ฉู่ชิง เขา...
ลืมตา!
สายตาทั้งสองคู่ประสานกันยามนั้นมือของเหนียนยวี่สั่นระริก เดิมร่างกายนางโอนเอียงเล็กน้อย โซเซชนเข้ากับแผงอกของฉู่ชิง
เมื่อัักัน ทั้งสองคนต่างตกตะลึง อุณหภูมิบนหน้าอกของฉู่ชิงดูเหมือนจะจุดไฟบนใบหน้าของเหนียนยวี่เกือบจะในทันทีและความรู้สึกร้อนแผ่กระจายไปทั่วใบหน้านาง...
ฉู่ชิงเองก็ดูจะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ััใกล้ชิดเช่นนี้ใบหน้าที่หล่อเหลาภายใต้หน้ากากใอยู่ครู่หนึ่ง ในหัวของเขาแทบจะว่างเปล่า
ทันใดนั้น เหนียนยวี่ก็ได้สติ นางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเกือบจะถอยหลังไป นางเหลือบมองหน้ากากสีเงินของฉู่ชิงใบหน้าของเหนียนยวี่ก็ร้อนผ่าว
นางหน้าแดง!
ฉู่ชิงได้สติ ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เหนียนยวี่นางที่อยู่ตรงหน้านี้ ดูแตกต่างจากสตรีที่เพิ่งจัดการาแอย่างเรียบร้อยเมื่อครู่
ไม่เพียงเท่านั้น ในความจำของเขาั้แ่ที่ตนได้รู้จักนาง ท่าทีของนางที่ห่างเหินเฉยเมยมีแต่การป้องกันตัวและระมัดระวัง ทว่านางในยามนี้...ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อยิ่งเพิ่มความน่ารักน่าชังของสาวน้อยขึ้นไปอีก
ฉู่ชิงประเมินมอง แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกตมีรอยยิ้มเบ่งบานภายใต้หน้ากากอย่างคาดไม่ถึง
“ฮึ่ม…” เหนียนยวี่กระแอมเล็กน้อยพยายามทำให้จิตใจของตนมั่นคง แต่ภายใต้การจ้องมองของฉู่ชิงความสงบตามปกติของนางดูเหมือนจะหายไป บุรุษผู้นี้ ดวงตาคู่นี้ทำให้นางสับสนอย่างอธิบายไม่ถูกเสมอ
นางสูดหายใจเข้าลึก เหนียนยวี่จ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตาหยิบผ้าในมือและเข้าไปใกล้ฉู่ชิง ทำต่อจากเมื่อครู่ พันหลังให้ฉู่ชิงหลบเลี่ยงสายตาของฉู่ชิงที่มองมา ในใจเหนียนยวี่ค่อยๆ ถอนหายใจทว่าหัวใจกับเต้นตึกตัก หายใจไม่คล่อง
เมื่อครู่นาง...นางเสียอาการขนาดนั้นได้อย่างไร!
มุมปากของฉู่ชิงยกยิ้ม รอยยิ้มในดวงตาของเขาพร่ามัวหลังจากนั้นครู่หนึ่งฉู่ชิงก็พูดต่อ “เ้าเล่นฉินได้ วรยุทธ์ก็มี ทั้งยังรักษาาแได้เหนียนยวี่ ในสายตาของผู้คน เ้าเป็คุณชายรองจวนเหนียนที่โดนรังแกจริงหรือ?”
ยามที่ฉู่ชิงกล่าว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจจนต้องเอ่ยปากถาม
ในหัวผุดภาพของสตรีที่เล่นฉินด้วยฝีมือดีเลิศในตำหนักฉวินฝาง...จากนั้นกลับมาที่เหตุการณ์เมื่อครู่ในป่าร่างองอาจที่สังหารชายชุดดำสิบกว่าคนได้ตามลำพัง...ยังมีเมื่อครู่อีก ท่าทีคุ้นเคยและเชี่ยวชาญในการรักษาาแ...
เหนียนยวี่กำลังฟัง แต่คราวนี้ปฏิกิริยาของนางกลับสงบนิ่งนางเหลือบมองฉู่ชิง เหนียนยวี่ยังคงพันแผลต่อไปอย่างใจเย็น
"ในเมื่อท่านแม่ทัพหลวงรู้ว่าเหนียนยวี่โดนรังแกมาไม่น้อยเช่นนั้นเื่อื่น ท่านแม่ทัพหลวงเองก็คงจะรู้ได้แน่นอน" เหนียนยวี่กล่าวอย่างนุ่มนวลดูเหมือนตอบคำถามของเขาแล้ว ทว่าจริงๆ...
นางเล่นฉินได้อย่างไร ใช้วรยุทธ์ได้อย่างไรและรักษาได้อย่างไรนางเป็คุณชายรองจวนเหนียนหรือไม่ ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเลย
ฉู่ชิงฟังแล้วยิ้มจางๆ กลับกันนางเป็สตรีที่ตอบรับได้อย่างชาญฉลาด!
แต่...คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ ฉู่ชิงก็หรี่ตาลง “นอกจากนี้เ้า...ยังรู้ค่ายกล!”
เมื่อพูดถึงค่ายกลสองคำนี้ มือที่พันผ้าพันแผลของเหนียนยวี่ก็ชะงักไปเล็กน้อยแม้ว่าจะเป็เวลาเพียงครู่เดียวและกลับมาพันต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทว่าฉู่ชิงก็ยังสังเกตได้
“เหนียนยวี่ ผู้ซึ่งเติบโตเฉกเช่นบุตรชายในจวนเหนียนมาสิบห้าปี ไม่เคยออกจากเมืองชุ่นเทียนและยังแทบไม่เคยออกจากจวนเหนียน” เสียงอันเ็าของฉู่ชิงยังคงดังอยู่ ภายนอกถ้ำ เสียงลมพัดผ่านในตอนกลางคืนแสงไฟในถ้ำระยิบระยับ ส่องลงบนใบหน้าที่สงบนิ่งของหญิงสาวและหน้ากากสีเงินของชายหนุ่ม
เมื่อถึงตรงนี้ ฉู่ชิงหยุดชะงักไปเล็กน้อยยามนี้เหนียนยวี่กำลังเอี้ยวไปทางด้านของเขา ฉู่ชิงจ้องมองที่ใบหน้านั้น ราวกับกำลังค้นหาการตอบสนองของนางแต่ใบหน้าของนางสงบนิ่ง ไม่เผยแม้แต่คลื่นอารมณ์ใดๆ
ฉู่ชิงเลิกคิ้วและพูดต่อ "เท่าที่ข้ารู้จวนเหนียนไม่น่าจะรู้จักปรมาจารย์ด้านค่ายกล เ้าทำได้อย่างไร?"
น่าทึ่งมากที่เด็กสาวอายุสิบห้าปีรู้เื่เหล่านี้
แม้เขาจะเป็เด็กอัจฉริยะที่ผู้คนเคยพูดกัน เมื่อตอนอายุได้สิบห้าปีเกรงว่าเขาก็ยังไม่เก่งเท่าเด็กสาวนางนี้เลย
"ค่ายกลหรือ?" เหนียนยวี่เหลือบมองฉู่ชิง สบตาเขาโดยไม่หลบเลี่ยงใดๆ"ผู้ใดบอกว่าข้ารู้ค่ายกล?"
ฉู่ชิงหรี่ตาเล็กน้อย "เ้าไม่รู้ แล้วเช่นนั้นเ้าออกมาจากป่าพุ่มหนามได้อย่างไร?อีกอย่างป่าพุ่มหนามเป็เขาวงกตที่เปลี่ยนแปลงได้ตามแผนค่ายกลไม่รู้ค่ายกลแล้วออกมาได้อย่างไร?"
เหนียนยวี่ยกยิ้มหัวเราะ ในที่สุดก็ผูกผ้าพันแผลไว้ที่ด้านหน้าฉู่ชิงเสร็จ นางหยิบผ้าไหมสีขาว ถือติดตัวไปชุบน้ำบิดหมาดๆแล้วเดินไปที่แผ่นหลังของฉู่ชิง เช็ดคราบเืบนร่างกายให้เขา
ฉู่ชิงััได้ถึงการเคลื่อนไหวที่อ่อนโยนของเหนียนยวี่ ครู่หนึ่งเขาก็ได้ยินเสียงของเหนียนยวี่จากด้านหลัง...
“ท่านแม่ทัพหลวง คนฉลาดเช่นท่านอาจจะต้องทำตามหลักการค่ายกลเขาวงกต แต่เหนียนยวี่เป็เพียงเด็กสาวผู้หนึ่งอย่างไรก็ไม่เข้าใจค่ายกลและเขาวงกต แค่มีโชคหน่อยก็ได้แล้ว ดังนั้นจึงออกมาได้”เหนียนยวี่เอ่ยอย่างไม่เร่งรีบ
"โชคหรือ?"
"ใช่ โชค!"น้ำเสียงที่สงบนิ่งของเหนียนยวี่ค่อนข้างแน่วแน่
ฉู่ชิงยิ้มอย่างอ่อนโยน "โชคดีในเมื่อพูดเช่นนี้ โชคดีของเ้านี่ช่างยอดเยี่ยม"
"ท่านแม่ทัพหลวงกล่าวถูกแล้วเหนียนยวี่โชคดี...ไม่ผิดนัก" เหนียนยวี่เลิกคิ้ว ผ้าไหมสีขาวบนมือนางเปื้อนเืสีแดงอย่างรวดเร็วเหนียนยวี่ล้างอยู่หลายครั้ง แล้วก็เช็ดเืบนตัวของฉู่ชิง นึกอะไรบางอย่างได้เหนียนยวี่ก็เหลือบมองฉู่ชิง เอ่ยปากถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่า"เหนียนยวี่เป็แค่หญิงสาวตัวน้อยๆ ท่านแม่ทัพหลวงไม่จำเป็ต้องเปลืองความคิดสำรวจข้าหรอกหากท่านมีกำลัง ไม่สู้คิดเื่อื่นดีกว่า...เป็อย่างไรนอกจากข้าออกมาจากป่าพุ่มหนามได้แล้ว ยังมีคนอื่นอีกมิใช่หรือ?"
คนที่หนีไปคนนั้น แท้จริงคือใครกันแน่?
ฉู่ชิงขมวดคิ้ว แม้เหนียนยวี่ไม่เอ่ยปากเขาก็ยังคิดถึงเื่นี้อยู่
คนอื่น...ฉู่ชิง นึกถึงการต่อสู้เมื่อครู่ในป่าคนชุดดำล้วนไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด และคาดไม่ถึงว่าพวกเขายังสามารถออกจากป่าพุ่มหนามมาได้ด้วย
นั่นหมายความว่าอย่างไร...
อย่างน้อยหนึ่งในนั้น ต้องมีบางคนที่เก่งกาจเื่ค่ายกล
และเป้าหมายที่คนกลุ่มนี้ปรากฏตัวที่นี่...ฉู่ชิงเหลือบมองเหนียนยวี่เป็เพราะนางหรือ?
ไม่ ความคิดที่เพิ่งเข้ามาในหัวถูกฉู่ชิงปัดทิ้งไป
เหนียนยวี่แม้มีความสามารถบางอย่างทว่านางเป็เพียงบุตรีอนุจวนเหนียน ยังไม่น่าจะทำให้คนก่อเื่ราวใหญ่โตได้ขนาดนี้
ดังนั้น เป้าหมายที่พวกคนชุดดำมุ่งเป้าไปคือ...
ฉู่ชิงเหลือบมองฮองเฮาอวี่เหวินที่กำลังหลับอยู่อีกด้านหนึ่งนึกถึงความผิดปกติระหว่างทางเมื่อครู่ ฉู่ชิงใบหน้าเคร่งขรึม และเอ่ยปากถามออกมาว่า"พวกเ้าเข้ามาในนี้ได้อย่างไร?"
"ท่านแม่ทัพหลวง เมื่อครู่คงจะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของ ''องค์หญิงจี้เยวี่ย'' ใช่หรือไม่?" เหนียนยวี่นั่งข้างฉู่ชิง มองดูเปลวไฟริบหรี่ตรงหน้า ใบหน้าสงบนิ่ง
"เสียงร้องขอความช่วยเหลือหรือ?"เพียงครู่เดียวฉู่ชิงก็ฉุกคิดถึงจุดสำคัญของเื่นี้ได้ เขาหรี่ตาลง"เสียงร้องขอความช่วยเหลือของ ''องค์หญิงจี้เยวี่ย''ดึงให้พวกเ้าเข้ามางั้นหรือ?"