ค่ำคืนที่มืดมิด ทุกอย่างเงียบสงัด อุณหภูมิต่ำลงเรื่อยๆ อากาศเย็นเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ทำให้อวิ๋นอี้ขนลุกไปทั้งตัว นางใมาก แม้แต่ขาของนางก็สั่นสะท้าน
เมื่อทุกอย่างเงียบลง เสียงฟ่อจากใต้ผ้าห่มก็ดังชัดเจนยิ่งขึ้น
อวิ๋นอี้แทบอยากจะะโแต่นางมิกล้า
นางกลัวงูมาั้แ่เด็ก เมื่อเห็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังตัวนี้ นางก็กลัวจนวิ่งไม่ได้ราวกับถูกสะกดไว้
ระยะห่างที่ใกล้เพียงเท่านี้ ทำให้นางไม่สามารถควบคุมอันใดได้ นางกลัวจนเหงื่อชุ่มไปหมด
เสียงฟ่อที่น่าสะพรึงกลัวยังคงดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด เกือบจะทำให้นางบ้าตายแล้ว อวิ๋นอี้อยากจะกรีดร้อง อยากจะหนี แต่นางทำอันใดไม่ได้เลยสักอย่าง ทำได้แต่จ้องไปที่เตียงใหญ่
ผ้าห่มสั่นไหว เสียงฟ่อก็ดังยิ่งขึ้น
นางเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว ทันใดนั้นก็เห็นงูลายสีเหลืองโผล่หางของมันออกมา
“กรี๊ด!”
นางทนความหวาดกลัวต่อไปไม่ไหวแล้ว กรีดร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังและวิ่งหนีไป
อวิ๋นอี้รีบเร่งจนไม่กล้าหันหลังกลับไปมอง นางแค่อยากจะหนีออกจากนรกแห่งนี้!
ความใถึงขีดสุดจะกระตุ้นศักยภาพของคน อวิ๋นอี้วิ่งออกจากกระโจมในลมหายใจเดียว ทหารที่เฝ้าประตูอยู่ดูสับสน เห็นเพียงเงาร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกไป เมื่อมองดูอีกครั้ง เงานั้นก็ถูกหรงซิวกอดไว้แน่น
อวิ๋นอี้ดิ้นรนอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ มือของนางสั่น ริมฝีปากสั่นและฟันก็สั่นกระทบกัน จนกระทั่งมืออุ่นๆ คู่หนึ่งแตะหน้าผากของนาง
ชายคนนั้นกระซิบเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “อวิ๋นเออร์ มิต้องกลัว ข้าอยู่นี่แล้ว มิต้องกลัว”
เสียงนั้นมีพลังวิเศษที่ทำให้คนสงบ ไม่นาน นางก็ได้สติกลับมาจากความตื่นตระหนก เงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา
"หรงซิว..."
ความรู้สึกขุ่นเคืองในใจ ทำให้นางเริ่มร้องไห้ทันทีที่เปิดปาก
“ข้าอยู่นี่” หรงซิวขมวดคิ้ว กอดนางแน่นขึ้น “ข้าอยู่นี่ มิต้องกลัว เป็อันใดไป?”
ราวกับได้เจอกองหนุนที่แข็งแกร่งที่สุด มีเขาอยู่ แม้ว่าฟ้าจะถล่มก็ไม่ต้องกลัว
อวิ๋นอี้ร้องไห้ นางเริ่มต้นโอบคอของชายหนุ่มก่อนอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน สองร่างแนบชิดสนิทกันมากขึ้น นางร้องไห้จนตัวสั่นไปหมด
ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก การััของร่างกายจากนางทำให้หรงซิวซึ่งเดิมไม่ได้มีกะจิตกะใจใดๆ ตอบสนองขึ้นทันที
เขากระแอมเบาๆ แข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อน สตรีตัวเล็กพัวพันเขาราวกับแมวตัวน้อย เขาพูดอย่างไม่เป็ตัวเอง "ไม่ต้องร้อง ไปที่กระโจมกันเถิด"
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็กำลังจะเข้าไปข้างใน
อวิ๋นอี้ไม่ยอมอย่างแน่นอน ะโและส่ายหัว “ไม่นะ! ไม่เอา! มีงูอยู่ในนั้น!”
ท่าทีขัดขืนของนางทำให้หรงซิวรู้สึกปวดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่ามีงูอยู่ข้างใน ั์ตาล้ำลึกของเขาก็มืดมนขึ้นในทันใด
"อวิ๋นเออร์ ลงมาก่อน" หรงซิวพูด ลูบหลังนางเบาๆ "ข้าจะเข้าไปดู"
"ไม่นะ!" อวิ๋นอี้ดึงแขนเสื้อของเขา "มันมีเยอะมาก… บนเตียง…”
หรงซิวมองไปตามมือของนาง แล้วจ้องไปที่ดวงตาของนาง จากนั้นก้มลงจูบอย่างเสน่หา “เชื่อข้าเถิด รออยู่ที่นี่ก่อน”
ก่อนจะเข้ากระโจมไป หรงซิวก็ดึงดาบยาวออกมา ชะล้างความอ่อนโยนออกจากร่างของเขา เหลือเพียงความโเี้
เขาเปิดม่าน และเห็นงูเลื้อยคลานอยู่บนพื้น
ไม่ต้องคิดอันใด หรงซิวเหวี่ยงดาบฟันลงไปทันที ความเร็วของวิชาดาบของเขานั้นงดงามยิ่งนัก เมื่อเสียงดาบหยุดลง ลมก็หยุดชะงัก เพียงเห็นร่างของงูที่ถูกตัดขาดออกเป็หลายส่วน ไม่ไหวติงอยู่บนพื้น
ช่างไม่รู้ความสามารถของตนเอาเสียเลย
เขายกยิ้มอย่างเ็า เดินเข้าไปตรงหน้าอย่างแน่วแน่
ดังที่อวิ๋นอี้บอกไว้ เขาเห็นว่าผ้าห่มยังคงเคลื่อนไหว เสียงฟ่อทำให้น่ารำคาญ
เขาใช้ดาบยกผ้าห่มขึ้น แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าบนเตียงเต็มไปด้วยงูเขาก็ยังใ โชคดีที่เป็เขาที่เห็น หากว่าเป็อวิ๋นอี้ เกรงว่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี
ยิ่งเป็งูที่มีสีสันสวยงามมากเท่าไร พิษก็ยิ่งร้ายแรงมากเท่านั้น
สีสันเป็วงๆ เกี่ยวพันกัน นี่ตั้งใจจะให้ถึงแก่ชีวิตเลยหรือ?
เมื่อคิดถึงความเป็ไปได้นี้ ก็ยิ่งยากจะวางใจ
หรงซิวขว้างดาบที่เปื้อนเืของงูพิษลงกับพื้น จากนั้นค่อยๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดนิ้วให้สะอาดทีละนิ้ว เขาหันกลับมามอง แล้วเดินออกไปอย่างไร้ความรู้สึก
เมื่อเปิดกระโจม ใบหน้าที่เฉยเมยและไร้ความรู้สึกก็ดูอ่อนโยนขึ้นทันที
เขาเห็นหญิงสาวตัวเล็ก กำลังเอามือปิดตา เขย่งเท้ายื่นหน้าออกมาดู
หัวใจของหรงซิว ราวกับถูกเติมเต็มไปด้วยกระไรบางอย่าง เขาโบกมือให้อวิ๋นอี้ แล้วเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
เขากำลังจะกอดนาง แต่อวิ๋นอี้ผลักเขาออก เดินไปรอบๆ หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ก็ทำหน้ามุ่ย "ไม่ได้โดนกัดใช่หรือไม่เพคะ?"
งูเยอะขนาดนั้น นางไม่กล้าจินตนาการเลยว่า เขารอดออกมาได้อย่างไร
อวิ๋นอี้ยังคงสะอื้น มองเขาอย่างร้อนรน รอคำตอบ
"ไม่" เขารู้สึกขำกับท่าทีของนาง ลูบผมของนางเบาๆ "ไปกันเถิด เราไปพักที่อื่นกัน กระโจมนี้อยู่ไม่ได้แล้ว"
“มันตายหมดแล้วหรือ?”
“ตายหมดแล้ว”
“ฝ่าาไม่ได้รับาเ็จริงๆ หรือเพคะ?” นางถามอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
“จริงๆ ” หรงซิวโอบไหล่นาง เลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้ม “ถ้าเ้าไม่เชื่อ เดี๋ยวข้าจะถอดเสื้อผ้าให้เ้าสำรวจ”
อวิ๋นอี้เกือบจะพยักหน้าตอบ แต่เมื่อเห็นว่าเขายิ้มร้ายจึงคิดขึ้นมาได้และผลักเขาอย่างแรง "หม่อมฉันมิได้ล้อเล่นนะเพคะ"
"ข้าก็เหมือนกัน"
หรงซิวพานางไปยังที่โล่ง และสั่งให้ทหารตั้งกระโจมใหม่
คนเยอะ เื่ก็เยอะ ไม่นาน กระโจมยังตั้งไม่เสร็จ ก็ดึงดูดคนเข้ามามุงนับไม่ถ้วน
กู่ซือฝานกับอวิ๋นอี้สนิทกัน ได้ยินว่ามีเื่ จึงอยากจะมาดู นางรีบย่องเข้าไปหาอวิ๋นอี้แล้วกระซิบว่า "เป็อันใดไปเพคะ?"
"มีงูอยู่ในกระโจม" เมื่อพูดถึงเื่นี้ อวิ๋นอี้ก็ตัวสั่นขึ้นมาทันใด กรามเกร็งไปด้วยความกลัว "มีอยู่เต็มเตียงเลย"
"หา?" กู่ซือฝานในัก “นี่มัน...นี่มันโเี้ไปแล้วนะ! ทำเื่ที่มันโเี้ไร้จิตใจเช่นนี้ได้เยี่ยงไร!”
ผู้ใดเป็คนทำเื่นี้ ใช้นิ้วเท้าคิดยังเดาออก
กู่ซือฝานมองไปรอบๆ หาซูเมี่ยวเออร์ โกรธจนต้องกัดฟันกรอด “นังนั่นไม่กล้าออกมา ถ้านางอยู่ที่นี่เพลานี้ล่ะก็ ดูสิว่าข้าจะไม่กล้าฉีกหน้านาง!”
อวิ๋นอี้กำหมัดแน่น เป็ครั้งแรกที่เกลียดแค้นคนผู้หนึ่งอย่างแท้จริง
ก่อนหน้านี้ไม่นาน นางคิดว่าแผนการของซูเมี่ยวเออร์เป็เพียงแค่การก่อความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ ไม่คิดเลยว่านางจะโดนตบหน้าเร็วขนาดนี้
หากวันนี้นางไม่ได้วิ่งเร็ว นางอาจจะตายอยู่ตรงนั้นแล้วก็เป็ได้
คนเราจะโเี้ได้ถึงเพียงนี้ได้เลยหรือ!
ต่อไป นางจะไม่เกรงใจซูเมี่ยวเออร์แล้ว!
มิฉะนั้น คนที่ตายอย่างอนาถบนถนนอาจต้องเป็นาง!
อวิ๋นอี้ใจเต้นแรง สายตาโหดร้าย
กู่ซือฝานเห็นว่านางไม่พูดอันใด ก็ใบรรยากาศที่อยู่รอบตัวนาง คิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จับมือนางอย่างระมัดระวัง “ไม่เป็ไรนะเพคะ เื่มันผ่านไปแล้ว ท่านพี่มิได้าเ็นะเพคะ?”
อวิ๋นอี้ได้สติกลับมา มองไปที่นางแล้วส่ายหน้า แล้วชี้ไปที่หรงซิว "เขาเข้าไปข้างใน น่าจะฆ่างูพวกนั้นหมดแล้ว"
“เช่นนั้นก็ดีเพคะ ดีแล้ว” อวิ๋นอี้หน้าซีดขาว กู่ซือฝานตบมือปลอบใจนาง และไม่ถามอันใดอีก
มีคนดูมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งองค์ไทเฮากับองค์ฮ่องเต้ก็แตกตื่นด้วย รีบออกจากวังที่อยู่ไม่ไกลมา ถามหรงซิวอย่างจริงจัง “เกิดอันใดขึ้น?”
หรงซิวมีท่าทีสงบ ราวกับคาดไว้แล้วว่าจะเป็เช่นนี้
สีหน้าของเขามืดครึ้ม เขานำฝูงชนเดินไปที่กระโจมเก่า
เมื่อไปถึงทางเข้ากระโจมแล้ว เขาก็กวักมือเรียกทหารยามให้เปิดม่าน
ภาพภายในถูกเปิดเผยออก ไม่มีสิ่งกีดขวางต่อหน้าผู้คน
“อ๊า!”
“นี่!”
เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมๆ กันจากฝูงชน บรรดาผู้หญิงที่ขวัญอ่อนหลายคน ยืนพิงกันร้องไห้อย่างสั่นเทา
สีหน้าองค์ฮ่องเต้ไม่สู้ดี แม้จะเป็คนโง่ก็รู้ว่างูทั้งหมดจะมารวมอยู่ในกระโจมเดียวกันไม่ได้ ต้องเป็ฝีมือคนทำเท่านั้น
หรงซิวอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าทุกคน สุดท้ายก็ถามฮ่องเต้อวี่ซวนว่า “ฝ่าา ท่านคิดเช่นไรกับเื่นี้ขอรับ?”
จะคิดอันใดได้อีก ตรวจสอบ ต้องตรวจสอบให้พบความจริง!
ฮ่องเต้อวี่ซวนเป็คนพูดจริงทำจริง เมื่อรับสั่งออกไปแล้ว เื่นี้ต้องตรวจสอบให้แล้วเสร็จก่อนพระอาทิตย์ตกวันพรุ่ง
เขาสั่งอย่างเด็ดขาด บอกว่าหากตรวจสอบไม่พบ และแม้แต่หัวของต้าหลี่ซือชิง [1] ก็จะถูกตัด
ซือชิงที่ได้รับมอบหมายงานนี้ก็ตัวสั่นเทา เขาให้คำมั่น ราชโองการของฮ่องเต้อวี่ซวนจะต้องเป็ผล พูดทั้งน้ำตาว่าจะไม่หักหลังความไว้ใจของพระองค์
ตลอดเวลาหรงซิวมีสีหน้าไร้อารมณ์
ฮ่องเต้อวี่ซวนเดินไปหน้าเขา กระซิบปลอบเขาเบาๆ "อยู่กระโจมไม่ได้แล้ว ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน ลำบากเ้าแล้ว มิต้องกังวลไป เื่นี้ข้าจะไม่ผ่อนปรนเป็แน่"
เมื่อพูดออกไปเช่นนี้ ผู้ใดเป็คนทำ พวกเขารู้อยู่แก่ใจ
มุมปากของหรงซิวขยับขึ้น แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอันใด เขาคำนับฮ่องเต้อวี่ซวน และออกไปส่งเขาด้วยความเคารพ
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดทั้งสองก็เข้าไปในกระโจมได้แล้ว
อวิ๋นอี้ใมากจนฝังใจ เมื่อเข้าห้องไปแล้ว ก็ขอร้องให้หรงซิวช่วยตรวจดูว่ามีอันใดอยู่ใต้เตียงหรือไม่
รู้ว่านางขี้กลัว หรงซิวจึงตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางถึงวางใจ
"ไม่มีอันใดก็ดี" อวิ๋นอี้ปิดหน้า "ข้ากลัวจริงๆ"
นางไม่ค่อยเปิดเผยความกลัวของนางอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ หรงซิวตกตะลึง และกอดนางไว้
ทั้งสองล้มลงบนเตียงด้วยกัน
เขาถูกนางทับอยู่ด้านล่าง แต่กลับยิ้มอย่างอบอุ่น “ข้ารู้ ข้ารู้ หากเ้ากลัว ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเ้าเสมอ”
ไม่ว่าสิ่งที่เขาพูดจะจริงหรือเท็จ ไม่ว่าจะเป็ความรักอย่างลึกซึ้ง หรือเพียงแค่การแสดงละคร ณ เวลานี้ อวิ๋นอี้สบายใจลงได้แล้วจริงๆ
นางนอนอยู่บนร่างเขา แก้มซบบนหน้าอกที่แข็งแรงของเขา รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจ จริงจังและชัดเจนกว่าสิ่งใด
อวิ๋นอี้ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน
ตอนที่นางลืมตาขึ้น บริเวณโดยรอบก็มืดมิด และพบว่านางยังคงนอนทับหรงซิวอยู่ นางขยับร่างกายเล็กน้อย แขนที่โอบรอบเอวของนางก็ขยับรัดแน่นขึ้น
ชายหนุ่มถามเสียงทุ้มแหบแห้งเบาๆ ว่า “เป็อันใดไป?”
“ข้าหนักหรือไม่เพคะ?” นางถามอย่างสับสน
หรงซิวยิ้ม “ไม่หนัก ทับอยู่เช่นนี้แหละ ข้าชอบ”
นางเออออตาม เอามือลูบแก้มเขา แล้วจู่ๆ ก็นึกถึงจิ้งจอกน้อย เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนหรงซิวถามว่า “เป็อันใดไป? อวิ๋นเออร์ มิต้องกลัว ข้าอยู่นี่แล้ว”
“จิ้งจอกน้อยของข้าหายไปแล้ว!” นางร้องเสียงเบา
หรงซิวหยุดชั่วครู่ มีเพียงเงาของนางเท่านั้นที่มองเห็นได้ในความมืด "ไม่ต้องห่วง ข้าส่งคนไปหาแล้ว พรุ่งนี้จะได้รู้"
อวิ๋นอี้คิดว่าจิ้งจอกน้อยก็กลัวงูเช่นกัน น่าจะใจนหนีไป
แต่สิ่งที่ทำให้นางแปลกใจก็คือ วันรุ่งขึ้นซูเมี่ยวเออร์กลับอุ้มจิ้งจอกน้อย และปรากฏตัวต่อหน้านางอย่างหน้าชื่นตาบาน
เชิงอรรถ
[1] ต้าหลี่ซือชิง 大理寺卿 หมายถึง ผู้บัญชาการศาลยุติธรรม