เมื่อเห็นสีหน้าเต็มไปด้วยความเมตตาของฮูหยินเฒ่าเซียวซู่ซู่ก็พยายามฝืนยิ้มออกมา อยู่ๆนางก็รู้สึกว่าตนกลั่นแกล้งผู้าุโคนนี้มากเกินไปแล้ว นางเป็ซูฉีฉีแท้ๆแต่กลับมาทำตัวเป็เหมือนหลานสาวของนางอยู่ที่นี่
เมื่อคิดอีกครั้ง ร่างกายนี้เป็เซียวซู่ซู่จริงๆจริงแท้แน่นอน แม้ว่าิญญาจะไม่ใช่ แต่ว่าเืก็ยังคงข้นกว่าน้ำ อีกทั้งนางยังพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับครอบครัวนี้ให้ได้ ให้ตนพยายามทำทุกอย่างเพื่อสกุลเซียว
“ท่านยาย ข้าไม่เป็ไร จริงๆเพียงแค่ว่าหลายวันมานี้ รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง” เซียวซู่ซู่ตั้งใจจะแสดงท่าทางเหน็ดเหนื่อยออกมาพลางลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือไปพยุงฮูหยินเฒ่า “หลายวันมานี้ท่านยายเองก็คงเหนื่อยไม่น้อยเช่นกันใช่หรือไม่”
เมื่อเห็นเซียวซู่ซู่เป็เช่นนี้ฮูหยินเฒ่าถึงจะรู้สึกวางใจลงได้
และก็เป็ดั่งคาด หลายวันมานี้ชื่อเสียงของเซียวซู่ซู่โด่งดังจนเกินไปทว่าวันนี้กลับถูกฮวาเชียนจือที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันเอาชนะไปได้ทำให้ผู้คนอดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้ฮูหยินเฒ่าเองก็กลัวว่าเซียวซู่ซู่จะคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ดังกล่าว
แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้ แต่เซียวมี่นั้นรู้ดีถึงฐานะของฮวาเชียนจือ
เซียวมี่รู้ว่าต่อให้ฮวาเชียนจือมิได้ชนะการแข่งขันในวันนี้ฮวาหรูเสวี่ยก็ต้องหาทางให้นางชนะในการแข่งขันครั้งที่ผ่านมานี้อย่างแน่นอน
เพราะว่าครั้งนี้ที่ฮวาเชียนจือกลับมานางมิได้ไร้เดียงสาเหมือนในอดีต อีกทั้งฮวาหรูเสวี่ยยอมให้นางปรากฏตัวที่งานชมดอกฉยงฮวาก็ได้แสดงถึงจุดประสงค์ของตนแล้ว
แววตาของเซียวมี่ปรากฏความกังวลออกมาแวบหนึ่งแต่ไม่นานก็มีความปลาบปลื้มใจเข้ามาแทนที่ตอนนี้คนที่กำลังประคองตนอยู่คือหลานสาวที่มีรูปโฉมงดงามความสามารถโดดเด่นเป็ที่หนึ่ง
ในใจของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ใครบ้างไม่รู้ว่าลูกหลานของนางนั้นเป็คนที่เก่งกาจที่สุดในโลกนี้ อีกทั้งตอนนี้ที่หนานเจียง เซียวซู่ซู่เรียกได้ว่าเป็หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมที่สุด ยอดบุปผาจะต้องตกเป็ของนางอย่างมิต้องสงสัย
นางยกมือขึ้นจับไปที่มือของเซียวซู่ซู่เบาๆพลางยิ้มอย่างใจดีออกมา “ยายไม่เหนื่อยหรอก”
กระทั่งรอยย่นตรงขอบตาของนางก็ประดับไปด้วยความยินดี
เซียวซู่ซู่มองไปทางเซียวมี่แต่เดิมความรู้สึกที่ย่ำแย่เนื่องจากการปรากฏตัวของฮวาเชียนจือก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็ดีขึ้น นางมิอยากให้สตรีผู้มีอายุล่วงห้าสิบไปแล้วต้องมาเป็ห่วงตนนางจึงฉีกยิ้มของตนให้กว้างขึ้น “ท่านยายวางใจเถิด หลายวันมานี้ซู่ซู่แค่รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้างวันนี้กลับไปพักผ่อนดีๆ พรุ่งนี้การแข่งขันบทกลอน จะต้องไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน”
นางเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ามั่นใจ
นางมิค่อยเข้าใจหญิงสาวชนชั้นสูงของหนานเจียงผู้อื่นเท่าใดนักแต่นางเข้าใจฮวาเชียนจือเป็อย่างดีประสบการณ์และเื่ราวในอดีตได้สอนให้นางรู้จักสตรีผู้นี้อย่างถ่องแท้
นอกจากการใช้แผนการชั่วร้ายของฮวาเชียนจือแล้วถ้าหากพูดถึงความรู้ความสามารถที่แท้จริงของนางมิถึงขั้นที่จะนำมาแสดงต่อหน้าผู้คนได้หรอก
ตอนนี้สามารถพูดได้ว่าคู่แค้นได้มาปรากฏตัวต่อหน้าแล้วทำให้ไฟอาฆาตของนางถูกจุดประกายขึ้น แต่ว่าเซียวซู่ซู่ไม่อาจแสดงออกมาได้เพราะว่าตอนนี้นางไม่ใช่ซูฉีฉี
นางเป็หลานสาวของแม่ทัพเซียวแห่งแคว้นป่ายฮวาเป็เซียวซู่ซู่ที่สลบไม่ได้สติมาถึงสิบห้าปี เป็คนที่สดใส ร่าเริงไม่มีความทุกข์ร้อนใดๆ ในใจและเป็ผู้ที่ไร้เดียงสาไม่เคยต้องเผชิญต่อภัยอันตรายใดๆ มาก่อน
นางยังไม่แม้กระทั่งจะถึงวัยที่ผ่านพิธีปักปิ่นเสียด้วยซ้ำ
เซียวมี่และเซียวซู่ซู่เอ่ยพูดคุยกันไม่หยุดถ้ามองจากไกลๆ แล้วจะเหมือนเป็ภาพของหญิงชรากำลังรักใคร่เอ็นดูหลานสาวที่แสนกตัญญูผู้หนึ่งอยู่
ทำให้เหลยอวี๊เฟิง ฮวาเชียนเย่ป๋ายหลี่ม่อและสวี่เว่ยหรานที่กำลังจับตาดูเซียวซู่ซู่นั้นล้วนเฝ้ามองดูอยู่เงียบๆจับตามองดูทุกสีหน้าท่าทางของนาง
ตอนนี้เซียวซู่ซู่มิได้มีท่าทางเ็าหรือเย่อหยิ่งอีกรอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้คนสามารถมองดูได้อย่างไม่รู้เบื่อ
อีกทั้งโฉมหน้าของเซียวซู่ซู่ยังงดงามไร้ที่ติเหมือนไข่มุกเม็ดงาม ดุจหยกงามล้ำค่า อีกทั้ง่หว่างคิ้วยังมีประกายของบัณฑิตผู้มากความรู้ประกอบกับชุดกระโปรงตัวยาวสีอ่อนของนางยิ่งทำให้นางดูเหมือนเซียนหญิงที่สูงส่งและงดงามเหนืุ์ทั้งปวง
“ถ้าหากเปรียบเทียบด้านรูปโฉมหลานสาวสกุลเซียวถือเป็ที่สุด ความสามารถหรือ ในการแข่งขันห้าประเภท ก็ได้ผ่านไปถึงสี่ประเภทแล้วอีกทั้งหลานสาวสกุลเซียวยังคว้าชัยชนะไปได้ถึงสามประเภทต่อให้ฮวาเชียนจือผู้นี้จะชนะการแข่งขันพรุ่งนี้อีกประเภทหนึ่งตำแหน่งยอดบุปผาก็ไม่อาจตกเป็ของนางได้”สวี่เว่ยหร่านเอ่ยออกมาอย่างใช้ความคิด
ตอนนี้เขาเพียงแค่วิเคราะห์สาวงามทั้งสองเพียงเท่านั้น และเพียงแค่วิเคราะห์ผลของงานชมดอกฉยงฮวาเท่านั้นเช่นกัน
“ก็จริง”เฮ้ออี้เทียนพยักหน้าเขามิได้ศึกษาเกี่ยวกับสาวงามมาก่อน แต่ว่าประโยคที่สวี่เว่ยหรานเอ่ยออกมานั้นชัดเจนเป็อย่างยิ่ง ทุกคนล้วนรู้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนั้น
จากนั้นเฮ้ออี้เทียนก็กวาดตาไปมองบริเวณรอบๆอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าครั้งนี้องค์ชายเก้าแห่งแคว้นอ้าวอวิ๋นจะพลาดเสียแล้ว” มุมปากของเขากระดกขึ้นเป็การกระดกขึ้นที่แฝงด้วยความเย้ยหยันเอาไว้
“ฮ่าๆๆ เป็เช่นนั้นจริงๆ” สวี่เว่ยหรานหัวเราะออกมาเสียงดัง รูปโฉมดุจเทพเซียนของเขาแม้ว่าจะกำลังหัวเราะจนไหล่ทั้งสองของตนสั่นไหวอย่างรุนแรงถึงกระนั้นเขาก็ยังดูอ่อนโยนและนุ่มนวลดุจหยกเนื้อดีเช่นเคย
เพียงแต่ว่าเฮ้ออี้เทียนกลับรู้ดีว่าบุรุษผู้นี้ แม้ว่าจะมีรูปโฉมเรียบร้อยเหมือนบัณฑิตแต่เมื่อลงมือกระทำสิ่งใดแล้วก็แสนจะโหดร้าย ไร้ซึ่งความปรานี คนเช่นนี้ถึงจะถือว่าน่ากลัวที่สุด เทียบกับองค์ชายเก้าที่มีสีหน้าน่าเกรงขามผู้นั้นแล้วคนเช่นนี้ควรจะต้องระมัดระวังยิ่งกว่า
และในขณะที่สวี่เว่ยหรานหัวเราะเขาก็กวาดตาไปมองผู้คนโดยรอบแวบหนึ่ง การที่เขามาที่นี่ไม่ได้เพียงเพื่อจะร่วมงานชมดอกฉยงฮวาเท่านั้นแต่เพื่อหาเบาะแสที่สามารถมีประโยชน์แก่ตนได้
สี่วันที่ผ่านมานี้ตอนกลางวันเขานั่งอยู่ที่นี่ชื่นชมความงามของดอกไม้ตกดึกเขากลับไม่ได้กลับห้องพักผ่อนแต่ออกไปสอบถามเกี่ยวกับข่าวคราวของวังคลื่นจันทรา
การเปลี่ยนผู้ครองตำแหน่งมหาปุโรหิตที่สิบปีมีครั้งของวังคลื่นจันทรากำลังจะเริ่มขึ้นแล้วปีนี้ก็ถึงคราวของแคว้นป่ายฮวาพอดี
พวกเขาอยากรู้ว่าใครจะเป็คนรับผิดชอบหน้าที่อันสำคัญเช่นนี้
แม้ว่าตอนนี้วังคลื่นจันทราจะไม่ได้มีอำนาจอย่างเห็นได้ชัดแต่ว่าในด้านมุมมองและความสำคัญบางอย่างก็ยังถือว่าเหนือกว่าแคว้นทั้งสาม
อย่างน้อยในใจของประชาชนทั่วไปวังคลื่นจันทรานั้นถือเป็สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่ง เป็สิ่งที่ไม่อาจล่วงเกินได้
ถ้าหากอยากจะรวบรวมหนานเจียงให้เป็หนึ่งและแคว้นที่เหลือทั้งสอง ก็จำเป็ต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเพราะฉะนั้นการได้รับความสนับสนุนจากวังคลื่นจันทรานั้นเป็สิ่งที่ขาดไม่ได้
อีกทั้งจากสถานการณ์ในตอนนี้ถ้าหากแคว้นป่ายฮวาได้รับการสนับสนุนเช่นนั้นเกรงว่าโยวเจิ้นและอ้าวอวิ๋นจะต้องยอมรับมันอย่างไม่มีทางเลือกแล้ว
ถึงเวลานั้นจะต้องเกิดาที่ร้ายแรงขึ้นอย่างแน่นอน แต่เกรงว่าหลังจากาจบลงผู้ที่ครองอำนาจเป็ใครก็ยากที่จะรู้ได้แล้ว
และเพราะว่าเหตุผลเหล่านี้ทำให้สวี่เว่ยหรานมาที่นี่ด้วยตนเองอีกทั้งเขายังเชื่อว่าองค์ชายเก้าแห่งแคว้นอ้าวอวิ๋นก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อถอนหมั้นแต่เพียงเท่านั้นเห็นได้ชัดว่าการถอนหมั้นนั้นเป็แค่ข้ออ้างอย่างหนึ่ง
สำหรับเสียงหัวเราะของสวี่เว่ยหรานองค์ชายเก้าป๋ายหลี่ม่อทำเพียงแค่ส่งเสียงหึในลำคอกลับไป วรยุทธ์ของเขาเก่งกาจจึงทำให้พอจะได้ยินบทสนทนาของฝั่งตรงข้ามอยู่บ้าง
เขาลอบกำหมัดแน่น เขาเองก็รู้สึกว่าตนเองทำพลาดอย่างใหญ่หลวงแล้วแต่ว่าเื่มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีทางถอยหลังกลับอีก
ต่อให้เขาจะรู้สึกไม่ยินยอมถึงเพียงใดแต่ว่าคุณหนูเล็กแห่งสกุลเซียวก็ได้อยู่ในสถานะที่เป็อิสระแล้ว
หยกสลักรูปัที่แขวนไว้ตรงเอวของนางแกว่งไปมาอย่างเด่นชัด สี่วันมานี้ทุกครั้งที่นางขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีหยกขาว หยกสลักรูปันั้นก็ล้วนเป็ที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คนทั้งหมด ไม่มีใครซุบซิบนินทาถึงเื่ที่สกุลเซียวถูกถอนหมั้นและยิ่งไม่มีใครเยาะเย้ยพวกเขา
ในทางกลับกันก็มีบุรุษชนชั้นสูงจำนวนมากมีสีหน้าดีอกดีใจพวกเขาล้วนชื่นชอบสถานะตอนนี้ของเซียวซู่ซู่ ไร้คู่ครองแสดงว่าไม่ว่าใครก็ล้วนมีโอกาส
ที่หนานเจียงมีประเพณีอย่างหนึ่งคือสตรีทุกคนที่ยังมิได้หมั่นหมายจะแขวนป้ายหยกสลักรูปัเอาไว้และบุรุษทุกคนที่ยังมิได้มีคู่หมั่นคู่หมายก็จะแขวนหยกสลักรูปหงส์เอาไว้ เพื่อแสดงให้เห็นว่ายังไม่มีคู่ครองถ้าหากพบคนที่ชื่นชอบ และคนทั้งสองฝ่ายล้วนมีใจตรงกันก็จะแลกป้ายหยกเพื่อเป็การแสดงออกว่าได้มีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว
หยกสลักรูปัและรูปหงส์นอกจากรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนกันแล้ว รูปแบบขนาดรวมถึงเค้าโครงของพวกมันจะละม้ายคล้ายกันมาก และด้านล่างของป้ายหยกก็จะสลักชื่อของเ้าของเอาไว้ ป้ายหยกเช่นนี้ทันทีที่เกิดมาคนในสกุลก็จะสั่งทำให้ป้ายหนึ่ง
ตอนแรกองค์ชายเก้าคิดว่าสกุลเซียวได้ทำการกลั่นแกล้งหยามหน้าพวกเขาราชนิกูลของแคว้นอ้าวอวิ๋นก็โมโหมีโทสะเป็อย่างมาก ตอนนั้นยังมิทันได้คิดไตร่ตรองให้ดีก็ได้ขอราชโองการถอนหมั้นทันทีและคิดไม่ถึงอีกด้วยว่าหญิงปัญญาอ่อนจะมีรูปโฉมที่งดงามความสามารถที่โดดเด่นถึงเพียงนี้
หนานกงม่อก็กวาดสายตาไปทางสวี่เว่ยหรานด้วยแววตาเ็าแวบหนึ่งมือของเขาเองก็กำแน่นเขาหากัน แม้ว่าเบื้องหน้าแคว้นทั้งสามจะมิได้แตกหักกันแต่ว่าลับหลังพวกเขาล้วนกำลังสะสมพลังอำนาจ เตรียมพร้อมจะก่อาใหญ่ทุกเมื่อ
และก็เป็เหมือนดั่งที่สวี่เว่ยหรานคิดองค์ชายเก้าป๋ายหลี่ม่อไม่ได้มาที่นี่เพียงเพื่อจะถอนหมั้นเท่านั้น เขาเองก็กำลังตรวจสอบเกี่ยวกับผู้ที่จะมาเป็มหาปุโรหิตของวังคลื่นจันทราในครั้งนี้ว่าแคว้นป่ายฮวาคิดจะเลือกใครให้มารับตำแหน่ง
ครั้งนี้พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าต้องแลกมาด้วยอะไรก็จะต้องทำลายพิธีเปลี่ยนตำแหน่งมหาปุโรหิตครั้งนี้ให้จงได้