ท่ามกลางมหานทีอันสงัดเงียบ ฟานหลิงได้แผ่ซ่านกระแสพลังปราณเป็ม่านพลังกำจายออกรอบด้านด้วยความระวัง บังเกิดเป็เพลิงสีขาวบริสุทธิ์ที่ประสานเข้ากับปราณธาตุเหมันต์อย่างลงตัวได้คลอบคลุมรอบบริเวณเอาไว้อย่างแข็งแกร่งยิ่ง ชายหนุ่มไม่รอช้าตวัดมือกลางอากาศตรงหน้าขีดเขียนเป็อักขระโบราณชุดหนึ่งเพื่อเสริมม่านหลังนี้อีกชั้นที่แฝงไปด้วยพลังมายาแห่งจิ้งจอกเหมันต์เพื่ออำพรางพวกเขาทั้งสองจากสายตาของผู้ใดก็ตามในสถานที่แห่งนี้
ตรงที่นั่งด้านข้างนั้นหนิงอ้ายได้นั่งดูดซับโอสถวิเศษและโคจรทั่วร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกายให้ได้มากที่สุด ฟังว่าเกาะพิศดารแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยเผ่าพันธ์ของสัตว์อสูรที่มีความแปลกประหลาดที่แข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย หนึ่งในนั้นย่อมเป็อสูรมัจฉาวารีพิษมรกตที่พวกเขาพึ่งสังหารไปได้เมื่อครู่ ทว่ายังคงมีตนตนประหลาดพิสดารที่หลีกซ่อนเร้นอยู่ในสถานที่แห่งนี้อีกมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นการไม่สร้างความรำคานใจและก้าวล่วงล้ำเขตแดนพิเศษจึงเป็สิ่งที่สมควรกระทำมากที่สุด และด้วยฤทธิ์ของโอสถทิพย์ระดับแปดที่มีความบริสุทธิ์ถึงสิบส่วนนั้นกล่าวว่าย่อมมากไปด้วยคุณวิเศษอย่างแท้จริง กระแสพลังในเม็ดโอสถนั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรส่งเสริมปราณสุริยะธาตุอันเป็ปราณธาตุต้นกำเนิดของหนิงอ้ายที่เชี่ยวชาญมากที่สุด เมื่อได้รับการชักนำไหลเวียนทั่วร่างกายแล้วกล่าวว่าอาศัยแต่เพียงเวลาเท่านั้นร่างายย่อมหวนกลับคืนสมบูรณ์อีกครั้ง
ยิ่งกับหนิงอ้ายที่ปราณธาตุทั้งสี่ที่มีความลึกล้ำถึงขั้นได้รับการยกระดับเป็ขั้นต้นกำเนิดแล้ว พลังแห่งสายเือันเข้มข้นของัที่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่งและพลังทำลายล้างกับสายเืของเฟยเฟิ่งที่ขึ้นชื่อในเื่ของการรักษาปกป้องชีวิตแล้ว ยิ่งส่งเสริมให้โอสถเม็ดนี้มีอาณุภาพที่เหนือล้ำหลายเท่า นี่เป็สิ่งที่เขาพอจะััได้จากสายเืทั้งสองที่ค่อย ๆ หลอมรวมกันที่ไหลเวียนในร่างกาย ส่วนความลึกล้ำขั้นกว่าหลังจากนี้จะเป็เช่นใดนั้นหนิงอ้ายยังไม่อาจล่วงรู้ได้แน่ชัดสักเท่าไหร่ในยามนี้ ใช้เวลาอยู่ราว ๆ หนึ่งชั่วยามก็สามารถดูดซับโอสถวิเศษนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ในที่สุด
“เป็อย่างไรบ้างหนิงอ้าย??” เห็นเด็กหนุ่มลืมตาขึ้น ฟานหลิงจึงเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
“โอสถของท่านอาจารย์ช่างยอดเยี่ยมสมกับเป็โอสถทิพย์ระดับแปดที่มีคุณค่ายิ่ง เดิมทีร่างกายของข้าได้สูญเสียพลังลมปราณและจิติญญาไปก่อนหน้าไม่น้อย ใคร่จะฟื้นฟูโดยไม่ใช้ตัวช่วยคงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าห้าถึงหกชั่วยามเลยกระมัง แต่โอสถเม็ดนี้ใช้เวลาเติมเต็มเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น...” หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับลุกขึ้นยืนสังเกตพื้นที่โดยรอบ
“หากร่างกายเ้าพร้อมแล้วพี่ว่าสมควรเดินทางเสียที ผลึกอัมพรอัคคีพิสุทธิ์เป็แร่วิเศษชิ้นส่วนสำคัญสุดท้ายที่เรา้าในเกาะพิศดารแห่งนี้ ซึ่งถือกำเนิดบนยอดเขาสูงเสียดฟ้าเหนือชั้นเมฆที่เต็มไปด้วยกระแสพลังปราณฟ้าดินอัคคีบริสุทธิ์ ฟังว่าในมหาพิภพแห่งนี้มีเพียงสถานที่ดังกล่าวเท่านั้นที่ผลึกอัมพรอัคคีพิสุทธิ์ปรากฎอยู่เพียงที่เดียว...”
“ตามบันทึกของท่านอาจารย์กล่าวว่าเหนือยอดขุนเขาอันเป็สถานที่กำเนิดผลึกอัมพรอัคคีพิสุทธิ์นั้นมีเผ่าพันธ์พยัคฆ์ปักษาอัคคีเกล็ดสีครามอาศัยอยู่ ที่สามารถควบคุมเพลิงใต้ดินและเหินเวหาได้รวดเร็วยิ่งและถือเป็ตัวตนอีกหนึ่งเผ่าพันธ์ที่ปกครองตนเองไม่ขึ้นตรงกับผู้ใด” หนิงอ้ายบอกกับฟานหลิงในสิ่งที่ตนพอจะทราบพร้อมกับปรึกษากันอีกเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจออกเดินทางในทันที
เรือเหาะวิเศษได้เหินพุ่งทะยานเหนือท้องฟ้าด้วยความรวดเร็วที่ได้รับเสริมพลังลมปราณจากราชทินนามราชันิญญาที่แข็งแกร่งเช่นฟานหลิง จึงใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบริเวณสถานที่ดังกล่าว สภาพแวดล้อมล้วนเต็มไปด้วยูเาไฟน้อยใหญ่ที่มีเปลวเพลิงและเพลิงหนืดไหลปะทะออกมาไม่ขาดสาย คลื่นพลังความร้อนที่เหนือล้ำกว่าเปลวเพลิงทั่วไปได้พัดเข้าปะทะร่างกาย ก่อนที่ทั้งสองจะบัญชาการเปลวเพลิงสีแดงและเปลวเพลิงสีขาวจากิญญายุทธ์ออกมาอาบทั่วทั้งร่างกายเพื่อปกป้องและสร้างกำบังอำพลางจากสายตาของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่โดยรอบ
ไม่รอช้าทั้งสองปราดท่าร่างด้วยวิชาตัวเบาออกมาพร้อมกับเหินทะยานขึ้นไปยังูเาไฟสูงเสียดฟ้าตรงหน้าในทันที ยิ่งเหาะเหินสูงมากเพียงใดคล้ายกับว่าความร้อนแรงของเปลวเพลิงพิสดารนี่ยิ่งทวีมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรสิ่งนี้ก็ไม่อาจกระทำสิ่งใดกับพวกเขาทั้งสองได้ทั้งสิ้น ภาพตรงหน้าปรากฏเป็ลานกว้างที่ถูกปูทับด้วยแผ่นหินเก่าแก่โบราณ บริเวณโดยรอบยังมีเสาศิลาที่แตกหักทรุดโทมไปบางส่วนตามกาลเวลา ทว่าอย่างไรแล้วกลิ่นอายจากอักขระโบราณที่ถูกสลักกำกับนั้นไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด
ตรงใจกลางนั้นมีแท่นศิลากล้าแกร่งที่บนนั้นมีผนึกโลหะสีแดงกระจ่างในขนาดใหญ่เป็ประกายหยอกล้อไปกับเปลวเพลิงเหนียวหนืดที่กระจายอยู่โดยรอบ ผลึกก้อนนั้นยังคงแผ่ซ่านกลิ่นอายลี้ลับแปลกประหลาดออกมาเป็ระลอกคลื่น กลายเป็กระแสพลังไหลเวียนอายย้อมปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ
“เ้าสิ่งนี้คงเป็ผลึกอัมพรอัคคีพิสุทธิ์ โลหะปราณธาตุไฟที่ดูดซับกระแสพลังฟ้าดินที่แฝงเร้นด้วยกลิ่นอายของอัคคีบริสุทธิ์เป็เวลาไม่น้อยกว่าพันปี นับเป็อีกหนึ่งสมบัติวิเศษชั้นยอดของมหาพิภพแห่งนี้คงไม่เกินจริงไปนัก” ฟานหลิงเอ่ยเสริมขึ้นให้หนิงอ้ายได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ด้วยเพราะสถานที่ลึกลับซ่อนเร้นในมหาพิภพนี้ล้วนมีหลากหลายสถานที่ และแน่นอนว่าล้วนมีสมบัติวิเศษล้ำค่าถือกำเนิดขึ้นด้วยเช่นกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งเกาะพิศดารแห่งนี้นั่นเอง
ครืน!!
ฉับพลันนั้นเองท่ามกลางความเงียบสงบของสถานที่พิเศษลึกล้ำนี้ เหนือท้องฟ้า้าได้ปรากฎเงาร่างของพยัคฆ์สีครามขนาดใหญ่พุ่งทะยานลงมาด้วยความรวดเร็วยิ่ง ปีกตรงด้านหลังนั้นเกิดจากปราณธาตุอัคคีที่ผลึกขึ้นเป็ปีกแก้วงดงามวิจิตรยิ่ง กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมากล่าวว่าไม่ธรรมดาสามัญอย่างแท้จริง แต่ด้วยรากฐานบ่มเพาะที่ลึกล้ำกว่าสัตว์อสูรมายาทั่วไปจะมีได้ในระดับนี้ได้สร้างความตื่นตะลึงแก่หนิงอ้ายกับฟางหลิงอยู่ไม่น้อย ด้วยเพราะขุมพลังนี้สามารถทัดเทียมได้กับราชทินนามราชันิญญาขั้นสูงย่างก้าวเทพยุทธ์ิญญาได้เลยเสียด้วยซ้ำ หนิงอ้ายเองยอมรับว่าเขาไม่คาดคิดถึงตัวตนที่คอยเฝ้ารักษาผลึกอัมพรอัคคีพิสุทธิ์จะแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ หากต้องปะทะรับมือโดยตรงแล้วแม้เขาทั้งสองจะร่วมมือกันแล้วคงเป็อันตรายเกินไปมากเกินไป แม้กระทั่งฟานหลิงเองยังปรากฎร่องรอยความเคร่งเครียดอยู่แล้วบ้างเช่นกัน
ในมือของฟานหลิงนั้นเรียกป้ายหยกวิเศษออกมาพร้อมบีบทำลายทุกเมื่อหากอีกฝ่ายพุ่งเข้าจู่โจมหมายเข่นฆ่าสังหาร อย่างไรแล้วสิ่งนี้คงสามารถเรียกระดมผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธ์จิ้งจอกเหมันต์ออกมาได้ ด้วยระดับพลังิญญาและสมบัติวิเศษที่พวกเขาทั้งสองถือครองคงสามารถถ่วงเวลาไปได้อย่างไม่พลาดท่าตกตายไปในทันทีกระมัง หนิงอ้ายเองก็ไม่คาดคิดว่าเสวี่ยจิงผู้เป็อาจารย์ของตนนั้นจะมอบหมายภารกิจที่อันตรายถึงเพียงนี้ ทว่าไม่ทันที่ฟานหลิงจะได้ทำตามที่วางแผนไว้ พยัคฆ์ขาวตรงหน้าได้แปลงกายเป็ร่างมนุษย์ชายวัยกลางคนร่างกายสูงใหญ่กำยำสวมใส่อาภรณ์หนังสัตว์สีขาวน้ำตาลผืนใหญ่ชวนให้รู้สึกเกรงขามอยู่ไม่น้อย
“ข้าจดจำกลิ่นอายของพวกเ้าผู้บุกรุกสถานที่ต้องห้ามแห่งนี้ได้ บุรุษตรงด้านซ้ายคงเป็องค์รัชทายาทฟานหลิงแห่งเผ่าพันธุ์จิ้งจอกเหมันต์เก้าหาง ส่วนเด็กหนุ่มตรงด้านซ้ายคงมีนามว่าหนิงอ้ายผู้ที่ได้รับโอสถวิเศษจากท่านเทพโอสถาเสวียจิงให้กำเนิดขึ้น ศิษย์สายตรงเพียงคนเดียวของเทพแห่งโชคชะตาาห่าวหร่าน อีกทั้งยังฐานะบุตรบุญธรรมของเทพาาม่อเหยียน ไม่ทราบว่าพวกเ้าล่วงล้ำมายังสถานที่แห่งนี้คงได้เตรียมใจมากบ้างแล้วกระมัง...” สุรเสียงทุ้มต่ำที่อัดแน่นด้วยกระแสพลังลมปราณของสัตว์อสูรระดับมายาขั้นสูงดังสะท้อนก้องกังวาลไปทั่วทั้งสารทิศ บ่งบอกถึงขุมพลังยิ่งใหญ่อหังการที่อยู่
หากเป็หนิงอ้ายในกาลก่อนด้วยระดับพลังิญญาที่อ่อนด้อยปานนั้นยอมรับว่าเขาย่อมหวั่นเกรงอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย ทว่าหลังจากได้รับโอกาสสร้างกายเนื้อกำเนิดขึ้นมาใหม่แม้ยามนี้เขาจะเป็เพียงเด็กหนุ่มที่มีอายุสิบสองสิบสามปีคนหนึ่ง แต่หากนับรวมอายุขัยทั้งสามชีวิตที่ผ่านมาเทียบกับโลกเดิมแล้วเขาก็ไม่ต่างไปจากชายที่เข้าสู่วัยกลางคนผู้หนึ่ง ด้วยทุกสิ่งอย่างที่หล่อหลอมจึงทำให้ยังคงสามารถตั้งสติรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างมั่นคง
“ผู้เยาว์ทั้งสองเคารพผู้าุโ ข้ามีนามว่าฟางหลิงส่วนน้องชายของข้าผู้นี้มีนามว่าหนิงอ้ายขอรับ...” ฟานหลิงพยักหน้ากับหนิงอ้ายเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสองจะยกมือมือประสานคำนับผู้าุโตรงหน้าตามวิถีมารยาทของผู้ฝึกตนพร้อมกับเอ่ยแนะนำตัวไปอีกครั้ง ในเมื่ออีกฝ่ายล่วงรู้ถึงตัวตนและความเป็มาของพวกเขาทั้งสองและกล่าววาจาเช่นนี้ย่อมมีจุดประสงค์บางอย่างเป็แน่
“พวกเ้าทั้งสองอย่าได้เคร่งเครียดถึงปานนั้น ข้ามีนามว่าไป๋เฉินเป็หนึ่งในผู้ติดตามข้างกายขององค์ราชันย์พยัคฆ์ปักษาอัคคีเกล็ดสีครามและข้ายังมีหน้าที่เฝ้าดูแลผลึกอัมพรอัคคีพิสุทธิ์ ณ สถานที่แห่งนี้เช่นกัน...” บุรุษวัยกลางคนตรงหน้ากล่าวแนะนำตัวตนและฐานะออกมา
ได้ฟังเช่นนั้นแล้วหนิงอ้ายกับฟานหลิงจึงรู้สึกโล่งใจออกมาไม่น้อย ด้วยท่าทีของผู้าุโตรงหน้าหาได้คุกคามพวกเขาแต่อย่างใดในความรู้สึก ตัวตนของราชันย์พยัคฆ์ปักษาอัคคีเกล็ดสีครามนั้นถือได้ว่าไม่เป็มิตรไม่เป็ศัตรูไปเลยทีเดียว ด้วยถือว่าตนเป็เผ่าพันธ์ระดับสูงที่เป็รองเพียงสี่เผ่าพันธ์าเท่านั้น พลังฝีมือการต่อสู้กล่าวว่าโดดเด่นเหนือล้ำและมีระดับพลังลมปราณทัดเทียมกับฟางเยว่ผู้เป็มารดาของฟางหลิงเสียด้วยซ้ำ
“กล่าวตามตรงว่าหากเป็ผู้อื่นก้าวล้ำเข้ามายังสถานที่หวงห้ามแห่งนี้ข้าคงไม่ออมมือและยินดีสังหารให้สิ้นเพียงไม่กี่อึดใจ แต่ด้วยฐานะของทางเผ่าพันธ์และตัวตนของพวกเท่าทั้งสองที่ไม่อาจล่วงเกินได้โดยง่าย หาก้าผลึกอัมพรอัคคีพิสุทธิ์นี้ จำเป็ต้องผ่านการทดสอบจากข้าเสียก่อน...” ไป๋เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบรื่นไม่ปรากฏคลื่นอารมณ์ ยิ่งมีท่าทีที่สุภาพมากเพียงใดทว่ากลิ่นอายอันตรายที่แผ่ซ่านออกมานั้นหาได้ดูเบาได้เพียงนิด
“พวกข้าทั้งสองยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวนี้ เชิญผู้าุโกล่าวแจ้งบททดสอบมาได้เลยขอรับ” หนิงอ้ายถามออกไปด้วยท่าทางสุภาพ
“ให้เวลาพวกเ้าทั้งสองหนึ่งเค่อ หากสามารถประลองจนข้ายอมรับฝีมือได้ข้าจะจัดสรรแบ่งผลึกอัมพรอัคคีพิสุทธิ์ให้อย่างไม่บิดพริ้ว แน่นอยว่าข้าก็จะลดระดับพลังของตนเช่นกันพวกเ้าอย่าได้เป็กังวลไป” กล่าวจบลงกลิ่นอายแข็งแกร่งบนร่างกายของไป๋เฉินก็ลดลงจนเหลือเพียงระดับราชันิญญาขั้นต้น ทว่ายังคงเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของรากฐานบ่มเพาะที่ไม่ธรรมดาสามัญ แม้จะกล่าวว่าได้ลดระดับพลังลงมาแล้วทว่าหนิงอ้ายกับฟานหลิงยังคงไม่อาจรับมือได้โดยง่ายอย่างแท้จริง
“ผู้าุโโปรดชี้แนะด้วย!!!” หนิงอ้ายกับฟานหลิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับประสานมือคำนับอีกครั้ง ฉับพลันนั้นกลิ่นอายบนร่างของพวกเขาทั้งสองต่างปะทุออกมาถึงขีดสุด
แน่นอนว่าฟานหลิงในยามนี้ได้อยู่ในรูปลักษณ์ต้นกำเนิดนั้นคือร่างของจิ้งจอกเหมันต์เก้าหางสีขาวพิสุทธิ์ ทางฝั่งของหนิงอ้ายนั้นก็ได้รีดเค้นพลังสายเืออกมาเป็ศาสตร์ลับร่างอัคคีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแปลกประหลาด เวลานั้นกลิ่นอายได้ะเิพรวดพราดจากเขตขั้นเดิมเป็ราชทินนามราชันิญญาขั้นกลางที่ไม่อาจดูแคลนได้เพียงนิด สะเก็ดเพลิงสีแดงทองประกายรุ้งกระจายวนเวียนรอบตัว ดวงตาที่สามกลางหน้าผากอันเกิดจากวิชาวิชามหาจักษุ์อนันตมายาปรากฎขึ้นเกิดเป็พลังพิศดารพันธนาการสายหนึ่งตรึงร่างของาุโตรงหน้าให้ไม่อาจขัยบตัวได้ แม้กระทั่งการรีดเค้นพลังลมปราณก็คล้ายกับหยุดชะงักไปจังหวะหนึ่งเลยทีเดียว
การตรึงร่างพันธนาการเช่นนี้ย่อมสร้างความประหลาดใจแก่ไป๋เฉินอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าสิ่งนี้ย่อมเป็อีกหนึ่งความสามารถของวิชามหาจักษุ์อนันตมายาอันเลื่องชื่อของเทพแห่งโชคชะตาา ไม่คาดคิดว่าสุดยอดวิชาประจำตัวเช่นนี้อีกฝ่ายได้ถ่ายทอดให้เด็กหนุ่มตรงหน้านี้ด้วย แม้พลังพันธนาการนี้อาจจะอ่อนด้อยไปบ้างเนื่องจากขาดประสบการณ์และความแข็งแกร่ง อย่างไรในสักวันหนึ่งหากสามารถยึดกุมบัญชาการแล้วคงมีความลึกล้ำกว่านี้หลายร้อยพันเท่า
จังหวะนั้นฟานหลิงได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างไม่กลัวเกรง หนึ่งหมัดไร้ลีลาทว่ากลับเปี่ยมไปด้วยพลังของจิ้งจอกเหมันต์เก้าหางที่อัดแน่นอย่างยิ่งยวดนั้นไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด เพียงชกออกไปเบื้องหน้านั้นขุมพลังทำลายล้างทรงอาณุภาพได้พุ่งเข้าใส่อย่างทันที การประสานร่วมมือกันของทั้งสองนี้กล่าวว่าคงผ่านการฝึกฝนมาอย่างเชี่ยวชาญเลยทีเดียว
ตู้ม!!!
คลื่นพลังทำลายล้างสาดซัดเป็คลื่นวงใหญ่เข้าทำลายพื้นที่โดยรอบ ทว่าอย่างไรแล้วร่างกายอันแข็งแกร่งของผู้าุโท่านนี้ยังยื่นนิ่งไม่เคลื่อนไหว ทั่วทั้งตัวไร้ซึ่งาแทั้งสิ้น เวลานั้นหนิงอ้ายกับฟางหลิงไม่รอช้าถอยปราดร่างออกมาไม่ไกลนัก
“การประสานการโจมตีเมื่อครู่ถือว่าทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว แต่ต้องกล่าวตามตรงว่าขุมพลังทำลายล้างเพียงเท่านี้ยังไม่อาจเพียงพอให้ข้าาเ็ได้แม้แต่น้อย!!” ไป๋เฉินกล่าวจบลงพลันะเิขุมพลังทางสายเืออกมาอย่างท่วมท้น เปลวเพลิงหนืดใตู้เาโดยรอบต่างปะทุขึ้นเกิดเป็คลื่นความร้อนและเปลวเพลิงอหังการล้อมรอบ มือหนึ่งตวัดบัญชาการเปลวเพลิงเหลวผนึกขึ้นเป็หอกอัคคีนับร้อยเล่มเหนือท้องฟ้าก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีทั้งสองด้วยความรวดเร็วยิ่ง
อ๊ากกกซ์!!!
เสียงกรีดร้องทรมานของหนิงอ้ายกับฟานหลิงดังขึ้น ขณะที่หอกอัคคีนับสิบเล่มได้ฝ่าทะลุม่านพลังป้องกันตรงหน้าแทงทะลุร่างจนกระอักเืออกมา ดวงตาของไป๋เฉินเบิกกว้างด้วยความใไม่น้อย ด้วยเพราะขุมพลังเมื่อครู่ด้วยระดับพลังของทั้งสองแล้วย่อมสามารถป้องกันโดยไม่เพลี้ยงพล้ำได้โดยง่ายถึงเพียงนี้ หากทั้งสองได้รับการาเ็มากกว่าที่ควรแล้ว การกระทำครั้งนี้ย่อมเกินกว่าเหตุยากที่จะรับผิดชอบได้ไหว
มหาวังวนวายุจิ้งจอกเหมันต์สังหาร!!
บุปผาเพลิงอัคคีพิสุทธิ์จำแลงลักษณ์!!
ฉับพลันนั้นตรงด้านหลังของผู้าุโท่านนั้นปรากฎเป็ยุทธพิฆาตโจมตีสองสายที่ถาโถมเข้าใส่ด้วยความรุนแรงยิ่ง ร่างกายสูงใหญ่รีบหันหลังมองด้วยความใไม่น้อยก่อนจะรีบรีดเค้นโคจรพลังสายเืออกมาต้านรับเกิดเป็เกราะป้องกันการโจมตีดังกล่าว เพียงพริบตานั้นเงาร่างของจิ้งจอกวายุขนาดใหญ่ที่พกพาวายุคลั่งสาดสัดเข้ามาอย่างถาโถม ส่วนอีกหนึ่งยุทธ์พิฆาตนั้นปรากฏเป็บุปผาเพลิงสีแดงทองประกายรุ้งขนาดใหญ่ที่พกพาพลังทำลายล้างอย่างถึงสุดขีด ก่อนจะสอดประสานเข้ามาพร้อมกันในทันใด
ตู้ม!!!
ยุทธพิฆาตทั้งสองได้โหมกระหน่ำใส่ร่างผู้าุโตรงหน้าอย่างไม่ยั้งมือเลยเพียงนิด เสียงะเิทำลายดังก้องสะท้านเลือนลั่นไปทั่วทั้งบริเวณอย่างแท้จริง แม้ไม่อาจสร้างรอยแผลฉกรรจ์บนร่างกายได้ ทว่าสิ่งนี้กลับเรียกร้อยยิ้มหายากของผู้าุโตรงหน้าออกมาได้ในที่สุด
“ช่างน่าประทับใจเสียจริง ขอแสดงความยินดีด้วยพวกเ้าทั้งสองผ่านการทดสอบจากข้าแล้ว ไม่คาดคิดว่ารัชทายาทของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกเหมันต์เก้าหางจะเป็สุดยอดต้นกล้าที่มากไปด้วยฝีมืออันน่าชื่นชม มากไปกว่านั้นเด็กหนุ่มที่วัยเพียงสิบสองสิบสามปีจะมีท่วงท่าพิฆาตล้ำลึกเฉียบขาดถึงเพียงนี้ ภาพลวงตาเมื่อครู่คงเป็วิชาที่คิดค้นขึ้นจากรากฐานของวิชามหาจักษุ์อนันตมายาเสียแล้วกระมัง ไม่รู้ว่ามหาพิภพกำลังให้กำเนิดตัวตนใดกัน ฮ่าฮ่าฮ่า” ไป๋เฉินกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม ครั้งนี้เป็ตนที่พลาดท่าและดูเบารุ่นเยาว์ทั้งสองนี้มากเกินไป ตัวตนของทั้งสองหาได้ธรรมดาสามัญเช่นนั้นแล้วจะเพลี้ยงพล้ำได้โดยง่ายไปเสียเมื่อไหร่ ยิ่งกับเด็กหนุ่มคนนั้นถึงกับมากไปด้วยพร์ถึงเพียงนี้ช่างสมกับที่ท่านเทพาทั้งสามให้ความเอ็นดูเสียจริง...
**ั้แ่บทที่126 ถึงบทที่145 ไรท์ขออนุญาติติดเหรียญอ่านล่วงหน้ารายตอนพร้อมแจ้งวันอ่านฟรีนะครับ (ตอนละ 2 เหรียญ) **