อวิ๋นอี้กลับเข้าไปอย่างหุนหัน แก้มของนางร้อนผ่าวราวกับถูกไฟไหม้
นางเพิ่งจะได้สติ อดมิได้ที่จะเขินอาย และหงุดหงิดตัวเอง นึกถึงสีหน้าแปลกๆ ของหรงซิวเมื่อครู่ ในใจพลันคิดว่ามิน่าเล่า
มิน่าที่เขาจะหลังตึง มิน่าเขาถึงไม่กล้ามองนางตลอดเลย!
ทว่าในตอนนั้นนางมิทันได้สังเกตเห็น ทั้งยังเข้าหาเขาก่อน ไปพ่นลมหายใจข้างหูเขาเช่นนั้น เป็การยั่วยวนเขาชัดๆ!
นางเอามือปิดหน้า น่าอายนัก น่าอายนัก น่าอายเสียจริง!
หรงซิวคงนึกภาพนางเป็สตรีเช่นนั้นไปแล้วแน่ๆ!
หัวใจของอวิ๋นอี้ตุ้มๆ ต่อมๆ ว้าวุ่นไปหมด ทว่าหูของนางผึ่งขึ้น ให้ความสนใจกับความปั่นป่วนรอบตัว
ด้านหลังฉากกั้นกว้างมีเสียงน้ำจ๊อกๆ ดังเข้ามา และตามติดมาด้วยเสียงกรอบแกรบ
หรงซิว เขา...เหมือนจะกำลังใส่เสื้อผ้า?
มิรู้ว่าเป็เพราะเหตุใด บรรยากาศดูตึงเครียดขึ้นมาทันใด
อวิ๋นอี้นั่งลงที่ขอบเตียง ก้มหัวเล่นนิ้วอย่างเบื่อหน่าย
ในห้องนั้นเงียบมาก เงียบจนถึงขนาดที่จะได้ยินเสียงหัวใจได้เลย ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ เต้นอย่างรวดเร็ว
อวิ๋นอี้โกรธจนอยากหยิกตนเอง มิใช่ว่าจะมิเคยอยู่สองต่อสองกับหรงซิวเสียหน่อย มิรู้ว่าเหตุใดเพลานี้ถึงประหม่าได้
คร่ำครวญในใจ คิดเรื่อยเปื่อยไป เสียงฝีเท้าเข้ามาจากที่ไกลมาใกล้ มาถึงเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
อวิ๋นอี้เงยหน้าขึ้น สบเข้ากับดวงตาสีเข้มของเขาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย พร้อมด้วยสีหน้ายียวนและสีหน้ามัดใจ
“อาบเสร็จแล้วหรือเพคะ?” มุมริมฝีปากของนางขยับ หลังจากได้สติกลับมา นางยิ้มเจื่อนๆ
หรงซิวมิใส่ใจความเขินอายของนาง ยิ้มชั่วร้าย เลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “ข้ามิได้ให้เ้านอนรอข้างบนเตียงหรือ?”
“ผู้ใด! ผู้ใดอยากจะนอนรอท่านกัน!” ใบหน้าสงบที่อวิ๋นอี้พยายามข่มใจอยู่นาน ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกแล้ว
นางยักไหล่ผลักหรงซิวที่อยู่ใกล้ๆ ออกไป “ข้าบอกแล้วไงเพคะ ว่าอย่าข้ามเส้น! วันนี้ที่ข้าทำเช่นนี้เพราะอยากจะขอบคุณที่ฝ่าาแนะนำให้ข้ารู้จักกับหมีอิน!”
หรงซิวแสร้งทำเป็ถอยหลังออกมา เดินเข้าไปอีก กอดอกแน่นแล้วพูดว่า "อวิ๋นเออร์จะขอบคุณคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ใจข้าถูกผลักจนเจ็บไปหมดแล้ว!"
อวิ๋นอี้กลอกตาขาว พ่อนักแสดงเอาอีกแล้ว
มิรู้จริงๆ ว่าเขา้าทำกระไร ต่อหน้าคนนอกเขาเป็ผู้จริงจังใจเย็นสงวนตัวและมีเสน่ห์มากแท้ๆ เหตุใดต่อหน้านาง ภาพลักษณ์กลับหายไปหมดเช่นนี้
นางหัวเราะเยือกเย็น “เจ็บกระไรกัน! อย่างไรเสียข้ามีอาจารย์แล้ว ลุกขึ้นๆ เพคะ หากจะตายก็ไปไกลๆ ข้าจะนอนแล้ว!”
อวิ๋นอี้มิได้เกรงใจ เมื่อพูดออกมาหมด ก็ขดตัวเข้าไปในผ้าห่ม เหลือเพียงดวงตาที่สวยงามสองข้างที่ออกมาข้างนอก กลอกไปมา
หรงซิวยังคงแสดง "อวิ๋นเออร์ หากข้าตายแล้วเ้าจะทำอย่างไร! เ้ามิมีข้าไม่ได้นะ!"
เขายิ่งแสดงยิ่งไปกันใหญ่ อวิ๋นอี้ไม่สนใจ เขาทำตัวไร้ยางอายเบียดเข้าไปในผ้าห่มต้องโอบนางไว้ในอ้อมแขนถึงจะพอใจ
อวิ๋นอี้ถูกเขากอดไว้เกือบจะหายใจไม่ออก เลยได้แต่อ้อนวอนขอความเมตตา "เบาหน่อยสิเพคะ...เบาหน่อย! หรงซิว! หากฝ่าายังทำเช่นนี้...ข้า...เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะกัดท่านให้ตายเสีย!"
"เช่นนั้นเ้าอยู่นิ่งหน่อยสิ ข้ากอดเ้าแล้วมันเป็อย่างไรกัน? เ้าดิ้นอีก หากไปถูกกระไรที่มิควรจะแตะต้อง กระนั้นจะทำอย่างไร?"
"เพคะ เพคะ เข้าใจแล้ว!" อวิ๋นอี้พูดมิออก เอาหมัดเล็กๆ ตีเขา "เร็วเพคะ ปล่อยข้าเถิด!"
ทั้งสองบรรลุข้อตกลงแล้ว รักษาความสงบไว้ได้ชั่วคราว
คืนที่มืดมิดเข้าปกคลุม มิมีผู้ใดนอนหลับได้
โอบกอดที่ของหรงซิวทำให้อบอุ่นใจและวางใจ อวิ๋นอี้เริ่มชินกับความรู้สึกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ นางคุยกับเขาเื่ตอนกลางวัน แล้วพูดถึงหมีอิน
ภายหลังพูดเื่กระไรกันนั้น นางเองจำมิได้แน่ชัด จำได้เพียงอุณหภูมิร่างกายของหรงซิวและกลิ่นของเขาเท่านั้น
สดชื่น แข็งแรง ปนด้วยความบ้าอำนาจและความปรารถนาของบุรุษหนุ่ม
ตื่นมาวันรุ่งขึ้น หรงซิวหายไปเช่นเดิม
เขายุ่งมากเสมอมา ในฐานะที่เป็อิฐของราชวงศ์ต้าอวี่ ที่ใด้า เขาย่อมต้องไป เป็เื่ปกติที่เขาจะไม่อยู่บ้านตลอดทั้งวัน
อวิ๋นอี้ไม่แปลกใจ ่นี้นางยุ่งๆ เช่นกัน
เมื่อเวลาผ่านไป ห่างจากเวลาที่ต้องแสดงความสามารถไม่ถึงเดือนแล้ว นางตัดสินใจที่จะดำดิ่งกับการฝึกกู่เจิง
หมีอินมาที่บ้านทุกวันตามปกติเพื่อสอนทักษะให้นาง
อวิ๋นอี้อยู่ในบ้านตลอดทั้งวันเป็เวลากว่าครึ่งเดือน กอดกู่เจิงฝึกซ้อมั้แ่เช้าจรดค่ำ ขยันขันแข็งและฝึกซ้อมหนักมาก
สิ่งที่ได้ตอบแทนคือ ทักษะของนางก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
จนถึงเช้าวันหนึ่ง หลังจากอวิ๋นอี้ตื่นขึ้น นางรอคอยหมีอิน สุดท้ายรอแล้วรอเล่า ทว่ามิมีผู้ใดมา มีเพียงจดหมายฉบับหนึ่งเท่านั้น
พ่อบ้านยื่นจดหมายให้นาง หลังจากทำความเคารพ เขาพูดเสียงชัดเจนว่า "พระชายาพ่ะย่ะค่ะ แม่นางหมีอินบอกว่า ทุกอย่างอยู่ในจดหมาย ท่านได้อ่านแล้วจะเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ"
ตัวอักษรของหมีอินค่อนข้างสวย มิใช่แบบที่ดูอ่อนแออย่างสตรีงามผู้โดดเด่นกระไรทำนองนั้น ทว่าเป็ตัวบรรจง ดูมีความทะนงตน
ตัวอักษรของนางทำให้อวิ๋นอี้คิดถึงตัวตนของนาง แม้ว่านางจะตกลงไปในผงธุลี ทว่านางเป็สตรีที่น่าชื่นชม
เนื้อหาในจดหมายสั้นมาก อ่านไม่นานก็เข้าใจได้ชัดเจน เนื้อหาคร่าวๆ คือทักษะของนางในเพลานี้ดีมากอยู่แล้ว มิจำเป็ต้องสอนอีกต่อไป ดังนั้นหมีอินจะไม่มาอีกแล้ว
อวิ๋นอี้อ่านจดหมายจบ สั่งให้พ่อบ้านไปหยิบของขวัญออกมาจากห้องเก็บของ นางจะไปมอบให้หมีอินกับมือเอง
หลังจากที่พ่อบ้านรับคำสั่ง ก็ถอยออกไปด้วยความเคารพ
หลังจากใช้ชีวิตอย่างมีแบบแผนมีเป้าหมายมาได้่หนึ่ง จู่ๆ ว่างขึ้นมา ทำให้อวิ๋นอี้ปรับตัวไม่ถูกอยู่บ้าง
นางอยู่กับกู่เจิง นางฝึกฝนด้วยตนเองตลอดทั้งเช้า แล้วผล็อยหลับไปในตอนบ่ายจนถึงมืด
เซียงเหอเข้ามาเรียกนางไปทานอาหารเย็น นางลุกขึ้นนั่งขยี้ตา แล้วถามเสียงยาว “หือ?”
“ถึงเวลาทานอาหารแล้วเพคะ พระชายาเก้ามาหาด้วยเพคะ นางบอกว่ามีเื่สำคัญจะบอกกับท่านเพคะ"
อวิ๋นอี้ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะตื่นขึ้น นึกถึงคำพูดของเซียงเหอแล้วพูดว่า "ซือฝานมาหรือ? เื่สำคัญกระไร?"
"พระชายาเก้าอยู่ในห้องโถงใหญ่เพคะ รีบให้ข้าปรนนิบัติท่านล้างหน้าล้างตาเถิดเพคะ!"
อวิ๋นอี้มิได้เจอกู่ซือฝานนานแล้ว เมื่อได้ยินว่านางมา รู้สึกทันทีว่าชีวิตที่น่าเบื่อของนางจะได้รับการช่วยเหลือแล้ว นางเร่งเร้าเซียงเหอให้ช่วยแต่งตัว เสร็จแล้วก็วิ่งเหยาะๆ ไปจนถึงห้องโถง
เมื่อสตรีสองคนมาเจอกัน ทั้งสองสนิทสนมกันมากกว่าผู้ใด
เริ่มด้วยกอดกันมิปล่อยมือ จากนั้นกุมมือกันนั่งลงที่โต๊ะอาหาร พูดคุยกันทุกเื่
อวิ๋นอี้ทานข้าวเสร็จแล้ว จึงนึกถึงเื่จริงจังขึ้น ถามนางว่า "เ้าบอกว่ามีเื่สำคัญจะบอกกับข้างั้นหรือ?"
"ใช่เพคะ! ข้ากำลังจะพูดอยู่เลยเพคะ!" กู่ซือฝานตบโต๊ะ ตะเกียบกระเด็นหล่นก็มิได้สนใจ นางถามด้วยใบหน้าโกรธเคืองว่า "ท่านพี่เรียนกู่เจิงกับหมีอินใช่หรือไม่เพคะ?"
อวิ๋นอี้ประหลาดใจ "เ้ารู้ได้อย่างไร?"
"จะมีเื่กระไรที่ข้ามิรู้บ้างเพคะ?" กู่ซือฝานกลอกตาขาว "เพลานี้ไม่เพียงข้าเท่านั้นที่รู้ ซูเมี่ยวเออร์ก็รู้แล้วเพคะ! ไม่เพียงเท่านั้น นางยังรู้อีกด้วยว่าเพลงที่ท่านพี่จะใช้แสดงชื่อว่าหม่านเฉิงฮวาไค [1] !"
หม่านเฉิงฮวาไคเป็บทเพลงที่เปลี่ยนกลางคัน เื่นี้นางรู้ด้วยหรือ?
อวิ๋นอี้มองกู่ซือฝานด้วยความชื่นชม "เหตุใดนางรู้อย่างชัดเจนเช่นนี้ได้? นางอยากทำการใดกันแน่?"
"จะทำกระไรได้อีกเล่าเพคะท่านพี่สะใภ้เจ็ดของข้า!" กู่ซือฝานย่นหน้าอย่างตีเหล็กไม่เป็เหล็กกล้า "ตอนที่อยู่ในสำนักซืออี๋ ท่านทำให้นางขายหน้า นางย่อมต้องเอาคืนท่านแน่เพคะ!"
การแสดงความสามารถในอีกครึ่งเดือน จะครื้นเครงไปทั่วพระราชวัง ซึ่งเป็สถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการจะกอบกู้หน้าตา
อวิ๋นอี้ฟังคำอธิบายของกู่ซือฝาน เข้าใจแล้ว ซูเมี่ยวเออร์จะทำตัวเป็ปีศาจอีกแล้ว
ทำแต่เื่ ทำเื่ รู้จักแต่ทำเื่!
ผู้อื่นรู้ลำบาก มีแต่จะถอย ทว่าซูเมี่ยวเออร์กลับเหิมเกริมปีกกล้าขาแข็งขึ้น!
เชิงอรรถ
[1] ชื่อบทเพลง หม่านเฉิงฮวาไค 满城花开 แปลว่า ดอกไม้บานทั่วเมือง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้