ภายในห้องโถงใหญ่!
วินาทีที่หวังเค่อโหมกระพืออารมณ์ความรู้สึกของทุกคนถึงขีดสุด แม้ว่าอาจมีคนที่รักษาความสงบเยือกเย็นไว้ได้ แต่ส่วนใหญ่กลับตั้งตาคอยอย่างใจจดใจจ่อกันแล้ว
“ทุกท่าน ข้ารู้ว่ามีบางท่านไม่ใส่ใจเื่ความปลอดภัยของตัวเองจึงไม่เห็นว่าจะต้องซื้อประกัน! แต่พวกท่านสบายใจได้ บริษัทเสินหวังของเราไม่บีบคั้นใครให้ซื้อ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับความสมัครใจ!” หวังเค่อะโสืบต่อ
เสียงะโนี้ทำให้คนที่ไม่คิดจะซื้อผ่อนคลายลงไปไม่น้อย
“ต่อไปคือ่เวลาซื้อ ทุกท่านไม่ต้องกังวล! ใครที่ไม่คิดจะซื้อให้ตัวเอง ซื้อให้ลูกศิษย์ลูกหา ซื้อให้สหายน้ำมิตรสามารถออกจากห้องทางฝั่งประตูบูรพาได้เลย พวกเราไม่มีวันบีบบังคับใคร ในขณะเดียวกันข้าให้คนเตรียมการลงทะเบียนตัวตนไว้ทางประตูบูรพาเป็ที่เรียบร้อย ทุกๆ ท่านจะได้รับของสมนาคุณเล็กๆ น้อยๆ ของงานพิธีเปิดติดไม้ติดมือกลับไปด้วย!” หวังเค่อบอกต่อทุกคน
ให้คนที่ไม่ซื้อกลับไปก่อน?
คนส่วนใหญ่เริ่มลังเลรีรอขึ้นมา
มีแต่จางหลี่เอ๋อร์ที่เผยสีหน้าเลื่อมใส
“ท่านพี่ ท่านทำหน้าอะไรของท่าน!?” จางเสินซวีไม่อาจเข้าใจ
“หวังเค่อผู้นี้เลวร้ายนัก! ให้คนที่ไม่ซื้อไปก่อน? คิกๆ!” จางหลี่เอ๋อร์เผยท่าทีตื่นเต้นตั้งตาคอย
“นี่มีปัญหาตรงไหนหรือ?” จางเสินซวียังคงงุนงง
“เดิมทีก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ตอนนี้มีแล้วแน่ๆ เมื่อกี้หวังเค่อเอ่ยวาจาชวนเชื่อเรียกน้ำตาเสียขนาดนั้นให้เหล่ายอดฝีมือจากหลากหลายสำนักช่วยซื้อประกันให้ศิษย์ของพวกตน ศิษย์เ่าั้จะได้ผูกพันต่อพรรคสำนักของตัวเองมากยิ่งขึ้น แต่แล้วกลับให้ทุกคนสะบัดก้นจากไปภายใต้สายตาของทุกคน นี่ไม่ทำให้ศิษย์พวกนั้นผิดหวังหรอกหรือ? หากเป็สถานการณ์วุ่นวายแยกแยะไม่ออกว่าใครเป็ใครนั้นช่างเถิด เพราะไม่อาจนับว่าเสียหน้า แต่ตอนนี้หวังเค่อกลับบอกให้ไปก่อนได้? ออกทางประตูบูรพา? เดินผ่านหน้า? เท่ากับเป็การเปิดเผยตัวต่อสายตาของทุกคน เ็าแล้งน้ำใจขนาดไหน! จะมีผู้าุโสำนักไหนทำเื่น่าขายหน้าอย่างนั้นบ้าง? หากยอดฝีมือประจำสำนักไม่ไป งั้นพวกปลายแถวของสำนักเองก็ไม่อาจออกไปก่อนได้เช่นกัน!” จางหลี่เอ๋อร์ยิ้ม
“อ๋า?” จางเสินซวีตะลึงไป
ห่างออกไปไม่ไกล สาวชุดชมพูถงอันอันกำลังจ้องมองอย่างวิตก
“พวกเ้าต้องออกไปกันนะ! ข้าจะได้ปนไปกับพวกเ้าด้วย! ขืนพวกเ้าไม่ไป แล้วข้าจะทำยังไง?” ถงอันอันร้อนใจดุจไฟสุม
ข้าถูกหวังเค่อเรียกอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว ยังดีที่ข้าปกปิดตัวตนได้มิดชิดพอ แต่ตอนนี้เล่าจะทำยังไง? พวกเ้าไม่ไปกัน ข้าไหนเลยจะกล้าไปคนเดียว! ทำไงดี? ทำไงดี!?
“โฮ่? ดูเหมือนว่าทุกท่านที่ตัดสินใจอยู่ต่อจะสนใจ《ประกันอุบัติเหตุ》ของบริษัทเสินหวังกันน่าดู! ข้าต้องขอขอบคุณพวกท่านเป็อย่างสูง ทุกท่านคือแบบอย่างที่ดีของเหล่าวีรชนฝ่ายธรรมะสิบหมื่นมหาบรรพต!” หวังเค่อค้อมคำนับอย่างนับถือ
ห้องโถงตกอยู่ในความเงียบสงัด
“งั้นทุกท่านก็คงจะเห็นกันแล้วสินะ? ข้าได้จัดบุคลากรร้อยคนผู้รับผิดชอบด้านการเซ็นสัญญาซื้อขายไว้ทางฝั่งประตูทักษิณแล้ว ทุกท่านสามารถไปเซ็นสัญญาที่นั่นพร้อมกับรับของสมนาคุณพิเศษโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้หนึ่งชิ้น ขอเพียงแค่ลงทะเบียนตัวตนไว้ก็พอ!” หวังเค่อยิ้มเชิญชวน
“ประตูทักษิณ?” ทุกคนมองตามไป
แต่ที่เห็นกลับเป็เคาน์เตอร์พร้อมเก้าอี้ร้อยตัวจัดวางอยู่อย่างแน่นขนัด มีแต่ต้องดำเนินตามขั้นตอนการลงทะเบียนจนแล้วเสร็จถึงจะออกไปได้
ถงอันอันหน้าดำมะเมี่ยม จะทำยังไงดี!?
“ทุกท่าน หลังจากเซ็นสัญญาจ่ายเงินเสร็จอย่าเพิ่งรีบร้อนจากไป อาคารเสินหวังมีห้องพักรับรองแขกให้พักผ่อนได้ตามอัธยาศัย รอจนเสร็จกระบวนการทุกอย่างแล้วข้าจะประทับตราลงบนแผ่นรับประกันให้ทุกท่านเอง จากนั้นทุกท่านก็แยกย้ายกลับบ้านได้เลย!” หวังเค่ออธิบาย
“ดี!” หลายคนส่งเสียงตอบรับ
“สุดท้ายหากมีลูกค้าท่านใดเซ็นซื้อสัญญามากกว่าสิบฉบับ ท่านสามารถไปยังเขตพิเศษสำหรับลูกค้าระดับสูงได้ทางฝั่งประตูประจิม ที่นั่นท่านจะได้รับการบริการอย่างพิถีพิถันเอาใจใส่ที่สุด!” หวังเค่อประกาศ
“เขตพิเศษสำหรับลูกค้าระดับสูง?” จางหลี่เอ๋อร์ผงะไป
คำพวกนี้หวังเค่อเป็คนคิดออกมาเองทั้งหมด? ซื้อประกันยังต้องแบ่งเป็หลายระดับด้วย?
“เอาละ ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมพิธีเปิดบริษัทเสินหวังในวันนี้ และขอบคุณที่อดทนรับฟังข้าพูดพร่ำมานานสองนาน วันนี้ต้องขอปิดงานเปิดตัวสินค้าแรกของบริษัทเสินหวังไว้เพียงเท่านี้! เชิญทุกท่านเลือกชมตามอัธยาศัย เชิญ!” หวังเค่อค้อมตัวคำนับต่อทุกคน
จากนั้นก็มีคนหลายคนลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้
เหล่ายอดยุทธ์รีบวิ่งไปทางเคาน์เตอร์ทางฝั่งประตูทักษิณเพื่อซื้อประกัน
ยอดฝีมือหลายคนยังนั่งประจำที่ของตน ครุ่นคิดคำนวณผลได้ผลเสีย
มีคนมากกว่าที่สุมหัวหารือกัน
แน่นอนว่าต้องมีคนทยอยออกจากประตูบูรพาไปอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ได้ซื้ออะไรเลย
แต่คนที่อยากออกประตูบูรพาไปไม่ได้มีมากนัก อย่างไรเสียถ้าจะรีบวิ่งออกไปทันทีทั้งที่งานเพิ่งจบคงได้ขายหน้าแย่ ดังนั้นจึงต้องทำเป็เอ้อระเหยลอยชายจับกลุ่มรำลึกความหลังกับสหายเก่าก่อนสิ!
หวังเค่อก้าวลงจากเวทีในเวลาที่เหมาะสม
เฉินเทียนหยวนเดินมาหาหวังเค่อด้วยใบหน้าดำทะมึน
“ศิษย์ชั่ว ประกันอะไรนี่ของเ้าเป็เื่จริงหรือไม่?” เฉินเทียนหยวนถามเสียงต่ำ
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ก็เรียกร้องความเป็ธรรมให้แก่บรรดาผู้พลีชีพอุทิศตนไปแล้วนะขอรับ! แน่นอนว่าข้าเองก็ลงแรงเพื่อหาเงินไปในตัวด้วยเหมือนกัน ขอบคุณท่านอาจารย์ที่มาช่วยศิษย์รับหน้าในวันนี้!” หวังเค่อรีบกระซิบบอก
เฉินเทียนหยวนมองออกว่าหวังเค่อ้ายืมชื่อตนเอง แต่ใครใช้ให้ตนเองพึงอกพึงใจกับศิษย์คนนี้กันเล่า?
“งั้นเ้าบอกอาจารย์มาซิว่าข้าควรไปประตูไหน?” เฉินเทียนหยวนถามต่อเสียงต่ำ
“ท่านอาจารย์ ยังเหลือประตูอุดรอยู่ขอรับ เป็ทางของพนักงาน ท่านไปที่ประตูอุดรได้เลย!” หวังเค่อรีบส่งเฉินเทียนหยวนไปโดยเร็ว
เฉินเทียนหยวนเดินหน้าดำจากไป แม้ทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ดูจะเป็เื่แปลกใหม่ แต่เฉินเทียนหยวนรู้สึกอยู่ตลอดว่าตนเองตามศิษย์มาเล่นตลกจนต้องเสื่อมเสียหน้าครั้งใหญ่
เฉินเทียนหยวนไปแล้ว โม่ซันซันเดินเข้ามาแทนด้วยสีหน้าประหลาด
“หวังเค่อ เ้ากล้านักนะ! ใช้ความน่าเชื่อถือของพรรคเทพหมาป่า์เรามาหาผลประโยชน์ส่วนตัว?” โม่ซันซันเอ่ยเสียงต่ำ
“เ้าตำหนักโม่ ท่านเอาอะไรมาพูด? ไม่ใช่เมื่อกี้ข้าก็บอกไปแล้วหรือว่าบริษัทเสินหวังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเทพหมาป่า์ ข้ากระทั่งเอ่ยซ้ำต่อหน้าทุกคนเลยด้วย!” หวังเค่อสวนกลับทันควัน
โม่ซันซันหน้าดำ เ้าพูดน่ะใช่ แต่ประเด็นคือทุกคนเชื่อมั้ยล่ะ? ไม่มีใครเชื่อเลยน่ะสิ! พวกมันพากันคิดว่าเ้ากำลังล้อเล่นต่างหาก!
มองหวังเค่อด้วยสีหน้าสลับซับซ้อนอยู่สักพัก โม่ซันซันสุดท้ายก็สะบัดชายเสื้อจากไป
“เ้าตำหนักโม่ ไปทางประตูอุดรนะ!” หวังเค่อรีบบอก
โม่ซันซันจากไปแล้ว
มู่หรงลวี่กวงเองก็กำลังจะเดินหน้าดำจากไป แค่ตัดริบบิ้นก็ขายหน้ามากพอแล้ว หากไม่ใช่ว่าท่านประมุขเองก็ขึ้นไปด้วย ตีข้าให้ตายข้าก็ไม่มีทางขึ้นไปแน่ ให้ข้าซื้อสินค้าจากหวังเค่อ ล้อกันเล่น?
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านจะไปประตูอุดรไม่ได้!” หวังเค่อรีบห้ามมู่หรงลวี่กวง
“ทำไม?” มู่หรงลวี่กวงถามเสียงต่ำ
“ท่านอาจารย์กับเ้าตำหนักโม่ต่างเป็ผู้าุโในพรรคดังนั้นต้องช่วยอำพรางเล็กน้อย ไม่ให้เกิดผลตามมา แต่ท่านกับข้าต่างเป็คนในรุ่นเดียวกัน! เราต่างเป็ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ ท่านควรจะไว้หน้าศิษย์น้องคนนี้บ้าง ไม่งั้นต้องส่งผลเสียตามมาแน่!” หวังเค่อโน้มน้าว
“ส่งผลเสียตามมา? เฮอะ!” มู่หรงลวี่กวงแค่นเสียงเย็น
มู่หรงลวี่กวงไม่สนว่าจะเกิดผลอะไรทั้งนั้น มันตั้งท่าจะออกประตูบูรพา
“ไป นำกระดาษลงอักษรของศิษย์พี่ใหญ่ไปแขวน!” หวังเค่อสั่งลูกสมุนที่อยู่ไม่ไกล
มู่หรงลวี่กวงหน้าแข็งค้างทันที กระดาษลงอักษรของตน? กระดาษที่ครั้งก่อนถูกบังคับให้เขียนบนยอดเขาหยั่งรู้กระบี่น่ะรึ?
‘บริษัทเสินหวังเชื่อถือได้?’
ตอนแรกมู่หรงลวี่กวงไม่อาจเข้าใจความหมายของคำเหล่านี้ แต่ตอนนี้มันเข้าใจแล้ว นี่มันเป็การขุดหลุมกันชัดๆ! แถมยังมีชื่อมันลงหราเอาไว้อีก ต่อให้มันออกประตูบูรพาไปก็เปล่าประโยชน์ ทันทีที่กระดาษลงอักษรเผยสู่สายตาปวงชน ทุกคนจะต้องเชื่อว่าตนผลักดันส่งเสริมหวังเค่ออย่างสุดแรงเกิดแน่ๆ
“อักษรพวกนั้นข้าเป็คนเขียน ส่งมันคืนมาให้ข้า!” มู่หรงลวี่กวงตวาดเสียงเข้ม
“นั่นมันของข้าต่างหาก ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านคงไม่คิดจะแย่งไปหรอกนะ?” หวังเค่อจ้องตอบ
มู่หรงลวี่กวง “ประเสริฐ ประเสริฐ ข้าไม่ออกประตูบูรพาก็ได้ แต่ทุกคนกำลังมองกันอยู่ เ้าห้ามเอาออกมาแขวนเด็ดขาด!”
เพราะทันทีที่เอาออกมาแขวนหรา ไม่เท่ากับเป็การบีบให้ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ต้องซื้อพอดีรึ? โดยเฉพาะวันนี้ที่มีศิษย์อยู่ด้านนอกเยอะแยะมากมายแบบนั้น
“ได้!” หวังเค่อพยักหน้ายิ้มๆ
มู่หรงลวี่กวงกลับไปซ่อนตัวท่ามกลางฝูงชนอีกครั้ง
ตอนนั้นเองสาวชุดชมพูนามถงอันอันเดินไปถึงประตูบูรพาเป็ที่เรียบร้อย
“ผู้าุโท่านนี้รบกวนเลิกหมวกเผยโฉมหน้าแท้จริงด้วย เราจะต้องตรวจสอบตัวตนท่านเพื่อลงทะเบียนรับของสมนาคุณ!” บุคลากรคนหนึ่งโน้มน้าว
“ข้าไม่เอาของสมนาคุณ!” ถงอันอันตอบเสียงค่อย
“ไม่ได้นะคุณลูกค้า ผู้จัดการอธิบายไปแล้วนี่นา แถมท่านเองก็ตอบคำถามได้อย่างดีเยี่ยม พวกเราต้องลงทะเบียนส่งมอบของสมนาคุณให้ถึงมือท่านให้ได้ ไม่งั้นแล้วข้าต้องถูกหักเงินแน่ๆ!” บุคลากรคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน
เพราะข้าถูกหวังเค่อขานชื่อและให้ความร่วมมือกับมันเป็อย่างดีน่ะรึ? ตอนนี้ข้าเลยกำลังจะได้รับการขอบคุณอย่างซาบซึ้ง?
“ไม่ ไม่ต้อง ข้าไม่เอา!” ถงอันอันตั้งท่าจะพุ่งตัวออกไป
“ผู้จัดการ มาเร็ว มาเร็วว! มันกำลังจะหนีไปแล้วว!” บุคลากรคนนั้นรีบยื้อตัวถงอันอันไว้พลางแหกปากดังลั่น
ถงอันอัน “…!”
เสียงะโนี้ดึงสายตามากี่คู่ต่อกี่คู่? เ้ากำลังทำบ้าอะไรของเ้า? ไอ้นรกส่งมาเกิด!
ถงอันอันรีบมุดกลับเข้าโถงประชุมไปในบัดดล
ส่วนเื่ลอบสังหารหวังเค่อตอนนี้จะทำได้ยังไง? จำต้องหาที่ปลอดคนให้เจอซะก่อน ในเมื่อประตูบูรพาไม่ได้ งั้นไปประตูทักษิณแทนแล้วกัน
ประตูทักษิณคนไม่พลุกพล่าน เคาน์เตอร์หนึ่งร้อยชุดจำต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะถึงรอบตน แต่ฝั่งประตูทักษิณเองก็มีการลงทะเบียนเหมือนกัน! ถึงตอนนั้นจะทำยังไง?
งั้นก็เหลือแค่ประตูประจิมแล้ว
ประตูประจิมคือเขตพิเศษของแขกระดับสูง? สามารถกระทำเื่ราวได้ตาม้า แต่จำต้องซื้อประกันสิบชุดถึงจะออกไปได้?
“แม่งเอ๊ยย...!” ถงอันอันมีหมื่นล้านคำอยู่ภายในใจแต่มิอาจเอื้อนเอ่ย
ด้วยความหดหู่สุดประมาณ ถงอันอันนั่งพักปรับสติอารมณ์สักพัก
คนที่ออกไปจากห้องยิ่งมายิ่งมาก จะให้รั้งรอจนนาทีสุดท้ายตอนที่เหลือแต่ตนเองตัวลำพังว้าเหว่? ถงอันอันได้แต่เดินตรงไปทางเขตพิเศษของแขกระดับสูงด้วยใจห่อเหี่ยวซังกะตาย
“หวังเค่อ ไอ้ลูกตัวบัดซบ เก้าเดือนมานี้ข้าลำบากหาเงินพวกนี้มาจนเืตาแทบกระเด็น แต่สุดท้ายกลับต้องเอามาผลาญเล่น? ถุย มารดาเ้าเถอะ เตรียมล้างคอรอบิดาได้เลย!” ถงอันอันสบถไปพลางน้ำตาไหลไปพลาง
ตอนนั้นเองแก๊งหัวสะท้อนแสงก็เดินเข้ามาสมทบ
“ผู้ดูแล ข้าพกเงินมาไม่พอ ขอยืมท่านหน่อยได้หรือไม่!”
“ข้าด้วย ประตูทักษิณ ประตูบูรพาล้วนต้องลงทะเบียนทั้งนั้น พวกเราได้แต่ต้องไปเขตพิเศษของลูกค้าระดับสูงฝั่งประตูประจิม ข้ามีเงินไม่พอ!”
“ผู้ดูแล ข้าเองก็เหมือนกัน เมื่อคืนข้าแพ้ไพ่นกกระจอกหมดตัว ให้ข้ายืมสักหน่อยเถอะ!”
.........
......
...
การมาของแก๊งหัวสะท้อนแสงทำให้ถงอันอันที่หนาวเหน็บอ้างว้างอยู่แล้วยิ่งหนาวเหน็บจับใจเข้าไปอีก พวกนรกส่งมาเกิด! ไอ้พวกปัญญานิ่ม ออกจากบ้านกลับไม่พกเงินติดตัวมาเลย? แถมตอนนี้อยู่ท่ามกลางสายตาของมวลชน ข้าจะตีสั่งสอนก็ไม่ได้ จะต่อว่าก็ไม่ได้? ข้าต้องทนทุกข์เงียบๆ คนเดียวอยู่อย่างนี้?
หวังเค่อกำลังคอยอย่างอดทน คนในห้องโถงยิ่งมายิ่งลดน้อยลงไปทุกที
มีคนราวหนึ่งพันที่ออกประตูบูรพาไปโดยที่ไม่ได้ซื้ออะไรเลย ที่เหลือพันกว่าคนซื้อประกันกันไม่มากก็น้อย จากนั้นก็ไปเข้าพักยังห้องพักแขกของอาคารเสินหวัง แน่นอนว่าประเภทไม่เจอหน้ากันหลายปีเรามารำลึกความหลังกันตอนนี้เถอะก็มีอยู่ไม่น้อย
จนแล้วจนรอดมู่หรงลวี่กวงก็ไม่ได้ซื้อประกัน มันนั่งแกร่วอยู่ในห้องรอจนแเื่จากไปหมดถึงค่อยออกไป แต่นั่นไม่สำคัญเพราะทุกคนหลงคิดว่ามู่หรงลวี่กวงสนับสนุนบริษัทเสินหวังอย่างเต็มที่ ก็เห็นแล้วนี่? ศิษย์พี่ใหญ่ขยันทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยจนนาทีสุดท้าย เมื่อทุกคนไปกันหมดแล้วตนเองถึงค่อยยอมออกมา ช่างอุทิศตนต่อบริษัทเสินหวังแค่ไหน!
หวังเค่อนำศิลาิญญานับไม่หวาดไม่ไหวขึ้นลิฟต์ฝั่งประตูเหนือจากไปเช่นกัน
คนที่ไปเป็คนสุดท้ายกลับเป็จางหลี่เอ๋อร์
จางหลี่เอ๋อร์คอยนับหัวทำบัญชีอย่างขยันขันแข็ง
“ท่านพี่ ทำไมท่านยังนั่งอยู่อีกเล่า?” จางเสินซวีถามด้วยความประหลาดใจ
“มีคนซื้อประกันหนึ่งพันหกร้อยเจ็ดสิบแปดคน ต่อให้ซื้อแค่คนละเล่ม ไม่สิ ส่วนใหญ่ไม่ซื้อกันคนละเล่มหรอก ต่อให้พูดเป็จำนวนน้อยๆ ก็ยังสิบล้านชั่งเลย ศิลาิญญาสิบล้านชั่ง? ซี๊ดด~~ นี่คือการประมาณแบบถ่อมตัวที่สุดแล้วนะ ไหนจะลูกค้าระดับสูงที่ซื้อทีเดียวเป็สิบเล่ม! สาวชุดชมพูกับแก๊งหัวโล้นยิ่งแล้วใหญ่ พวกมันซื้อกันเป็สิบๆ! เงิน เงิน เงิน รวยแล้ว รวยแล้วว!” จางหลี่เอ๋อร์หน้าอกกระเพื่อมด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ท่านพี่ ท่านพี่ ท่านเป็อะไร” จางเสินซวีถามอย่างกังวล
“ทำไมก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยนึกขายประกันบ้างนะ!? หวังเค่อใช้เวลา่เช้าทำเงินได้สิบล้านชั่ง? ทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงคิดไม่ได้เนี่ย! หาเงินได้มากมายปานนี้? ต่อให้ข้าดักตีหัวคนต้องทำกี่ครั้งกว่าจะได้เงินเท่านั้น! ครั้งล่าสุดข้าได้แค่ร้อยชั่ง แปลว่าข้าต้องดักตีแสนครั้งถึงจะเทียบการทำเงิน่เช้าของมันได้?” จางหลี่เอ๋อร์สีหน้าว่างเปล่า
“ท่านพี่?” จางเสินซวีเรียกอีกครั้ง
น่าเสียดาย จางหลี่เอ๋อร์จมลงสู่โลกการทำเงินของตัวเองไปแล้ว
“ไม่ได้การแล้ว ไม่ได้การแล้ว หลังจากนี้ข้าเองก็ต้องเปิดบริษัทประกันกับเขาบ้าง! ให้ทุกคนมาซื้อประกันกับข้านี่!” จางหลี่เอ๋อร์ตื่นเต้นจนตัวสั่น
“ท่านพี่ ได้สติสักที!” จางเสินซวีะโอย่างร้อนใจ
“ศิลาิญญาสิบล้านชั่ง นั่นสามารถซื้อกระเป๋า กำไลมิติ กระบี่บิน อาภรณ์เซียนรุ่นจำนวนจำกัดได้ตั้งเท่าไหร่! เป็ของข้า ทั้งหมดเป็ของข้า!” จางหลี่เอ๋อร์หลุดโลกไปแล้ว
“ท่านพี่ ยังมีคนอยู่นะ!” จางเสินซวีท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหวรีบเขย่าตัวผู้เป็พี่
“ทำอะไรของเ้า?” จางหลี่เอ๋อร์ได้สติในที่สุด มองน้องของตนอย่างงุนงง
“ท่านพี่ ศิลาิญญาสิบล้านชั่งใช่ว่าท่านไม่เคยเห็นเสียที่ไหน ท่านพ่อเองก็มีนี่นา! แล้วทำไมท่านถึง...?” จางเสินซวีถามด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“ผายลม เงินของท่านพ่อใช่เงินข้าเสียที่ไหน แต่เงินของหวังเค่อคือเงินของข้า! เทียบกันได้ไหม? ดูเ้าสิ ดีแต่เกาะพ่อแม่กิน แล้วดูหวังเค่อบ้านอื่น หากเ้ามีทักษะการทำเงินได้สักครึ่งของเขา ข้าต้องลำบากลำบนดีดลูกคิดคำนวณขนาดนี้ไหม?” จางหลี่เอ๋อร์จ้องเขม็ง
“ข้า? ข้า...!” จางเสินซวีหน้าม่วงหน้าดำอยู่สักพัก
“หวังเค่อไปไหนแล้ว?” จางหลี่เอ๋อร์ถามเสียงต่ำ
“เมื่อกี้มีรุ่นน้องมารายงานว่าหวังเค่อนำสมุดประกันกับกำไลมิติพร้อมเงินทั้งหมดขึ้นไปยังห้องทำงานของหวังเค่อที่ชั้นบนสุดแล้ว!” จางเสินซวีเอ่ยเสียงขรึม
“ห้องทำงานชั้นบนสุด? ไปคนเดียว?” จางหลี่เอ๋อร์ตาลุกวาว
“ใช่! ลึกลับซ่อนเงื่อนจริงๆ!” จางเสินซวีว่า
“ไป ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเ้าหน่อย ปิดล้อมชั้นบนสุดแล้วดักตีหัวหวังเค่อให้ได้ เงินพวกนี้เป็ของข้า! ฮ่าฮ่า ไป!” จางหลี่เอ๋อร์กล่าวอย่างตื่นเต้นยินดี
“ได้เลย!” จางเสินซวีพยักหน้า
ศิษย์พรรคอีกาทองคำตอนนี้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับอาคารเสินหวัง ดังนั้นจึงเคลื่อนไหวได้สะดวกราบรื่น ไม่ว่าไปที่ไหนก็มีน้อยคนที่จะถามไถ่ โดยเฉพาะตอนนี้ที่อาคารเสินหวังมีแเื่ผู้ฝึกฌานมาเข้าพักมากมาย สมุนของหวังเค่อต่างก็วุ่นจนมือเป็ระวิง ไหนเลยจะมาสนใจหน่วยรักษาความปลอดภัยพวกนี้? ยังไงซะพวกมันก็มีหน้าที่ลาดตระเวนไปตามที่ต่างๆ อยู่แล้ว ฉะนั้นการขึ้นไปชั้นบนสุดจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนัก
