เมื่อกลับไปถึงสวนชิงเฟิง จวินเหยียนนั่งชงชาอยู่บนเก้าอี้ ส่วนอวิ๋นซีนั่งอยู่ตรงข้ามพลางมองท่าทีในการชงชาของเขาที่พลิ้วไหวราวเมฆาคล้อยราวสายน้ำไหล เพียงไม่นาน ชาหอมถ้วยหนึ่งก็ถูกวางลงเบื้องหน้านาง “เื่ที่เ้าอยากรู้ ข้าจะค่อยๆ เล่าให้ฟัง”
อวิ๋นซีพยักหน้า
“เมื่อกว่าสองปีก่อน สตรีาเ็ผู้หนึ่งได้อุ้มตัวหวานหว่านบุกเข้ามาในจวนตระกูลฉินด้วยเพราะ้าพบตัวฉินเหยียน ในตอนนั้นคนที่รู้ว่าข้าคือใครมีไม่มาก ทว่า วันนั้นในตัวข้าเองก็บังเอิญอยู่ที่จวนฉินพอดี เมื่อมีคนเข้ามารายงานเช่นนั้น จึงได้ออกไปพบสตรีที่ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเื ยามนั้นนางกำลังกอดหวานหว่านไว้ในอ้อมแขนแน่น พร้อมกับบอกข้าว่า เมืองหลวงเกิดเื่ใหญ่ขึ้นแล้ว ส่วนเด็กคนนี้เป็ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลเฉียว เดิมทีข้าติดค้างตระกูลเฉียวอยู่หนึ่งชีวิต จึงคิดว่าคงถึงเวลาที่จะต้องตอบแทนแล้ว”
ตอนที่อวิ๋นซีได้ยินคำว่าทายาทคนสุดท้ายของตระกูลเฉียว ก็เงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน “นี่มันเื่อะไรกัน? ”
“ทันทีที่สตรีนางนั้นได้มอบเด็กให้ข้าแล้ว นางก็สิ้นใจไป ทำให้ข้ายังไม่รู้ว่าหวานหว่านเป็ลูกของใคร แต่ท่าทีของนางยามบอกว่าเด็กเป็ทายาทของตระกูลเฉียวก็ดูจริงจังมาก อีกทั้งคนยังยอมฝ่าอันตรายพาเด็กมาส่งถึงมือข้า มิหนำซ้ำยังรู้ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับตระกูลเฉียวอีกด้วย ด้วยเื่นี้ทำให้ข้าค่อนข้างเชื่อในคำพูดของอีกฝ่าย และแน่นอน ตัวข้ายังคงสงสัย จึงให้คนไปตามสืบดู แต่ว่า ก็ยังไม่ได้รู้อะไรแม้เพียงนิดเกี่ยวกับเื่นี้ราวกับมีคนลบเบาะแสทั้งหมดออกไปอย่างไรอย่างนั้น ฐานะของเด็กคนนี้จึงกลายเป็ปริศนาที่ข้าทำได้เพียงคาดเดาเท่านั้น”
อวิ๋นซีจ้องจวินเหยียนอย่างเอาเป็เอาตาย “ท่านคาดเดาว่าอะไร? ”
“ข้าคิดว่าเด็กคนนี้อาจเป็ธิดาของชายารัชทายาทเฉียวอวิ๋นซี”
อวิ๋นซีที่กำลังถือถ้วยชาอยู่ถึงกับชะงักค้างไป เมื่อครู่นี้เขาบอกว่า หวานหว่านเป็ธิดาของชายารัชทายาทเฉียวอวิ๋นซี
“ช่างน่าขำนัก ก่อนหน้านี้มิใช่ท่านหรือที่บอกว่าชายารัชทายาทเฉียวอวิ๋นซีตายทั้งแม่ทั้งลูก แล้วเด็กคนนั้นจะเป็ลูกของนางได้อย่างไร” อวิ๋นซียิ้มด้วยท่าทางที่คลับคล้ายกำลังฟังเื่ตลกที่ตลกสุดๆ
สายตาของจวินเหยียนไม่เคยละไปจากใบหน้านาง เขาเห็นในทุกๆ สีหน้าของนางอย่างชัดเจน รวมถึงชั่วขณะนั้นที่ชะงักค้างไป เขาเองก็ทันสังเกตเห็น ดังนั้น ความคาดเดาในใจของเขาจึงยิ่งแจ่มชัดขึ้น “สิ่งที่รัชทายาทบอกย่อมหลอกได้เพียงคนไม่รู้ความ ทว่า คนของข้าสืบทราบมาว่า ในตอนนั้นชายารัชทายาทได้ให้กำเนิดธิดาคนหนึ่งออกมาได้อย่างปลอดภัย ยิ่งกว่านั้น ข้ายังรู้ด้วยว่าในระหว่างนั้นนางกำลังต้องพิษอยู่ ดังนั้น หากจะหาเหตุผลว่า เพราะเหตุใดหวานหว่านจึงได้ถูกพิษที่ติดมาจากครรภ์มารดาได้ คำตอบนี้ก็คงจะสมเหตุสมผลยิ่งแล้ว อีกทั้ง ตอนนั้นข้างกายเฉียวอวิ๋นซีก็มีสาวใช้คนหนึ่งที่เป็วรยุทธ์ นางมีนามว่าหลันจือ เพราะคนของรัชทายาทที่ข้าซื้อไว้ทำให้เราได้รู้ว่า ในตอนนั้นพวกเขาพบแค่ศพของอาเถาเพียงคนเดียว”
เมื่ออวิ๋นซีได้ฟังแล้วก็รู้สึกราวกับตนแทบจะหายใจไม่ออก อีกทั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ แท้จริงแล้วหวานหว่านคือเด็กในตอนนั้น อีกฝ่ายเป็บุตรสาวแท้ๆ ของนาง?
“อีกประการ ข้าได้นำภาพเหมือนของสตรีนางนั้นที่บุกเข้าไปในจวนฉินเพื่อขอให้ช่วยรับเลี้ยงเด็กไว้ไปให้คนของรัชทายาทดู ถึงแม้ใบหน้าของนางจะมีรอยแผลยาว แต่ว่าสาวใช้ของจวนรัชทายาทสามารถตอบคนของข้าได้อย่างแน่ชัดว่า นั่นย่อมต้องเป็หลันจืออย่างแน่นอน เมื่อพิจารณาจากเื่ราวทั้งหมดนี้ เ้าว่าข้ายังจะมองฐานะที่แท้จริงของหวานหว่านเป็อื่นได้อยู่อีกหรือ? ”
อวิ๋นซีสูดลมหายใจเข้าลึก แม้จะฟังมาจนถึงตอนนี้แล้ว แต่นางก็ยังไม่กล้าที่จะเชื่อ เด็กตัวน้อยที่เพียงเห็นครั้งแรกก็รู้สึกใกล้ชิด แท้จริงแล้วเป็บุตรสาวที่นางเฝ้าฝันถึง อวิ๋นซีได้แต่กะพริบตา เพื่อหยุดยั้งหยาดน้ำตาที่กำลังจะไหลริน จากนั้นจึงพูดต่อไปว่า “หากว่าฐานะของหวานหว่านคือธิดาของชายารัชทายาทจริง เช่นนั้นในตอนนี้ก็เท่ากับว่าท่านกำลังช่วยศัตรูเลี้ยงบุตร”
“ไม่ เ้าผิดแล้ว เฉียวอวิ๋นซีหาใช่ศัตรูของเปิ่นหวาง” หากว่าเื่ในตอนนั้นเป็เื่จริงละก็ แสดงว่าเปิ่นหวางย่อมมีหนี้ค้างกับเฉียวอวิ๋นซี นั่นคงเป็ความเสียใจที่ชั่วชีวิตนี้ก็มิอาจชดเชยให้ได้
อวิ๋นซีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มขณะมองจวินเหยียน “เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนี้? ”
“ตอนนั้นเฉียวกั๋วกงเคยช่วยชีวิตเปิ่นหวางไว้ครั้งหนึ่ง และในตอนหลังก็เป็เขาที่ถวายฎีกาต่อฮ่องเต้เพื่อให้ข้าได้กลับเมืองหลวง หากไม่ใช่เช่นนั้น ตระกูลของเฉียวกั๋วกงจะถูกโอวหยางเทียนหัวเคียดแค้นได้อย่างไร หากให้พูดตามจริง เื่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็เพราะเปิ่นหวาง เปิ่นหวางติดค้างตระกูลเฉียวอยู่มาก ดังนั้น การที่ข้าจะดูแลหวานหว่านก็ถือเป็เื่ที่ควรทำอย่างที่สุด และต่อไปในวันหน้า หากพวกเราจะมีลูกด้วยกันจริงๆ ข้าก็หวังเป็อย่างยิ่งว่าเ้าจะไม่ปฏิบัติต่อหวานหว่านอย่างลำเอียง”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินคำพูดของเขาก็เพียงตอบกลับไปประโยคหนึ่งอย่างไร้เรี่ยวแรง “ท่านคิดวาดฝันไว้สวยงามเกินไปแล้ว” ลูกของนางกับเขา หึหึ จวินเหยียนช่างกล้าคิดเสียจริง
จวินเหยียนเห็นท่าทีของนาง ในใจก็เอาแต่ขบคิดว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้ใจสตรีผู้นี้มา “ยังมีอีกเื่หนึ่งที่ข้าจำเป็ต้องบอกเ้า ก่อนหน้าจะเจอเ้า ข้าไม่เคยชมชอบสตรีหน้าไหน ด้วยเื่นี้ข้าสามารถสาบานได้ ทว่าเมื่อสามปีก่อนในตอนที่ข้าลอบไปยังเมืองหลวงได้เจอกับน้องสาวของอวิ๋นหวน นางปรารถนาในรูปลักษณ์อันงดงามของข้า จึงได้ให้คนวางยา และจัดหายอดฝีมือจำนวนไม่น้อยมาล้อมข้าไว้ กว่าข้าจะฝ่าวงล้อมออกมาได้ก็าเ็หนัก ยิ่งกว่านั้น บนคมดาบคมกระบี่ของคนเ่าั้ล้วนทายาที่มีฤทธิ์ทำให้สิ้นวรยุทธ์ได้ชั่วคราวเอาไว้ด้วย ยามนั้นเป็เพราะไม่มีทางเลือกอื่น เปิ่นหวางจึงต้องปลอมตัวไปเป็กุลี ซึ่งตอนหลังถูกรัชทายาทที่กำลังออกจากเมืองมาพบเข้าพอดี ข้าจึงถูกองครักษ์ของเขาจับเข้าไปในขบวน แล้วบังคับให้แสร้งเป็หนึ่งในพวกเขา”
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ อวิ๋นซีก็เข้าใจเื่บางอย่างขึ้นมาแล้ว “หรือว่า คนผู้นั้นที่อยู่ในห้องของชายารัชทายาทก็คือท่าน”
ไม่รู้เพราะเหตุใด ตอนที่นางถามประโยคนี้ออกมากลับมีความยินดีปรากฏอยู่หลายส่วน หากให้เลือกระหว่างกุลีกับคนตรงหน้านี้ นางหวังให้คนคนนั้นคือจวินเหยียน เพราะอย่างน้อยๆ บิดาที่แท้จริงของหวานหว่านก็จะได้ไม่ถึงขั้นไม่น่ามองนัก
เขาพยักหน้าตอบด้วยความยากลำบาก “เป็ไปได้แปดเก้าส่วน ทว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าสตรีนางนั้นจะเป็ชายารัชทายาท เพราะตัวข้าเองก็ได้รับาเ็อยู่ อีกทั้งในตอนที่ข้าเข้าไปในห้องของนาง ในห้องนั้นจุดกำยานบางอย่างไว้...กำยานนั่นมีปัญหา”
อวิ๋นซีพิงไปบนพนักเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง อันที่จริงกำยานในห้องนั้นเป็โอวหยางเทียนหัวที่จุดเองกับมือ ซึ่งในตอนนั้นนางยังทึกทักไปเองว่า สามีช่างใส่ใจเหลือเกินจนแอบเก็บมาดีใจอยู่คนเดียว “เช่นนั้นท่านรู้เมื่อไร? ”
“วันนี้ ตอนที่เฉียวจี๋เล่าถึงเื่นั้นให้ฟัง ข้าถึงได้รู้ว่าที่แท้สตรีนางนั้นก็คือชายารัชทายาทเฉียวอวิ๋นซีนั่นเอง ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นาง อย่างไรเสียเื่สามีภรรยารักใคร่ลึกซึ้งระหว่างโอวหยางเทียนหัวและเฉียวอวิ๋นซีก็เป็เื่ที่คนเขาร่ำลือกันไปทั่ว จึงคิดไม่ถึงว่านางจะเป็ภรรยาของโอวหยางเทียนหัว อีกทั้ง ในตอนที่ข้าถูกคนพาออกไปจากห้องนั้น ถึงแม้จะถูกปิดตาไว้ แต่หูของข้าก็ยังได้ยินอย่างชัดเจนว่า ในห้องด้านข้างโอวหยางเทียนหัวเองก็กำลังพลิกฟ้าคว้าฝนกับสตรีอื่นอยู่”
อวิ๋นซีพยักหน้า นางหัวเราะหึหึ “ด้วยเหตุนี้ หวานหว่านย่อมต้องเป็บุตรสาวของท่าน” นางถอนหายใจ ก่อนจะพูดด้วยเสียงเ็า “ท่านอ๋อง ตอนนี้ข้ารู้สึกล้าแล้ว เชิญท่านออกไปก่อนเถิด ข้า้าพักผ่อน”
เื่ที่รู้ในวันนี้มีมากเกินไป ทำให้ใเกินไปแล้ว ยามนี้นางจึง้าเวลาเพื่อทำความเข้าใจในข้อมูลเหล่านี้ที่ได้รับมา
จวินเหยียนเห็นท่าทีของนางก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปพูดข้างกายนาง “อาซี เ้าอย่าเป็เช่นนี้เลยได้หรือไม่? อย่าเพียงอ้างว่าเหนื่อยล้าเพื่อหลบเลี่ยงข้า ข้ารู้ดีว่าการที่ข้าแซ่โอวหยางอาจเป็เหมือนเข็มทิ่มแทงใจเ้า อย่างไรเสีย ในตอนนั้นเฉียวอวิ๋นซีก็ได้เจอกับโอวหยางเทียนหัวผู้ที่ทำร้ายจิตใจนาง แต่ตัวข้าผู้นี้ไม่ใช่เขา ดังนั้น เ้าอย่าได้นำข้าไปเหมารวมกับเขาเลย มิฉะนั้น นี่ก็หาได้ยุติธรรมแก่ข้าไม่”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็ยืนขึ้นทันที แล้วจึงตอบกลับด้วยคำถาม “ยุติธรรม? ในโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมด้วยหรือ? ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้