ดังที่สวี่จือจือคาดไว้ โจวซื่อนำของที่เก็บไว้ก้นหีบออกมาต้อนรับลู่จิ่งซานจริงๆ แถมยังนำไข่ไก่ที่เก็บซ่อนไว้อีกสองฟองมาใช้ด้วย
“คุณย่า” สวี่จือจือเห็นดังนั้นจึงรีบพูดว่า “เก็บไข่ไก่ไว้ให้ย่ากับปู่กินเถอะค่ะ”
“ไก่ที่หลังบ้านออกไข่ทุกวันเว้นวัน พวกเรามีไข่กินทุกวันอยู่แล้ว” โจวซื่อพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่มีไข่ ไส้ของโรตีก็ไม่อร่อยหรอก”
โจวซื่อทำโรตีได้อร่อยเป็เลิศ เ้าของร่างเดิมชอบกินโรตีของคุณย่าเป็พิเศษ แต่สวี่จือจือก็รู้ดีว่าไข่ที่ไก่เลี้ยงไว้นั้นนอกจากต้องส่งให้รัฐบาลแล้ว ที่เหลือก็ตกไปอยู่ในท้องของสวี่เจวียนเจวียนหมด
สวี่จือจือคอยดูไฟอยู่ที่เตา ส่วยหญิงชราใส่ผ้ากันเปื้อนยืนทำโรตีอยู่หน้าเตา
ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันที่ลู่จิ่งซานจะกลับมา กลับเห็นหวังซิ่วหลิงเตะประตูเข้ามาด้วยความโมโห “นังลูกอกตัญญู วันกลับมาเยี่ยมบ้านก็ไม่พาลูกเขยมาด้วย ยังจะมาทำอะไรที่นี่อีก?”
“อ้อ” สวี่จือจือพูดอย่างเฉยเมย “ประตูบ้านไม่ได้เปิด นึกว่าไม่ต้อนรับพวกหนู ก็เลยมาหาคุณย่าที่นี่”
“ฉันก็แค่...แค่ไปทำไร่กับพ่อแกนี่แหละ” หวังซิ่วหลิงพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “แกแต่งงานไปแล้ว บ้านเราก็ขาดคนทำคะแนนแรงงานไปคนหนึ่ง ถ้าฉันไม่ไปทำไร่ จะให้อดตายหรือยังไง”
สวี่จือจือหัวเราะแล้วมองออกไปข้างนอก
“แกมองอะไรของแก?” หวังซิ่วหลิงถาม
“มองพระอาทิตย์” สวี่จือจือตอบอย่างเฉยเมย “ดูว่าวันนี้พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกหรือเปล่า?”
“แก!” หวังซิ่วหลิงโมโหเล็กน้อย แล้วถามอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วจิ่งซานล่ะ? รีบไปเรียกจิ่งซานกลับมา กลับไปกินข้าวที่บ้าน”
“จริงสิ แม่คะ” เธอมองโรตีบนเตาแล้วพูด “เจวียนเจวียนชอบกินโรตีที่แม่ทำ ช่วยห่อโรตีพวกนี้ให้หนูหน่อย”
โจวซื่อมองไปที่สวี่จือจือด้วยความลังเลเล็กน้อย
“ฉันบอกแกไว้เลยนะ จือจือ” หวังซิ่วหลิงเอามือเท้าเอวพิงประตู “อย่ามางอนให้คนทางบ้านสามีหัวเราะเยาะ ผู้หญิงน่ะ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ต้องพึ่งพาบ้านเดิมอยู่ดี”
“แกเพิ่งแต่งงานไปคงยังไม่รู้หรอก รออีกหน่อยแกก็รู้เอง”
ก็เหมือนเธอที่มีพี่น้องจากบ้านเดิมเยอะ ถึงได้เชิดหน้าชูคออยู่ในบ้านตระกูลสวี่ได้แบบนี้
“นั่นสิ” โจวซื่อคิดแล้วพูด “กลับไปกับแม่แกเถอะ ย่าจะห่อโรตีให้เอาไปกินที่บ้าน”
“ก็ได้ค่ะ” สวี่จือจือวางไม้คีบไฟแล้วพูดกับหวังซิ่วหลิง “แม่กลับไปก่อนนะ เดี๋ยวรอให้ลู่จิ่งซานกลับมา พวกเราจะตามไป”
“ดีมาก” หวังซิ่วหลิงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก “ต่อไปถ้าแกโดนที่บ้านสามีรังแก ก็ต้องมาให้พวกเราช่วยระบายโทสะอยู่ดี”
สวี่จือจือกลอกตา
แค่อีกฝ่ายกับสวี่เจวียนเจวียนไม่หาเื่ใส่ตัวก็มีบุญแล้ว
“แล้วของขวัญวันกลับมาเยี่ยมบ้านล่ะ?” หวังซิ่วหลิงเหลือบตามอง “ฉันจะช่วยเอาไปเก็บไว้ก่อน เดี๋ยวแกกับลู่จิ่งซานค่อยตามไป”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” สวี่จือจือพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ลู่จิ่งซานมีแรงเยอะ เดี๋ยวให้เขาถือไปเอง”
“ทำไม?” เธอพูดอีก “แกจะเอาโรตีของย่าแกไปต้องรับเขยใหม่หรือยังไง?”
หวังซิ่วหลิงเริ่มโมโหกับคำพูดของเธอ อยากจะด่าแต่ก็ต้องอดกลั้นไว้ ได้แต่เหลือบมองโจวซื่ออย่างเคืองแค้น แล้วตบๆ ฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงบนเสื้อ “งั้นพวกแกก็รีบๆ หน่อย ใช่สิ แม่ โรตีพวกนั้นห่อไปเยอะๆ หน่อย ให้จือจือเอาไปด้วย”
โจวซื่อย่อมรีบรับคำ
“จือจือ” พอหวังซิ่วหลิงไปแล้ว โจวซื่อก็พูดว่า “โรตีพวกนี้เอาไปด้วยนะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” สวี่จือจือพูด “เดี๋ยวอีกสักพักพวกเราก็คงกลับมาแล้ว ย่ากับปู่กินไปก่อนเลย ไม่ต้องรอพวกหนู”
“จือจือ” โจวซื่อจับมือเธอไว้ “อย่าไปทะเลาะกับแม่แกเลย”
“นิสัยเธอก็เป็แบบนั้นแหละ แต่เมื่อกี้ที่เธอพูดก็มีเหตุผลนะ” โจวซื่อพูด “ต่อไปถ้าโดนที่บ้านสามีรังแก ก็ต้องให้บ้านเดิมช่วยอยู่ดี”
“คุณย่า” สวี่จือจือยิ้ม “หนูรู้แล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะ”
โจวซื่อฟังเธอพูดแบบนั้นก็ยังคงห่อโรตีที่ทำเสร็จแล้วใส่ตะกร้า “เอาไปเถอะ ย่ากับปู่กินไม่หมดหรอก”
สวี่จือจือไม่ได้ปฏิเสธ แต่พอโจวซื่อออกไปเก็บของข้างนอก เธอก็เปลี่ยนจานในตะกร้ากับจานที่โจวซื่อวางไว้บนโต๊ะแล้วปิดฝาเสีย มองจากข้างนอกก็ดูไม่ออก
ตอนที่ลู่จิ่งซานกลับมา เขาขี่จักรยานสองล้อมา ที่เบาะหลังมีแป้งหนึ่งกระสอบ แถมยังมีขนมและนมผง เครื่องดื่มรสหวานมาด้วย เรียกได้ว่าทุ่มทุนสร้างสุดๆ!
“คุณเอาของพวกนี้มาจากไหนเยอะแยะ?” สวี่จือจือถามด้วยรอยยิ้ม
“ซื้อมาจากสหกรณ์” ลู่จิ่งซานพูดแล้วเห็นดวงตาเป็ประกายของเธอก็พูดต่อ “หลิวเจี้ยนจวินที่เป็คนทำบัญชีของสหกรณ์เป็เพื่อนร่วมชั้นประถมของผม ถ้าต่อไปอยากซื้ออะไรก็ไปหาเขาได้”
“จริงเหรอ?” ดวงตาของสวี่จือจือเป็ประกายยิ่งขึ้น เธอพูดกับลู่จิ่งซานด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณนะคะ”
ยุคสมัยนี้ ถ้ามีคนรู้จักอยู่ในสหกรณ์ ถือว่ามีสิทธิพิเศษมากมาย
ตัวอย่างเช่น สหกรณ์จะมีของที่มีตำหนิซึ่งไม่ต้องใช้คูปองก็สามารถซื้อได้ แต่ของดีๆ แบบนี้ส่วนใหญ่ก็ถูกคนในสหกรณ์เอาไปใช้เอง ที่หลุดออกมาก็เป็ของที่เหลือจากการเลือกซื้อกันไปแล้ว ถ้ามีคนรู้จักก็จะได้สิทธิเลือกซื้อก่อนใคร
ลู่จิ่งซานเหลือบมองเธอ แล้วก็รีบยกของเข้าไปข้างใน “ฉันช่วยถือให้นะ”
“ไม่ต้องหรอก” ลู่จิ่งซานพูด
ของแค่นี้ เขาคนเดียวก็จัดการได้
สวี่จือจือยักไหล่ เธอแค่พูดไปตามมารยาท ไม่ต้องช่วยก็ดีแล้ว
เธอเดินตามเข้าไปอย่างช้าๆ คอยชี้นำให้ลู่จิ่งซานเอาแป้งไปซ่อน
“จือจือเอ๊ย” โจวซื่อเพิ่งจะรู้สึกตัวก็รีบเข้ามาขวางทางแล้วถาม “แก...จะทำอะไร?”
“คุณย่า” สวี่จือจือพูด “แป้งกับขนมพวกนี้ คุณย่าเอาไปซ่อนไว้ดีๆ นะคะ เอาไว้ให้คุณย่ากับคุณปู่กิน”
“นังหนูคนนี้” โจวซื่อพูดด้วยความโมโห “ของพวกนี้ให้จิ่งซานเอาไปบ้านเถอะ ย่ากับปู่มีของกินอยู่แล้ว”
“คุณย่า” ลู่จิ่งซานพูดด้วยรอยยิ้ม “จือจือถือว่าเป็คนที่คุณย่าเลี้ยงดูมา การที่เธอมาตอบแทนบุญคุณคุณย่าก็เป็สิ่งที่ควรทำแล้ว”
“คุณย่า ไม่เป็ไรค่ะ หนูจะเอาเงินกับคูปองไปคืนให้ลู่จิ่งซานทีหลัง” สวี่จือจือพูด
“ไม่ได้หรอก” โจวซื่อพูดเสียงเข้มอย่างหาได้ยาก แล้วทำหน้าดุใส่สวี่จือจือ “ของพวกนี้เอาไปให้หมดเลยนะ ต่อไปก็ห้ามเอาของไปให้ที่บ้านอีก”
ลู่จิ่งซานเป็คนดี แต่บ้านตระกูลลู่ก็มีกันเป็ครอบครัวใหญ่ จะเอาของจากบ้านสามีมาให้ที่บ้านเดิมได้ยังไง
“ต่อไปก็ใช้ชีวิตกับจิ่งซานให้ดี นั่นแหละคือการตอบแทนบุญย่ากับปู่แล้ว” โจวซื่อเช็ดน้ำตา “ถ้าคิดถึงย่ากับปู่ กลับมาเยี่ยมกันบ้างก็พอแล้ว”
หญิงชราเท้าเล็กนั้นหัวรั้นเป็พิเศษในเื่นี้ กลัวว่าหลานสาวจะถูกบ้านสามีไม่ชอบ
สุดท้ายก็เป็ลู่จิ่งซานที่พูดจนหญิงชรารับไว้ได้ แต่ก็เอาไข่ไก่ยี่สิบฟอง และผักดองที่หญิงชราทำเองเป็การตอบแทน
ของตอบแทนอาจจะไม่เท่าแป้งหนึ่งกระสอบ แต่ไข่ไก่พวกนั้นก็เป็ที่หญิงชราเดินด้วยเท้าเล็กๆ ไปขอมาจากทุกบ้าน
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้