ูเาจิ่วอี๋ในตอนกลางคืนอุณหภูมิลดต่ำมาก แน่นอนว่าสำหรับชิงซีไม่มีอะไรต้องกังวล
มียอดเขาเก้ายอดในูเาจิ่วอี๋ ยอดเขาหลักคือยอดเขาชุ่นหยวน ซึ่งล้อมรอบด้วยยอดเขาแปดยอด ได้แก่ เอ๋อหวง หนิวอิง กุ้ยหลิน ฉีหลิน ฉีเฉิง ฉีโหลว จูิ และเซียวเฉา ูเาจิ่วอี๋มีทิวทัศน์ที่สวยงามและมักมีนักเดินทางจากในเมืองแวะเวียนมาเยือนอยู่บ่อยๆ
ชิงซีนึกถึงสิ่งที่นางเคยอ่านเจอในหนังสือ และความคาดหวังในใจของนางก็จางหายไปเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
อาศัยความทรงจำของนาง ในไม่ช้าชิงซีก็มาถึงยอดเขาชุ่นหยวน
นางอยู่บนยอดเขาไม่นานก่อนจะเดินเข้าไปในถ้ำไท่ซูที่อยู่ตรงหน้า
ในถ้ำมีเพียงแสงสลัวๆ ชิงซีจึงโยนไข่มุกราตรีออกไป ฉับพลันถ้ำก็สว่างไสวราวกับเวลากลางวัน
ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตาและสวยงาม เมื่อแสงของไข่มุกไปกระทบกับหินเหล่านี้ก็ดูสวยงามตระการตา ไม่แปลกใจเลยที่คนที่นี่เรียกว่าถ้ำซีเซีย ชิงซีเม้มปากและเดินไปที่ส่วนลึกสุดของถ้ำโดยทิ้งสีสันอันงดงามไว้เื้ั
ไม่นานนางก็มาถึงสระน้ำ
น้ำในสระใสกระจ่างเหมือนน้ำแข็งบนยอดเขาหิมะ มันมีความเย็นแต่ไม่แข็งตัว
ชิงซีทำท่ามือประสานมุทรา[1]และท่องภาษาที่นางจดจำได้ั้แ่ยังเยาว์วัยอย่างเงียบๆ
เพียงครู่เดียว ภาพก็ปรากฏขึ้นบนสระน้ำ
ในภาพดูเหมือนจะเป็สถานที่ที่แปลกประหลาด
ชิงซีมองไปยังจุดที่มีสีเขียวในภาพ เมื่อมองไปนางก็รู้ว่านี่เป็ดินแดนที่เจริญรุ่งเรืองมาก แม้ว่านางจะไม่รู้สึกถึงจิติญญาแห่งความงาม แต่ก็มีสัตว์ิญญามากมายอยู่ในนั้น ดูเหมือนว่ามันจะเป็สถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งจิติญญา
แปลกดี ที่นี่คือที่ไหนกัน?
ชิงซีรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย หญิงสาวจ้องภาพเบื้องหน้าโดยไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย
นางได้เรียนรู้ั้แ่เด็กว่าเมื่ออสูรโบราณทั้งสี่ตัว ได้แก่ ัฟ้า หงส์แดง พยัคฆ์ขาว และเต่าดำ ต่อสู้กันในดินแดนกุ้ยซูหรือดินแดนแห่งซากปรักหักพัง ดินแดนแห่งนั้นก็แปรสภาพเป็ดินแดนที่แห้งแล้งและสิ่งมีชีวิตไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ในอดีตเง็กเซียนฮ่องเต้พลัดหลงเข้าไปในดินแดนแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ โชคดีที่ิญญาของเขาสามารถกลับสู่ความโกลาหลได้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นูเาไท่ซานคงต้องปล่อยให้โฮ่วถูเหนียงเหนียงดูแลเพียงลำพังเท่านั้น
แล้วความอุดมสมบูรณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่ดินแดนกุ้ยซูจะได้รับการฟื้นฟูใน่หลายปีที่ผ่านมา
เหตุใดเื่แบบนี้ถึงเกิดขึ้นได้?
ก่อนที่นางจะมีเวลาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
ทันใดนั้นหัวใจของชิงซีก็จมดิ่งทันที นางเห็นสตรีในชุดสีแดงคนหนึ่งกำลังถูกขังอยู่บริเวณใจกลางเหวลึก
ชิงซีพิจารณาใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นอย่างตั้งใจ และพบว่านางไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็หมี่เจีย!
มีข่าวลือว่าชาวปี้ไห่หลายแสนคนถูกฝังอยู่ในดินแดนกุ้ยซู เป็ไปได้หรือไม่ว่านางคือองค์หญิงคนสุดท้ายของเผ่าปี้ไห่?
ก่อนที่ชิงซีจะทันขบคิดอย่างจริงจัง ภาพก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่านี่คืออาณาจักรชางอู๋
น่าแปลก เหตุใดนางถึงไม่พบหน้าคนที่นางรู้จัก
อาณาจักรชางอู๋ดูเหมือนจะอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เป็ไปได้ไหมว่าจักรพรรดิแห่งชางอู๋คนใหม่เพิ่งได้รับการสถาปนา?
เทพชั้นผู้น้อยกลุ่มหนึ่งมีสีหน้าแจ่มใสและเต็มไปด้วยความสุข
พี่น้องของนางจะยังอยู่ที่นี่หรือไม่?
ชิงซีดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ความคิด
จู่ๆ ภาพในน้ำก็เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชิงซีก็ให้ความสนใจกับสระน้ำอีกครั้ง
ภาพเปลี่ยนไป
ดูเหมือนว่าจะเป็ภาพของพระราชวังลั่วซาน
หัวใจของชิงซีสั่นไหวเล็กน้อย นางจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความตั้งใจ
หญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดสีม่วงกำลังเดินอย่างเร่งรีบ ชิงซีจ้องไปยังร่างของหญิงสาวอย่างไม่วางตาโดยไม่ปล่อยให้สิ่งใดคลาดสายตาแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นไม่นาน ดูเหมือนหญิงสาวคนนั้นก็มาถึงวังที่โอ่อ่าแห่งหนึ่ง
ริมฝีปากของหญิงสาวขยับเล็กน้อย
อำนาจของชิงซีมีจำกัด จึงได้ยินไม่ชัดว่าหญิงสาวคนนั้นกำลังพูดอะไร ชิงซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรวบรวมสมาธิและเฝ้ามองอย่างตั้งใจมากกว่าเดิม
หญิงสาวคนนั้นเดินไปที่ประตูพระราชวังอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นแสงสีขาวเจิดจ้าก็พุ่งออกมาจากพระราชวัง
แสงสีขาวบังเอิญัักับร่างกายของหญิงสาวชุดม่วงอย่างพอดิบพอดี
น้ำในสระกระเพื่อมเล็กน้อย และภาพทั้งหมดก็หายไป
ชิงซีถอนหายใจเบาๆ
นี่จะถือว่านางพลาดโอกาสแล้วหรือไม่?
ชิงซียิ้มอย่างขมขื่นและไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
ทันใดนั้น ก็มีตัวอักษรปรากฏขึ้นบนผิวน้ำ
ชิงซีหันกลับไปมองด้วยความใ
เมื่อมองเห็นตัวอักษร ชิงซีก็น้ำตาไหล
ชิงซีเคยคิดว่าบางทีพี่สาวของนางอาจหลงลืมนางไปแล้ว
‘หลังจากที่รอมานาน ในที่สุดข้าก็จะได้กลับบ้านเสียที’
ดวงตาของนางพร่ามัว
ตัวอักษรจางหายไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ชิงซีกำลังจะจากไป จู่ๆ นางก็รู้สึกว่ามีคนจ้องมองนางอยู่
“ซีกวง”
ชิงซีได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่มันฟังดูห่างไกลราวกับเดินทางผ่าน่เวลาหลายพันปี
หมี่เจีย!
เป็หมี่เจียจริงๆ ด้วย!
“นั่นซีกวงใช่หรือไม่?”
ก้อนสะอื้นจุกอยู่ในลำคอของชิงซี ทำให้นางไม่สามารถเปล่งเสียงได้
“เป็ความผิดของพี่เองที่ปล่อยให้เ้าต้องพเนจรไปหลายปี เด็กดี ข้าจะรอเ้ากลับมา”
ชิงซีทนไม่ได้อีกต่อไปนางร่ำไห้ปานจะขาดใจ
“ซีกวงอย่าร้องไห้ หน้าตาเ้าจะดูไม่ได้ถ้าร้องไห้”
ไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหนกว่าชิงซีจะเงยหน้าขึ้น
เสียงที่คุ้นเคยและฟังดูห่างไกลดังขึ้นอีกครั้ง
“ซีกวง ไม่ต้องห่วง ข้าจะปกป้องเ้า เด็กน้อยเอ๋ย ถึงเวลาที่เ้าต้องไปแล้ว”
ชิงซีสะอึกสะอื้นและถามด้วยใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา “ข้า…ข้าจะได้พบท่านอีกเมื่อไหร่?”
“เ้าจะได้พบข้าเมื่อเ้ากลับมา เอาล่ะ เ้าคือซีกวงตัวจริงหรือไม่? ซีกวงตัวจริงจะไม่ร้องไห้แบบนี้”
ชิงซีหยุดร้องไห้ทันที “ใครบอกว่าข้าไม่ใช่ซีกวง! ข้าคือซีกวง ฮือ เจี่ยเจี่ยข้าอยากกินขาหมูจากศาลาน้ำแข็งหิมะ”
“เมื่อเ้ากลับมาข้าจะทำให้เ้ากินด้วยตนเอง ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว เจอกันใหม่คราวหน้า”
ชิงซีพยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นนางก็ยื่นมือไปหยิบไข่มุกราตรีกลับมา
เมื่อรู้ว่าพี่สาวของนางกำลังรอให้นางกลับไป หัวใจของชิงซีก็คลายความโศกเศร้า เดิมทีนางเป็คนมองโลกในแง่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าโชคชะตาจะเลวร้ายแค่ไหน นางเพียงยิ้มและเผชิญหน้ากับมันอย่างเต็มใจ
ตอนนี้ชิงซีมั่นใจว่าไม่ใช่แค่นางเท่านั้นที่จะกลับไป นางจะพาองค์หญิงคนนั้นกลับไปด้วย
ชิงซีรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยจึงนั่งอยู่ที่เดิมเพื่อฟื้นฟูพลัง ก่อนจะเดินออกจากถ้ำด้วยใบหน้าแจ่มใส
ทันทีที่มาถึงปากทางเข้าถ้ำ ชิงซีสังเกตว่ามีบางอย่างต่างออกไป
ดูเหมือนจะมีใครบางคนมาที่นี่
นางอดไม่ได้ที่จะตื่นตัว
ทันใดนั้นเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น “คุณชายมีข่าวจากวังหลวง ดังนั้นข้าน้อยจึงมาเชิญคุณชายกลับไป”
จากนั้นก็ไม่มีเสียงใดๆ อีก
ชิงซีกลั้นหายใจและรอคอยอย่างใจเย็น
“ในที่สุดพวกเ้าก็จำได้แล้วหรือว่าข้าเป็คุณชายใหญ่ ต่อให้เ้าอยากให้ข้ากลับไปข้าก็ไม่กลับ!”
“มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในเมืองอวิ๋นเมิ่ง จึงมีคำสั่งให้เรียกตัวคุณชายกลับไป”
“เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในเมืองอวิ๋นเมิ่งหรือ? การเปลี่ยนแปลงแบบใดกัน? หรือฝ่าาจะสิ้นพระชนม์และถูกใครบางคนแย่งชิงบัลลังก์?”
“ข้าน้อยไม่ทราบรายละเอียดมากนัก ข่าวจากราชสำนักบอกว่าองค์หญิงใหญ่แห่งตำหนักเหวินฮวาและองค์ชายน้อยหายไป ทั้งโจวกุ้ยเฟยและฝ่าาดูเหมือนจะยังไม่มีรับสั่งเกี่ยวกับเื่นี้”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงเ็าก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“แล้วองค์หญิงใหญ่ล่ะ? ตระกูลอวิ๋นเป็อย่างไรบ้าง?”
“ข้าน้อยไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัด ข้าน้อยเพียงมาที่นี่เพื่อส่งข่าวและเชิญคุณชายกลับไปเท่านั้น คุณชายโปรดเห็นใจด้วย”
------------------------
[1] ท่าประสานมุทรา คือ การทำมือในลักษณะต่างๆ เป็สัญลักษณ์ประจำองค์เทพ โดยเทพแต่ละองค์จะมีท่าประสานมุทราที่แตกต่างกันไป การประสานมุทราในขณะทำพิธีเป็การแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ประหนึ่งองค์เทพได้มาประกอบพิธีด้วยตนเอง ถือว่าเป็เครื่องหมายของผู้ได้รับเต๋าแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้