม่นาน ก็จำต้องรีบก้มหน้าลง เพราะเขาเงยหน้าขึ้นมองมายังนางเช่นกัน
"ยังไม่คิดช่วยอีก"
"จะ เ้าค่ะ" ร่างบางรีบลุกขึ้นรับผ้าต่อจากชายหนุ่ม ช่วยเช็ดเส้นผมดำยาวที่เปียกน้ำให้ทันทีหลังเขานั่งลง
เหยี่ยนถิงอดไม่ได้ที่จะแอบสำรวจร่างหนาอีกหน น้อยครั้งนักที่ท่านอาจะเผยเรือนร่างให้เห็นเช่นนี้ ส่วนใหญ่แม้ภายในห้องนอนเขาก็ยังคงสวมใส่อาภรณ์อยู่ครบชุด ถ้าไม่ใช่บ่าวชายคนสนิทจะไม่มีโอกาสได้เห็นรูปร่างหรือช่วยเขาสวมใส่อาภรณ์ หญิงสาวจึงมองว่าเขาเป็บุรุษที่สงวนรูปร่างพอควร
เมื่อมีโอกาสเหยี่ยนถิงจึงมองพินิจผิวพรรณของร่างหนาเป็อันดับแรก ด้วยท่านอามีตำแหน่งเป็กุนซือคนสำคัญของกองทัพ ต้องออกไปทามกลางสนามรบอยู่บ่อยครั้ง ต้องใช้ชีวิตทามกลางแสงแดดลมฝน ทว่าผิวพรรณของเขากลับยังขาวเนียนผุดผ่อง ทั้งยังเนียนนุ่มจนนางรู้สึกอิจฉา
หญิงสาวลอบมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงาเบื้องหน้า ถ้ามีคนกล่าวว่าท่านอาของนางหล่อเหลาเป็อันดับสองของเมือง นางก็เชื่อว่าไม่มีใครกล้าอาจหาญออกตัวว่าตนเป็อันดับหนึ่งอย่างแน่นอน
รูปร่างหากเทียบกับบุรุษอย่างท่านแม่ทัพหลี่สหายของท่านอาแล้ว อาจจะไม่สูงใหญ่และหนาเท่า แต่หากเทียบกับบุรุษทั่วไปและสตรีอย่างนาง ท่านอานั้นจัดได้ว่าเป็บุรุษรูปร่างองอาจสง่างามไม่แพ้ผู้ใดเช่นกัน
"มองพอหรือยัง"
"ผู้ใดมองกัน ท่านอาหลงตัวเองแล้ว"
"มาใกล้ ๆ"
เหยี่ยนถึงลังเลอยู่ชั่วครู่ เมื่อถูกท่านอาเรียกให้เขาไปใกล้ ๆ หลังนางถอยออกห่างจากระยะมือเขาคว้าถึง ทว่าเมื่อเห็นเขาเหมือนมีบางอย่าง้าบอกคล้ายเป็ความลับ นางจึงยอมโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อรอรับฟัง
"อื้อออ ท่านอา"
"ไปเตรียมตัวรับโทษได้แล้ว" ตงหยางแสร้งทำเป็มองไม่เห็นหญิงสาว และกลั้นไม่ให้ตนหลุดหัวเราะออกมา เมื่อเห็นใบหน้าหวานทำหน้าแบะคล้ายจะร้องไห้อยู่รำไร
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปนั่งอ่านตำรารอนางเตรียมตัวที่ตั่งตัวยาวข้างหน้าต่าง
ดวงตาเรียวที่ยังคลอหน่วยด้วยน้ำใส มองค้อนผู้เป็อาที่สร้างความเจ็บให้นาง แต่กลับทำเป็เหมือนไม่มีเื่อันใดเกิดขึ้น
มือเรียวจับลูบพวงแก้มแดงไม่หยุด พลางคิดว่าเขาเป็สุนัขหรืออย่างไร อยู่ ๆ ถึงมางับแก้มนางให้เจ็บเช่นนี้
มิผิด ท่านอาผู้ที่กำลังนั่งอ่านตำราด้วยท่วงท่าสง่างามผู้นั้น เมื่อครู่เพิ่งจะงับพวงแก้มนางจนคิดว่าจะยืดติดปากเขาไปเสียแล้ว
*****************************
นิยายเื่นี้มีจัดทำเป็ E book แล้วนะคะ
สามารถเสิร์จหาจากชื่อนิยายหรือชื่อนักเขียน Hawthorn ใน meb ได้เลยค่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้