ั์ตาอันลึกซึ้งของบุรุษฉายแววเถรตรงและตั้งมั่น ราวกับดวงตาคู่นั้นสามารถมองผ่านทะลุผู้คนได้
เขาคือบุรุษรูปงามยากหาใครเทียบ แม้อาภรณ์และศีรษะที่โล้นเปล่านั้นจะสื่อชัดเจนว่าเขาเป็พระ ช่างน่าเสียดายเสียนี่กระไร
ลู่ซินไม่เคยพบไต้ซือเสวียนจีมาก่อนจึงทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจ “คุณหนูเ้าคะ… หะ.. เหตุใดชายผู้นั้นจึงมาอยู่ตรงนี้เ้าคะ ประหลาดจริงเชียว...”
ลู่ซินเป็เด็กขี้อายคล้ายฮวาชีเยว่เมื่อก่อน กลับกันกับฮวาชีเยว่ในตอนนี้ที่รักษาท่าทีอย่างนอบน้อม “ชีเยว่เคารพไต้ซือเสวียนจี!”
ทันใดนั้นลู่ซินก็รู้สึกเหมือนมีสายอสุนีบาตฟาดลงมากลางกระหม่อม นางจ้องไปยังชายที่ยืนอย่างสง่ากลางโถงกว้างราวไม่อยากจะเชื่อในสายตาของตนเอง
ชื่อเสียงเรียงนามของไต้ซือเสวียนจีสะพัดไปทั่วหล้า ลู่ซินคิดมาตลอดว่ามีเพียงชายวัยย่างเข้าเลขเจ็ดหรือแปดเท่านั้นจึงสามารถหยั่งรู้ธรรมชาติของมนุษย์ได้
นางไม่อาจปักใจได้เลยว่าไต้ซือที่เลื่องลือนั้นแท้จริงแล้วเป็บุรุษยังหนุ่มแน่น ทั้งรูปโฉมยังงามงดถึงปานนี้!
“แม่นางฮวา เป็เกียรติอย่างยิ่ง อาตมาเพียงผ่านมาทางจวนสกุลฮวาแล้วเกิดอยากพบแม่นางขึ้นมาเท่านั้น” เสวียนจีกล่าวด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม หากแต่ดวงตาของเขาไม่มีแววเสน่หาเชิงชู้สาวเลยแม้แต่น้อย
หัวใจของลู่ซินเต้นรัวและแรง หากมีใครพูดออกไปว่าคุณหนูใหญ่ของนางพบกับบุรุษตรงนี้ ชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่ของนางเป็อันต้องป่นปี้เป็แน่ แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรต่อไปหากเกิดเื่เช่นนั้นขึ้น?
“คุณหนูเ้าคะ… บะ บะ บ่าวจะออกไปดูลู่ทางข้างนอกให้นะเ้าคะ หากมีใครมา… บ่าวจะรีบมารายงานคุณหนูเลยเ้าค่ะ!” ลู่ซินกล่าวก่อนรีบวิ่งออกไปอย่างเร่งร้อน
“นางกลัวว่าจะมีผู้ใดมาขัดจังหวะอย่างงั้นหรือ?” ฮวาชีเยว่คิด ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มบาง
“ท่านไต้ซือ เชิญนั่ง ข้าจะไปชงชา...”
“นั่นมิใช่เหตุจำเป็ อาตมามาเพื่อบอกกล่าวเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น” เสวียนจียิ้มเหมือนอย่างเคย ขณะลมหายใจที่พัดพาชวนให้นึกถึงแสงอาทิตย์รำไพในวสันตฤดู ช่างอบอุ่นและผ่อนคลาย
ฮวาชีเยว่เชิญให้เสวียนจีนั่งลง หลังจากนั้นนางจึงปรายตาสำรวจอีกฝ่ายด้วยความเงียบงัน
เสวียนจี อบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ
เทียนพี่ รูปโฉมงดงามเยี่ยงปีศาจ
อวิ๋นสือโม่ เยือกเย็นและหยิ่งผยอง
ยังมีบุรุษรูปงามอีกท่าน หวงฝู่เซียน ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับธารน้ำใส
หากแต่วันนี้ไต้ซือเสวียนจีดูแตกต่างจากตอนที่อยู่ ณ อาราม เขาดูเหมือน… มนุษย์มากขึ้น
“ที่ไต้ซือเสวียนจีแวะมาเยี่ยมเยียน แปลว่าไต้ซือเสวียนจีมีเหตุอันใดจะบอกกล่าวกับชีเยว่ใช่หรือไม่?” ฮวาชีเยว่เอ่ยถามด้วยท่าทางที่นอบน้อม พระรูปนี้ไม่ใช่คนถือตัวอะไรมาก ขนาดที่สามารถมอบน้ำเต้าหยกเขียวและชี้แนะให้นางได้พบกับเทียนพี่ อันเป็เหตุให้ชีวิตของนางเปลี่ยนไปตลอดกาล
ไต้ซือเสวียนจีจะหยั่งรู้ถึงพลังวิเศษของน้ำเต้าหยกเขียวนี้หรือไม่?
เสวียนจีหันมองรอบห้องโถงใหญ่ โถงแห่งนี้ดูเก่าแก่คร่ำครึ แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ยังดูโบราณ
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจเปลี่ยนเครื่องใช้ในโถงกว้างสักเล็กน้อย และแนะให้ฮวาชีเยว่ย้ายไปอยู่เรือนหรงฮวาที่ยามนี้ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่
นั่นคือที่ที่มารดาของฮวาชีเยว่เคยอยู่ ก่อนจะว่างเปล่าไร้ผู้คนั้แ่นางจากไป
ฮวาชีเยว่ไม่อยากไปจากเรือนแห่งนี้แม้สักนิด ประการแรกนางรู้สึกว่าการย้ายไปอยู่ที่เรือนหรงฮวานั้นไม่เป็การเคารพต่อผู้เป็มารดา กอปรกับจวนของนางสร้างขึ้นขนานรั้ว ทั้งยังมีต้นมะเดื่อขนาดใหญ่อยู่ข้างเคียง นางคิดไว้แล้วว่าทั้งหมดนี้ต้องเอื้อแก่การใช้ชีวิตในภายภาคหน้าเป็แน่แท้
ฮวาชีเยว่ปฏิเสธข้อเสนอแนะของฮูหยินเฒ่า
“อาตมาขอชี้แนะแม่นางสักเล็กน้อย ท่านควรสำเร็จวิชาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มิเช่นนั้นท่านจะพบว่าตนนั้นอ่อนแอถึงเพียงไหนยามมีภัยร้ายมาเยือน” ไต้ซือเสวียนจีกล่าวอย่างสงบนิ่ง ั์ตาสีเข้มของเขานั้นล้ำลึกดั่งกระแสน้ำวนที่เกือบดูดร่างของฮวาชีเยว่เข้าไปในนั้น
ฮวาชีเยว่หลุบตาลงเล็กน้อย ขนงนั้นวาดเขียนด้วยความประณีตราวกับชิ้นงานศิลปะล้ำค่า “ขอบคุณไต้ซือที่ชี้แนะ ชีเยว่จะไม่ทำให้ไต้ซือผิดหวัง”
ในขณะเดียวกันฮวาชีเยว่ก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกภายในใจ ‘ไม่อยากเชื่อว่าไต้ซือท่านนี้จะรู้ถึงความลับของน้ำเต้าหยกเขียว!’
หากน้ำเต้าหยกเขียวนั้นทรงพลังและลึกลับถึงเพียงนั้นจริง เหตุใดไต้ซือเสวียนจีจึงส่งมอบสิ่งนี้แก่นาง?
พวกเขามีแผนการอย่างไรกันแน่?
ฮวาชีเยว่ยากจะหายใจเมื่อเสวียนจีมอบยิ้มอันอบอุ่นให้นางอีกครั้ง “แม่นางฮวาชีเยว่ มิต้องกังวลไป เมื่อใดที่ท่าน้าพบอาตมา อาตมาจะมาพบท่านเอง”
สิ้นเสียงบอกกล่าว เสวียนจียืนขึ้นแล้วะโไปทางหน้าต่าง เขามาเพื่อบอกนางถึงสองสิ่งนี้เพียงเท่านั้น
“อาตมาหวังว่าท่านจะไม่เปิดเผยพลังที่แท้จริงระหว่างมีงานประลองยุทธ์ เพราะนั่นมิอาจเป็ลางดีต่อท่านแม้สักเล็กน้อย และจะเป็การดีหากไม่มีผู้ใดล่วงรู้เกี่ยวกับสมุนไพรวิเศษนี้ มิเช่นนั้นความตายจะมาเยือนถึงท่านเป็แน่”
เมื่อเสร็จธุระ ไต้ซือเสวียนจีก็อันตรธานลับไปจากหน้าต่างคล้ายว่าเขาเป็วายุกรรโชกแรง วรยุทธ์ของเขาแก่กล้าขนาดที่ฮวาชีเยว่เกิดสงสัยขึ้นมาว่าเขาอาจมีฝีมือต่อสู้ขั้นสูง
ฮวาชีเยว่กลับมาสู่ความเป็จริงหลังจากสงบนิ่งอยู่พักใหญ่
คำของไต้ซือเสวียนจีล้วนแล้วแต่เป็ความจริง หากมีผู้ใดล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของสมุนไพรวิเศษนี้ ความยากลำบากคงพุ่งตรงมาหานางไม่มีวันจบสิ้น
ทว่าฮวาชีเยว่ไม่มีเหตุใดต้องหวั่นเกรง นางเพียงแค่หยิบยืมอำนาจของฮ่องเต้ ฝึกตนให้แก่กล้าวิชา และแสวงหาความนิยมชมชอบจากเหล่าผู้ทรงอิทธิพลเท่านั้น
การฝึกพลังชี่และศาสตร์บงการิญญาของนางเป็ที่น่าพึงพอใจ แม้จะมียอดฝีมือมากมายที่อยู่ภายนอกนั้น แต่ฮวาชีเยว่ก็ยังมั่นใจเพราะอาจารย์ของนางคือเทียนพี่
เมื่อลู่ซินกลับมาก็ประหลาดใจที่โถงกว้างนั้นไร้เงาผู้คน
ฮวาชีเยว่ออกคำสั่งให้ลู่ซินมาหาเพียง่เวลาของมื้อเย็นเท่านั้น ทั้งยังไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามารบกวนการพักผ่อนของนางอย่างเด็ดขาด
ฮวาชีเยว่เข้าไปยังมิติลี้ลับอีกครั้ง นางพบว่าเทียนพี่กำลังเอนกายหย่อนใจ ณ ริมขอบบ่อน้ำพุร้อน ก่อนส่งเสียงหัวเราะให้นางอย่างปีติยินดี
“ไม่น่าเชื่อว่ากระทั่งพระก็ยังสนใจในตัวเ้าด้วย จุ๊ๆๆ ดูเหมือนว่าศิษย์ข้าจะดึงดูดชายได้ไม่น้อย!”
ฮวาชีเยว่หย่อนกายลงฝั่งตรงข้าม พร้อมยิ้มกว้างขณะสบตาอันแสนเ็าของผู้เป็อาจารย์ไปด้วย
นับเป็ภาพหายากของเทียนพี่ที่น้อยครั้งนักจะได้เห็น ยามแรกคือตอนที่ฮวาชีเยว่ยืนกรานไม่อาจเรียกขานเขาเป็อาจารย์ เมื่อไม่พึงพอใจในคำปฏิเสธ ั์ตาคู่นั้นจึงฉายแววเย็นเยือกนี้ออกมา
ส่วนยามที่สองนั้นก็คือตอนนี้ เพลานี้
“ท่านอาจารย์ ไต้ซือเสวียนจีคือผู้ใด? เขารู้ได้อย่างไรว่าข้าเริ่มฝึกวรยุทธ์? แล้วเขาทราบเื่ท่านหรือไม่?” ฮวาชีเยว่มองเทียนพี่ด้วยสายตาจริงจัง “อาจารย์ ท่านอย่าล้อข้าเล่น ระหว่างข้ากับไต้ซือเสวียนจีนั้นไม่มีอันใดต่อกัน จะมีก็แต่เพียงตอนที่ข้าขอให้เขาช่วยกระจายข่าวเื่อุปถัมภ์เด็กของข้าเท่านั้น”
แววตาของเทียนพี่สั่นไหวเล็กน้อย “เหตุใดเ้าจึงอยากรับเด็กนั่นเป็บุตรมากนัก?”
“อาจารย์... ท่านมิใช่ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่สุดในใต้หล้าหรือ? ท่านย่อมรู้ดีว่าแท้จริงแล้วข้าเป็คนเช่นไร” ฮวาชีเยว่ถือโอกาสนี้ท้าทายพลังที่แท้จริงของเทียนพี่
แน่นอนว่าพลังวรยุทธ์ของเทียนพี่นั้นเยี่ยมยอดไร้ข้อกังขา
แต่เขาจะสามารถเห็นอดีตของผู้อื่นได้จริงหรือ?
เทียนพี่นิ่งเงียบไปพักใหญ่ขณะจ้องเข้าไปในดวงตางดงาม ไม่ช้าเขาก็หลับตาลง
ฮวาชีเยว่รออย่างใจเย็น
จากนั้นไม่นาน เทียนพี่ก็ลืมตาขึ้น อดีตของฮวาชีเยว่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเขาเป็ภาพของสตรีนางหนึ่งที่มีรอยยิ้มหวานปานบุปผาและบุรุษอีกหนึ่งที่นางมีสายสัมพันธ์หวานซึ้ง ยิ่งไปกว่านั้นสตรีและบุรุษสองคนนี้มีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันและกันมากโข
ทว่ากลางดึกคืนหนึ่ง โจวจื่อเฉิงกลับผลุนผลันออกจากจวนของภริยาด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนทุบตีบ่าวไพร่เพื่อระบายโทสะ
จากนั้นก็ปรากฏภาพหรงชีเยว่ช่วยสามีของนางบริหารจัดการร้านอาหารและดูแลบุตร ช่างเป็ชีวิตของสตรีที่จุกจิกเสียเหลือเกิน
ผ่านไปพักใหญ่ หรงชีเยว่กลับกลายเป็สตรีเสียรูปโฉมทั้งดวงตายังบอดสนิท ช่างเป็อะไรที่น่าเวทนาเกินกว่าใครจะทนดูได้
ทุกความทรงจำนั้นล้วนแล้วแต่เป็ของฮวาชีเยว่
เทียนพี่จ้องฮวาชีเยว่อย่างจริงจังขณะถอนหายใจยืดยาว “อา ข้าเข้าใจแล้ว...”
ร่างกายของฮวาชีเยว่สั่นสะท้าน นางไม่อยากเชื่อว่าเทียนพี่สามารถหยั่งรู้ถึงชีวิตในอดีตของนางได้จริง รอยยิ้มเย็นเยือกปรากฏบนใบหน้า “เช่นนั้นท่านคงรู้แจ้งแล้ว? ตอนนี้ข้ามีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งเดียวเท่านั้นคือการกลายเป็สตรีที่แข็งแกร่งขึ้น เข้มแข็งขึ้น… ข้าจะฆ่าพวกที่หมายมั่นจะฆ่าข้า ข้าจะปกป้องเพียงคนที่รักข้าและคนที่ข้ารักเพียงเท่านั้น!”
เทียนพี่นิ่งเงียบก่อนยกมือขึ้นจับปลายผมแดงที่เปียกโชก
“อาจารย์ ท่านยังไม่ได้ให้คำตอบแก่ข้าเลย ท่านรู้จักไต้ซือเสวียนจีหรือไม่? เขาเป็มิตรหรือศัตรู? แล้วทราบหรือไม่ว่าท่านมีชีวิตอยู่?”
ฮวาชีเยว่กดเสียงต่ำ นางรัวถามในสิ่งที่นางอยากรู้แทบขาดใจ
“เขาไม่มีทางรู้ถึงตัวตนของข้า สิ่งเดียวที่เขาทราบคือพลังวิเศษของน้ำเต้าหยกเขียว ก่อนนั้นเขาพกมันอยู่กับตัว น่าเสียดายที่พลังของเขาไม่อาจเทียบข้า แต่นับว่าน่าประหลาดใจที่ยังรู้สึกถึงพลังเ่าั้จึงตัดสินใจขายน้ำเต้านั่นไปเสีย แน่นอนว่านักต้มตุ๋นผู้นั้นกอบโกยเงินทองไปได้มากมาย แต่ข้ามิอาจหยั่งรู้อดีต เพราะข้าไม่เห็นเขา"
เทียนพี่เงียบลงอีกครั้งด้วยท่าทางที่ทั้งสง่าและน่าเกรงขาม เขายื่นมือออกไปยังน้ำพุร้อน ทันใดนั้นสายน้ำก็แปรเปลี่ยนเป็คลื่นวงแหวนรูปร่างคล้ายกับสาหร่าย
“ทว่าผู้ชำนาญการฝึกพลังชี่ััได้ถึงพลังเหนือธรรมชาติ เขาล่วงรู้ถึงการฝึกฝนของเ้าเพราะเขาััได้ถึงพลังที่แฝงอยู่ภายใน ยิ่งไปกว่านั้น... เ้ายังขายต้นหลงแดงออกไป และที่แห่งนี้เพาะปลูกต้นหลงแดง เ้าคิดว่าเขาดวงตามืดบอดหรืออย่างไร?"
ได้ฟังคำของเทียนพี่ดังนั้น ฮวาชีเยว่จึงตกอยู่ในภวังค์
เมื่อคิดให้ดี แม้การมีสมุนไพรวิเศษไว้ในอาจดูเป็ปัญหาอยู่บ้าง แต่คงเป็การดีหากได้ส่งถวายกิ่งก้านของมันให้กับฮ่องเต้ อย่างไรพระองค์ย่อมต้องพอใจเป็แน่แท้ เวลานั้นเป็ไปได้ว่าจะทรงส่งผู้คุ้มกันมาปกปักดูแลให้รัดกุมยิ่งขึ้น
“อย่ากังวลไป เ้ายังปลอดภัยอยู่ในตอนนี้”
ฮวาชีเยว่รู้สึกโล่งใจไปหนึ่งเปลาะหลังได้ยินคำปลอบประโลมจากเทียนพี่ “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปให้ทันมื้อเย็นก่อน ท่านอาจารย์้าดื่มอะไรหรือไม่? ข้าจะนำเหล้านูเอ๋อร์หงกลับมาฝากท่าน”
“ข้าอยากได้เหล้าบ๊วย”
“ย่อมได้ ข้าจะกลับมาหลังมื้อเย็น!” ฮวาชีเยว่ตอบรับอย่างจริงใจ
เมื่อกลับมาถึงห้อง ฮวาชีเยว่เดินไปยังห้องโถงใหญ่นางเห็นเทียนซีและโหย่วชุ่ยกำลังอ่านหนังสือพร้อมโยกศีรษะกันอย่างเพลิดเพลิน
ทันทีที่เห็นฮวาชีเยว่เดินมา เทียนซีรีบวิ่งเข้าไปจับมือแล้วถูไถศีรษะของเขาไปมาอย่างมีความสุข
“คุณหนูเ้าคะ สำรับเย็นพร้อมแล้วเ้าค่ะ” หนึ่งในสาวใช้กล่าวพลางยิ้ม ก่อนอาหารโอชะมากมายถูกวางเรียงรายตรงหน้า
ฮวาชีเยว่มอบตำลึงเงินให้แก่บรรดาสาวใช้ “พวกเ้าจะได้รางวัลตอบแทนในทุกเดือน ยิ่งทำงานหนักและดีมากขึ้นเท่าไรย่อมได้ค่าเหนื่อยมากเท่านั้น ขึ้นอยู่กับตัวพวกเ้าเอง!”
แซ่เสียงยินดีดังขึ้นท่ามกลางเหล่าสาวใช้จากเมตตาของผู้เป็นาย พวกนางตั้งมั่นทันทีว่าจะจงรักภักดีตลอดไป หลังจากบ่าวไพร่ลับตา ฮวาชีเยว่จึงเริ่มลงมือรับประทานมื้ออาหาร แต่ด้วยเหตุบางอย่างทำให้ฮวาชีเยว่ยังคงคิดวนเวียนถึงไต้ซือเสวียนจีที่ลึกลับผู้นั้นไม่จบสิ้น นางรู้สึกว่าคำพูดของเทียนพี่นั้นถูกต้องเพียงบางส่วนเท่านั้น
วันรุ่งขึ้นจวนสกุลฮวาเงียบสงัดกว่าปรกติ ปรากฏว่าฮวาเสี่ยวอีเป็แผลพุพองมากมายหลังถูกชาร้อนลวก จากอาการาเ็นี้นางจำต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายชั่วยาม
อี๋เหนียงสามจากไปหลังแสดงความเคารพต่อฮูหยินผู้เฒ่า ขณะตั่วเอ๋อร์ยังคงถูกคุมขังไว้โดยบ่าวรับใช้ของตระกูล นางถูกสอบสวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากการกระทำของนาง สันนิษฐานว่าตั่วเอ๋อร์ตั้งใจทำชาหกเพราะฮวาเสียวอีจิตใจโหดร้าย และได้เงินรางวัลตอบแทนน้อยเกินไป
เมื่อใดก็ตามที่ฮวาเสี่ยวอีออกจากจวน นางมักหลอกให้บ่าวใช้เงินทองของตัวเองจนหมด ท้ายที่สุดแล้วบรรดาบ่าวไพร่จึงไม่เหลือเงินส่งกลับบ้านเกิดแม้สักอีแปะเดียว มารดาของตั่วเอ๋อร์เองก็สิ้นลมเนื่องจากตั่วเอ๋อร์ส่งเงินไปรักษาอาการป่วยให้ไม่ทันการณ์ ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ตั่วเอ๋อร์จำต้องทนทุกข์ขณะสั่งสมความเกลียดชังที่มีต่อฮวาเซียวอี
เมื่อครั้งที่ฮวาชีเยว่ใช้วิชาิญญาบงการกับตั่วเอ๋อร์ นางสามารถฟื้นคืนความเกลียดชังที่แฝงอยู่ภายในจิตใจของอีกฝ่ายออกมาได้สำเร็จ
ผู้ชำนาญวิชาบงการิญญานี้จะไม่ทิ้งร่องรอยข้อผิดพลาดใดๆ แม้แต่น้อย เหยื่อของพวกเขาจะปรากฏด้วยกายที่ปกติสุขดีทุกประการ
ตั่วเอ๋อร์ได้รับโทษแล้ว นางไม่อาจทนการเฆี่ยนตีได้ถึงร้อยครั้งก็สิ้นใจ
ฮวาชีเยว่และเทียนซีแวะไปถวายบังคมแก่ฮูหยินเฒ่า น่าประหลาดใจที่ฮวาเมิ่งซือนั้นเมตตาดีผิดหูผิดตา เอ่ยปากยกสาวใช้นางหนึ่งให้ฮวาชีเยว่
สาวใช้นางนั้นชื่อว่าชิวอวิ๋น อายุอานามดูแล้วราวสิบสองหรือสิบสาม
ฮวาชีเยว่ต้อนรับสาวใช้คนใหม่ในทันที สร้างความปีติแก่ตัวสาวใช้ผู้นั้นไม่น้อย คนเอ่ยปากขอบคุณฮวาชีเยว่ยกใหญ่ก่อนขยับมาอยู่ข้างกายนาง
ชิวอวิ๋นมีความสามารถมากมายแต่ฝีมือเย็บปักของนางนั้นโดดเด่นเป็พิเศษ ฮวาชีเยว่จึงมอบหมายให้นางถักผ้าเช็ดหน้าสองผืนในวันนั้น ผืนหนึ่งของตน ส่วนอีกผืนเป็ของเทียนซี
ปทุมสีชมพูที่เย็บลงบนผืนผ้านั้นมีชีวิตชีวาราวกับเป็ของจริง ทุกเส้นด้ายถูกเรียงร้อยอย่างชำนาญและประณีตบ่งบอกว่าเ้าของฝีมือนั้นใส่ใจกับชิ้นงานที่ได้รับมอบหมายมากเพียงใด
ฮวาชีเยว่ตกรางวัลหนึ่งตำลึงเงินให้แก่ชิวอวิ๋นอย่างงาม ทั้งยังเลื่อนขั้นให้นางเป็สาวใช้ระดับสองทันที
ใต้อาณาจักรฉางจิงลำดับขั้นของสาวใช้นั้นแยกออกได้สี่ระดับ จากต่ำสุดั้แ่สี่ไปจนถึงสูงสุดระดับหนึ่ง
ลู่ซินและโหย่วชุ่ยต่างก็ประหลาดใจที่ชิวอวิ๋นได้เลื่อนขั้นทั้งที่เพิ่งเริ่มงานรับใช้เพียงไม่นาน เมื่อข่าวแพร่สะพัดบรรดาสาวใช้คนอื่นต่างพากันอิจฉาริษยา พวกนางมิเคยคาดคิดว่าฮวาชีเยว่จะกลายร่างจากอีกาเป็หงส์เช่นนี้ แต่สำหรับฮวาชีเยว่ผู้เป็สตรีมากหน้าหลากทองแล้วนั้น การตกรางวัลอย่างดีมิใช่เื่ใหญ่เท่าใดนัก
สองวันให้หลังฮวาชีเยว่มอบหมายให้ชิวอวิ๋นดูแลจัดยกสำรับอาหารและกระจายคำสั่งโดยทั่วกัน
ในที่สุดการประกาศรับสมัครของเวทีประลองยุทธ์ก็จบลงพร้อมประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันรอบแรก