วันแต่งงานของเ้าของร่างเดิม เธอไม่ได้กินอะไรมากมายนักที่บ้านตระกูลสวี่ พอไปถึงบ้านตระกูลลู่ก็ได้กินข้าวหมากที่ลู่จิ่งซานยกมาให้เพียงเล็กน้อย แต่เพราะประหม่ามากจึงไม่ได้กินอะไรเพิ่ม
ต่อมาก็เป็่รินเหล้าคารวะก็ยิ่งไม่มีโอกาสได้กินข้าว ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินทั้งคืน ไม่ได้เข้าห้องน้ำก็ไม่เป็อะไร
แต่เหอเสวี่ยฉินไม่เหมือนกัน เมื่อวานั้แ่ตื่นนอนก็กินไม่หยุดปาก มื้อเที่ยงยังซัดบะหมี่คลุกซอสไปสองชาม ซดน้ำซุปจนเกลี้ยง ตอนบ่ายแม้ไม่ได้นั่งกินเลี้ยง แต่กับข้าวร้อนเย็นและน้ำซุปก็กินครบทุกอย่าง ผลก็คือพอตกดึกเธอเริ่มปวดท้อง
เพื่อจะวางแผนใส่ร้ายสวี่จือจือ เธอจงใจเอาของที่ควรจะอยู่ในห้องใต้ดินออกไป ดังนั้นไม่ว่าเธอจะร้องโวยวายยังไงก็ไม่มีใครได้ยินและเข้ามาช่วยเหลือ
่แรกเธอปวดปัสสาวะก็ยังพอทนได้ แต่พอปวดท้องหนักเข้าก็เริ่มจะกลั้นไม่ไหว พอเปิดประตูระบายน้ำด้านหน้า ด้านหลังก็ะเิเป็ชุด
เหอเสวี่ยฉินก็ซวยจริงๆ ขณะที่กำลังถ่ายหนักอย่างสบายใจ ก็มีหนูมาจากไหนไม่รู้ะโเข้าใส่หน้าของเธอ เกือบทำให้เธอใตาย
แข้งขาอ่อน ล้มลงไปกองบนสิ่งที่เธอถ่ายออกมา
เธอสูดลมหายใจเย็นเยียบ
เอวเคล็ด ขยับตัวไม่ได้
โอ๊ย! พอกลุ่มคนมาพบเธอ สภาพนั้นแทบจะทำเอาพวกเขาสำรอกออกมา
ในห้องใต้ดินที่อบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นโฉ่ เหอเสวี่ยฉินนอนเปลือยท่อนล่างอยู่บนสิ่งปฏิกูลเ่าั้ แล้วก็...หลับไป!
เหอเสวี่ยฉินเป็ครูของประชาคม มักจะยกตนว่าเป็คนมีการศึกษา ภูมิใจในตัวเองมาก มองว่าพวกผู้หญิงชาวไร่ชาวนาสกปรกและมอมแมม แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้!
เสื้อผ้า้ายังใส่ดีอยู่ แต่กางเกงถูกถลกไปกองอยู่ข้างล่าง หรือว่า...จะโดนใครทำมิดีมิร้าย?
ทุกคนมองไปที่ลู่หวยเหรินด้วยสายตาเห็นใจ ถึงจะไม่ใช่เื่ชู้สาว แต่การถูกทำมิดีมิร้ายดูจะน่าอับอายยิ่งกว่า!
“เ้ารอง มัวยืนเหม่ออะไรอยู่ รีบไปจัดการเมียของแกเร็วเข้า” จ้าวลี่เจวียนเอามือปิดจมูกด้วยความรังเกียจ ในใจกลับหัวเราะอย่างสะใจ
เธอก็คือผู้หญิงชาวนาที่เหอเสวี่ยฉินเคยดูถูกว่าสกปรกและมอมแมมนั่นแหละ
ทุกครั้งที่เหอเสวี่ยฉินกลับมา มักจะบ่นว่าครัวของเธอไม่สะอาด บ้านก็รก ทำให้เธอโกรธจนแทบตาย!
“พี่รอง!” เหอเสวี่ยฉินนอนกองอยู่บนพื้นเอามือปิดหน้าร้องไห้
เธอทำตัวเข้มแข็งมาทั้งชีวิต หน้าแทบจะแตกยับ!
ลู่หวยเหรินไม่อยากเข้าไปจริงๆ ห้องใต้ดินมันเหม็นมาก แต่คนที่น่าอับอายอยู่ตรงนั้นคือภรรยาของเขา ถ้าเขาไม่เข้าไปจัดการแล้วจะให้ใครไป? ทำได้เพียงกัดฟันกลั้นใจเดินเข้าไป
“โอ้โห เสวี่ยฉิน” จ้าวลี่เจวียนยืนอยู่ไม่ไกลพูดอย่างเป็ห่วง “ทำไมเธอถึงนอนอยู่บนพื้น...ไม่หาที่สะอาดๆ หน่อยล่ะ”
“สกปรกขนาดนี้ ของพวกนี้ยังจะใช้ได้อีกเหรอ” มองดูข้าวของในห้องใต้ดินด้วยความเสียดาย
จะทิ้งก็เสียดาย จะไม่ทิ้งก็รู้สึกขยะแขยง
“ฮือๆๆ...” เหอเสวี่ยฉินพอเห็นลู่หวยเหรินก็ร้องไห้ “พี่รอง เป็สวี่จือจือ นังเด็กแพศยานั่น เป็มันที่จะทำร้ายฉัน”
“เธอเงียบๆ หน่อย” ลู่หวยเหรินรู้สึกว่าหน้าของเขาในชาตินี้คงจะถูกขายไปหมดแล้ว เขาหน้าดำคล้ำนั่งยองๆ ลงพยายามจะอุ้มเธอขึ้น แต่กลับเสียหลัก ไม่เพียงแต่จะอุ้มเหอเสวี่ยฉินไม่ขึ้นเท่านั้น ยังทำให้เธอล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
โอ๊ย!
ในห้องใต้ดินมีเสียงร้องโหยหวนเหมือนหมูถูกเชือดดังขึ้น ส่วนสวี่จือจือได้กินอาหารเช้ากับคุณนายลู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“คุณย่าคะ” สวี่จือจือเข็นรถเข็นพลางพูด “แดดกำลังดีเลย หนูเข็นคุณย่าออกไปตากแดดนะคะ”
เพิ่งจะเข็นออกมานอกบ้านก็เห็นลู่หลิงซานวิ่งหน้าตาบึ้งตึงเข้ามา ไม่เพียงเท่านั้นยังผลักสวี่จือจืออย่างแรงอีกด้วย
เอาล่ะ สวี่จือจือยอมรับว่าตอนนี้เธอกำลังทำตัวเป็ชาเขียว[1] เพราะเดิมทีเธอหลบได้ แต่ต่อหน้าคุณย่าและลู่จิ่งซาน เธอก็ยอมรับมันเสีย ถอยหลังไปสองก้าวเกือบจะล้ม ดีที่ลู่จิ่งซานเข้ามารับไว้ได้ทัน
“นังแพศยา!”
“หลิงซาน” คุณนายลู่หน้าดำคล้ำพูด “ขอโทษพี่สะใภ้สามของแกซะ”
“มันแกล้งทำ หนูไม่ได้ใช้แรงเยอะขนาดนั้น” ลู่หลิงซานพูดอย่างโมโห “คุณย่าไม่รู้หรอกว่ามันทำอะไรไว้บ้าง”
“มันขังแม่ของหนูไว้ในห้องใต้ดิน ไม่ให้แม่หนูออกมา”
ถ้าไม่ใช่เพราะนังแพศยานี่ แม่ของเธอจะน่าอับอายขนาดนี้เหรอ!
“พี่ชาย ผู้หญิงชั่วร้ายพรรค์นี้ พี่ชายรีบหย่ามันไปเถอะ” ลู่หลิงซานจ้องสวี่จือจือด้วยความเกลียดชัง
“หุบปาก” ลู่จิ่งซานพูดเสียงเ็า
ลู่หลิงซานไม่ยอม แต่คนที่อยู่ตรงหน้าคือลู่จิ่งซาน ไม่ใช่คนอื่น เธอจึงไม่กล้า
“ต่อไปถ้าฉันได้ยินแกพูดไม่ดีกับเธออีกแม้แต่ครึ่งคำ” ลู่จิ่งซานพูดอย่างไม่แยแส “ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”
“พี่ชาย!” ลู่หลิงซานกระทืบเท้า
“หาน้าเหอเจอแล้วเหรอ?” ศีรษะเล็กๆ ของสวี่จือจือโผล่มาจากข้างหลังลู่จิ่งซาน ถามด้วยรอยยิ้ม “หาเจอที่ไหนเหรอ? ฉันยังเป็ห่วงอยู่เลย”
สำหรับท่าทีปกป้องเมื่อกี้ของลู่จิ่งซาน เธอก็ชอบใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อการที่เธอจะยั่วโมโหลู่หลิงซาน
“เข็นฉันไปดูหน่อย” คุณนายลู่พูด
สวี่จือจือเองก็อยากจะไปดูเช่นกัน จึงรีบเข็นรถเข็นให้คุณย่า “คุณย่า หนูเข็นคุณย่าเองค่ะ”
ลู่จิ่งซานที่เดินตามหลังมาได้แต่ส่ายหน้ามองผู้หญิงที่เดินเร็วอยู่ข้างหน้าอย่างจนปัญญา
“เหม็นมาก!”
ตอนที่สวี่จือจือเข็นคุณย่ามาถึง ลู่หวยเหรินกับเหอเสวี่ยฮวาเพิ่งจะพาเหอเสวี่ยฉินออกมาจากห้องใต้ดิน เหอเสวี่ยฉินอยากจะหาที่มุดดินหนี แต่กลับได้ยินเสียงของสวี่จือจือ
“สวี่จือจือ!” เธอกัดฟันพูด “แกทำร้ายฉัน แกทำร้ายฉัน”
ถ้าไม่ติดว่าปวดเอวมาก เธออยากจะพุ่งเข้าไปกินเนื้อดื่มเืของสวี่จือจือเสียให้ได้!
นังแพศยา! นังแพศยา!
“น้าเหอ” สวี่จือจือถาม “เป็อะไรเหรอคะ? ทำไมถึงว่าหนูทำร้ายน้าเหอ?”
“หุบปากไปซะ เหม็นจะตายอยู่แล้ว” ลู่หวยเหรินพูดด้วยสีหน้าดำคล้ำ “รีบให้เสวี่ยฮวาไปล้างตัวให้เร็ว”
“ทำไมต้องให้ฉันล้างให้” เหอเสวี่ยฮวาเองก็ทนกลิ่นไม่ไหวเหมือนกัน แล้วร้องโวยวาย “พี่เป็สามีของเธอนะ”
ลู่หวยเหริน “...”
การทะเลาะกันของสองคน ทำให้เหอเสวี่ยฉินรู้สึกอับอายยิ่งขึ้น
“ให้มันมา” เธอชี้ไปที่สวี่จือจือด้วยความแค้น “ให้สวี่จือจือมาดูแลฉัน”
เธอก็ถือว่าเป็แม่สามีของสวี่จือจือคนหนึ่ง สะใภ้ดูแลแม่สามีก็เป็เื่ที่ถูกต้องอยู่แล้ว
ใครจะไปรู้ว่าสวี่จือจือกลับหัวเราะ “น้าเหอคะ หนูว่าน้าเหอคงจะเป็บ้าไปแล้ว รีบให้คุณพ่อเช็ดตัวให้ แล้วส่งไปสถานีอนามัยเถอะค่ะ”
จะให้เธอไปล้าง? อีกฝ่ายคู่ควรที่ไหน!
“อย่าโวยวายไปหน่อยเลย” ลู่หวยเหรินสีหน้าดำคล้ำ งานแบบนี้เขายังไม่อยากจะทำเลย นับประสาอะไรกับสะใภ้ใหม่ที่เพิ่งเข้าบ้านวันแรก คิดอะไรอยู่กัน
พอดีเห็นลู่หลิงซานเดินมาด้วยความโกรธ ลู่หวยเหรินเลยพูดกับเธอ “หลิงซาน รีบๆ หน่อย ไปล้างตัวให้แม่แกซะ”
“ใช่แล้ว” ลู่ซือหยวนเสียงดังพูด “แม่ของแกรักแกที่สุดแล้ว”
ยังไงก็ตาม น้องชายของเธอกับเหอเสวี่ยฉินก็ไม่ถูกกันอยู่แล้ว จะให้ภรรยาของเขาไปล้างตัวให้เหอเสวี่ยฉินได้ยังไง
ไม่รู้ว่าเหอเสวี่ยฉินคิดอะไรอยู่ หรือว่าจะเป็บ้าไปแล้วอย่างที่สวี่จือจือพูดจริงๆ?
ถ้าเป็แบบนั้นก็ต้องรีบไปรักษานะ!
.............................
[1] ชาเขียว เป็ศัพท์แสลง หมายถึง ผู้หญิงที่แอ๊บใสซื่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้