“ผลึกเสวียนระดับบนหนึ่งพันก้อน สมุนไพริญญาขั้นสี่ห้าต้นหรือ?” ลั่วเฉินอวี่ขึ้นเสียงสูง สีหน้าไร้ความรู้สึก “เซียวเฉินคู่ควรกับราคานี้หรือ?”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เอ่ยด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “คู่ควรหรือไม่ต้องดูว่าเ้าคิดอย่างไร เขาบอกว่า จะท้าสู้เขาก็จำเป็ต้องทำตามเงื่อนไขของเขา ไม่เช่นนั้น เขาจะไม่รับเทียบท้าสู้ของเ้า”
“ข้าว่าเขามิใช่ไม่รับ แต่ไม่กล้ารับต่างหาก” บุรุษคนหนึ่งข้างกายลั่วเฉินอวี่เอ่ยหยัน ดวงตาฉายแววดูแคลน
“นึกว่าตนเองเป็บุคคลสำคัญจริงๆ หรือ? เกรงว่าศึกนั้น ซูเฉินเทียนคงใช้ความสามารถไม่ถึงสองส่วน นึกว่ามีความสามารถนั่งตำแหน่งอันดับหนึ่งบนผังชางหวงจริงๆ หรือ? ช่างไม่รู้อะไรเลย”
อีกคนหนึ่งส่งเสียงดูถูกเซียวเฉินเช่นกัน
ขนาดความสามารถและพร์อย่างลั่วเฉินอวี่ยังเอาชนะซูเฉินเทียนไม่ได้ แล้วศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสถานศึกษาได้ไม่ถึงหนึ่งปีอย่างเซียวเฉินจะมีความสามารถใดมาเอาชนะซูเฉินเทียนได้?
แค่ถูกซูเฉินเทียนใช้เป็เครื่องมือก็เท่านั้น
ยังคิดว่าตนเองยอดเยี่ยมและกระหยิ่มใจอีก ไม่ดูความสามารถของตนเองเสียบ้าง
เ้าพูดทีข้าพูดที ไม่มีใครไม่ดูแคลนเซียวเฉินและยกยอลั่วเฉินอวี่ ราวกับคนทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันแล้วแตกต่างกันดุจฟ้ากับดิน เหมือนคนหนึ่งคือเมฆ อีกคนคือดิน
เื่นี้ทำให้ใบหน้าของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เย็นเยียบลงโดยสมบูรณ์
นางมองลั่วเฉินอวี่ เอ่ยเสียงเ็า “ลั่วเฉินอวี่ ที่นี่เ้าเป็คนตัดสินใจหรือพวกเขาเป็คนตัดสินใจ ข้าจะบอกพวกเ้าอีกที พวกเขานับเป็ตัวอะไร? คู่ควรเสวนากับข้าหรือ? ถึงเป็เ้า ก็ยังต้องดูว่าข้ายินดีสนทนากับเ้าหรือไม่ หากเ้าควบคุมไม่ได้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือ”
คำพูดประโยคเดียวของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ปิดปากคนอื่นๆ ได้
ส่วนลั่วเฉินอวี่มองผู้ติดตามอย่างลึกล้ำแวบหนึ่งแล้วหันมากล่าวยิ้มๆ “ข้าสั่งสอนไม่เข้มงวด ทำให้เ้าหัวร่อเยาะแล้ว กลับไปข้าจะลงโทษพวกเขา”
ประโยคนี้เท่ากับไม่ได้พูด
กลับไปถึงเ้าไม่สั่งสอนพวกเขา หรือว่าข้ายังยืนมองอยู่ที่นี่ตลอดได้ มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กระตุกมุมปากหยัน ในที่สุดก็เอ่ยว่า “ข้านำคำพูดมาบอกแล้ว ไปหรือไม่นั่นเป็เื่ของเ้า”
เอ่ยจบก็หันกายจากไป
“ข้ากลับแปลกใจ เ้าหนูที่เพิ่งเข้าสถานศึกษาได้ไม่นานอย่างเซียวเฉินเด็ดบุปผาเช่นมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ได้อย่างไร?” ลั่วเฉินอวี่เอ่ยยิ้มๆ อย่างสนอกสนใจ
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ร่างสะท้าน จากนั้นดวงตาก็เปล่งประกายเย็นเยียบเสียดกระดูก
“ควบคุมปากของเ้าให้ดี เื่ของข้าไม่ถึงรอบให้เ้ามาถาม” ว่าแล้วก็ไม่รั้งอยู่นาน หันกายจากไปทันที
หลังมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์จากไป ทุกคนที่อยู่ด้านหลังก็มีโทสะ
“ก็แค่ศิษย์ของอาจารย์ใหญ่ มีอะไรน่าหยิ่งผยอง”
ลั่วเฉินอวี่เอ่ยช้าๆ “นางอยู่อันดับสี่บนผังชางหวง พวกเ้าเทียบได้หรือ?” ว่าแล้วก็กวาดตามองพวกเขา แต่ละคนเงียบกริบเหมือนจักจั่นในฤดูหนาว ก้มหน้าไม่เอ่ยวาจาอีก ยอมรับว่าตนเองเทียบไม่ติด
ลั่วเฉินอวี่มองพวกเขาอย่างลึกล้ำ น้ำเสียงเ็า
“ต่อไปอย่าพูดแทรกส่งเดช ทำข้าขายหน้า”
“ขอรับ” ทุกคนตอบรับอย่างเชื่อฟัง
“พรุ่งนี้ส่งผลึกเสวียนระดับบนหนึ่งพันก้อนและสมุนไพริญญาขั้นสี่ห้าต้นไป ข้าอยากจะดูว่าเซียวเฉินคู่ควรกับราคานี้หรือไม่” แววตาของลั่วเฉินอวี่ลึกล้ำ
...
วันที่สอง ลั่วเฉินอวี่ให้คนส่งผลึกเสวียนระดับบนหนึ่งพันก้อนและสมุนไพริญญาขั้นสี่ห้าต้นมาให้ เซียวเฉินมองแวบหนึ่งแล้วผงกศีรษะ ดวงตามีแววยิ้มจางๆ
“ไม่เลว คุณภาพผลึกเสวียนดีเยี่ยม สมุนไพริญญาก็เป็ระดับบน” เซียวเฉินมองพินิจสมุนไพริญญาและผลึกเสวียนอย่างละเอียด จากนั้นมองคนผู้นั้นแล้วเอ่ยช้าๆ “แต่ข้าลืมบอกไป ผลึกเสวียนระดับบนหนึ่งพันก้อนและสมุนไพริญญาขั้นสี่ห้าต้นคือราคาของเมื่อวาน ส่วนราคาของวันนี้คือผลึกเสวียนระดับบนสองพันก้อนและสมุนไพริญญาขั้นสี่แปดต้น”
“เ้า...”
คนผู้นั้นมีสีหน้าเดือดดาลทันที
“เซียวเฉิน เ้าอย่าได้ไม่รู้จักดีชั่ว”
เซียวเฉินเอ่ยเรียบๆ “ข้าก็ไม่รู้จักดีชั่วแบบนี้แหละ นำสิ่งของของเ้ากลับไปแล้วไสหัวไปเสีย หากจะท้าสู้ข้าก็ให้ลั่วเฉินอวี่นำสิ่งของมาหาข้าด้วยตนเอง หากเลยเวลาจะไม่รอ”
ว่าแล้วก็หันกายจะจากไป
“เ้านึกว่าตนเองคู่ควรกับอันดับหนึ่งบนผังชางหวงจริงๆ หรือ? หากซูเฉินเทียนทุ่มสุดกำลัง เกรงว่าเ้าคงตายอยู่บนเวทีแต่แรก ยังมาเหิมเกริมที่นี่ได้หรือ?” คนผู้นั้นเอ่ยอย่างเดือดดาล
ในความเห็นของเขา นอกจากซูเฉินเทียนแล้ว ลั่วเฉินอวี่คืออันดับหนึ่งบนผังชางหวง แต่ซูเฉินเทียนกลับยอมให้เซียวเฉิน เื่นี้ทำให้ไม่ว่าเขาจะมองเซียวเฉินอย่างไรก็ไม่สบอารมณ์ ไม่เพียงเขาเท่านั้น ลูกน้องของลั่วเฉินอวี่ทุกคนก็เป็เช่นนี้
เซียวเฉินชะงักฝีเท้า หันมามองคนผู้นั้น
แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้ม แต่แววตากลับเยียบเย็นเป็น้ำแข็ง
“พูดจบแล้วหรือ? กลับไปบอกลั่วเฉินอวี่ว่า หากเขาจะท้าสู้ข้าต้องใช้ผลึกเสวียนระดับบนหนึ่งหมื่นก้อน สมุนไพริญญาขั้นห้าสิบต้น กำหนดเวลาสามวัน หากเลยกำหนดจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และหากเขาคิดจะชิงอันดับหนึ่งบนผังชางหวงจากข้าก็มาเอง หากให้สุนัขรับใช้มาอีก อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ”
ว่าแล้วก็ฟาดหนึ่งฝ่ามือ คนผู้นั้นรู้สึกว่าแรงกระแทกขุมหนึ่งยกเขาลอยขึ้นแล้วร่วงกระแทกพื้นอย่างหนักหน่วง ผลึกเสวียนและสมุนไพริญญากระจายเกลื่อนพื้น
ทุกคนเห็นฉากนี้ก็สูดลมหายใจหนาวเหน็บ
ลั่วเฉินอวี่ให้คนส่งสิ่งของตามเงื่อนไขที่เซียวเฉินเสนอมาให้ แต่กลับถูกเซียวเฉินทุบตี แถมยังบอกให้ลั่วเฉินอวี่มาส่งด้วยตนเอง!
เซียวเฉินบ้าไปแล้ว!
ถึงกับกล้าตบหน้าลั่วเฉินอวี่แบบนี้!
“ข้าว่าคราวนี้เซียวเฉินยากจะหนีพ้นคราเคราะห์ ไม่ไว้หน้าลั่วเฉินอวี่แบบนี้ เกรงว่าลั่วเฉินอวี่คงจะสังหารเซียวเฉิน”
“นึกว่าเขาเอาชนะซูเฉินเทียนได้จริงๆ หรือ มีใครไม่รู้บ้างว่าวันนั้นซูเฉินเทียนไม่ได้ทุ่มสุดกำลัง ไม่เช่นนั้น หากเขารอดจากการประมือกับซูเฉินเทียนมาได้ ข้าจะคุกเข่าเรียกเขาว่าท่านพ่อ!”
“เ้าบ้าเซียวเฉินยังเหิมเกริมเหมือนเดิม เถียงกับผู้าุโสามก่อน จากนั้นท้าสู้ซูเฉินเทียน ตอนนี้ตบหน้าลั่วเฉินอวี่ เขาช่างไม่กลัวตายจริงๆ”
“์สร้างเภทภัยยังพอทำเนา ตนเองแส่หาเภทภัยสมควรตาย!”
คนผู้นั้นเก็บผลึกเสวียนและสมุนไพริญญาแล้วจากไปอย่างผิดหวัง ดวงตาทอแววอำมหิต
หลังคนผู้นั้นจากไป ภายในลานเรือน มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองเซียวเฉินอย่างเป็ห่วง เอ่ยถามว่า “เ้าตบหน้าลั่วเฉินอวี่ขนาดนี้ ไม่กลัวเขาแก้แค้นเ้าหรือ”
เซียวเฉินมีสีหน้าเรียบเฉย
“มีอะไรน่ากลัว รออัดเขาพร้อมผลึกเสวียนระดับบนหนึ่งหมื่นก้อนกับสมุนไพริญญาขั้นห้าสิบต้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“...” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์หมดวาจา
“ทำไมข้ารู้สึกเหมือนเ้ากำลังมุ่งเป้าไปที่ลั่วเฉินอวี่” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ถาม นางรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้ั้แ่ตอนที่ลั่วเฉินอวี่ส่งเทียบท้าสู้เซียวเฉิน
เซียวเฉินยิ้ม “เขามุ่งเป้ามาที่ข้าโอเคไหม ข้าเพิ่งขึ้นอันดับหนึ่งบนผังชางหวง เขาก็ส่งเทียบท้าสู้ข้าทันที ตอนซูเฉินเทียนเป็อันดับหนึ่งไม่เห็นเขาจะขยันขันแข็งอยากพิสูจน์ความสามารถของตนเองขนาดนี้เลย อย่างมากเขาก็ไปท้าสู้ซูเฉินเทียนก็พอ เขาคิดจะเหนือกว่าซูเฉินเทียนมาตลอดมิใช่หรือ แต่เขาพานมาท้าสู้ข้า คนที่รังแกคนอื่นแบบนี้ ทำไมข้าต้องไว้หน้าเขาด้วย?”
“เขาท้าสู้ข้าเพราะเหตุผลเพียงสองข้อ ข้อแรกคือชิงอันดับหนึ่งบนผังชางหวงที่แย่งจากซูเฉินเทียนไม่ได้มาโดยตลอดจากข้า ข้อสองคืออาศัยการต่อสู้เอาชนะข้าเพื่อเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของซูเฉินเทียน”
เซียวเฉินมีสีหน้าไม่แยแส
“ศักดิ์ศรีของคนชั่วร้ายแบบนี้สมควรเหยียบย่ำแรงๆ”
“มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ฟังคำพูดของเซียวเฉินแล้วรู้สึกว่าน่าขำ เซียวเฉินในเวลานี้เหมือนเด็กจริงๆ
“ถกเหตุผลกับเ้ายากกว่าถกเหตุผลกับสตรีเสียอีก”
เซียวเฉินหัวเราะหึๆ “เช่นนั้นเ้าก็ถือว่าข้าเป็พี่น้องผู้หญิงสิ”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กลอกตาใส่เขา “ไสหัวไปนะ!”
“ได้เลย”
“...”