“ไม่ได้การแล้ว ต้องรีบส่งเหมยเอ๋อร์ไปก่อน!” เถาซื่อยังคงหวาดกลัวเมื่อนึกถึงท่าทางของอวิ๋นโส่วจงตอนที่รู้ความจริง
เจียงต้าไห่กลอกตาไปมา “ท่านแม่ เช่นนั้นให้เหมยเอ๋อร์ไปอยู่ในตำบลสักพักก่อนเถิดขอรับ”
“ตกลง ทำแบบนั้นก็ได้!”
เจียงต้าไห่กล่าวต่อ “เช่นนั้นข้าจะพาน้องเหมยเอ๋อร์ไปส่งที่ตำบลตอนนี้เลย... อ้อ แล้วก็ให้เถาจือกลับไปเป็เพื่อนนางด้วย ส่วนเถาหลิ่วจือก็ให้นางอยู่ที่นี่ คอยปรนนิบัติท่านแม่เถิดขอรับ”
คำพูดของเจียงต้าไห่ทำให้เถาซื่อพอใจยิ่งนัก บนใบหน้าที่บึ้งตึงก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาในที่สุด “ใครๆ ต่างก็ว่าลูกเขยเป็คนนอก แต่ข้าว่านะ ที่บ้านเราสลับกันเสียได้ ลูกชายแท้ๆ เป็คนนอก ลูกเขยยังรู้จักคิดถึงยายแก่อย่างข้าคนนี้มากกว่าลูกชายเสียอีก”
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์รีบพูดขึ้น “ท่านแม่ ท่านพูดอะไรเช่นนั้น ต้าไห่เขาไม่มีบิดามารดาอยู่แล้ว แม่ข้าก็คือแม่ของเขา เขาจะไม่ดูแลเอาใจใส่ท่านได้หรือเ้าคะ?”
เถาซื่อเอ่ย “ตกลง เ้ารีบพาน้องสาวของเ้าไปก่อนเถิด ข้าจะได้ปรึกษาเจวียนเอ๋อร์เื่ของอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์เสียหน่อย”
เจียงต้าไห่พยักหน้า จากนั้นก็กำชับอีกว่า “ท่านแม่ เจวียนเอ๋อร์ ก่อนเื่นี้จะสำเร็จพวกท่านอดทนสักหน่อยนะขอรับ พยายามอย่าไปหาเื่ครอบครัวพี่รอง”
เถาซื่อเอ่ย “ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไรอยู่แล้ว เ้าไปเถอะ รอให้ยัยเด็กเหลียนเอ๋อร์แต่งงานกับเทียนเป่า อีกไม่นานนักพวกมันก็จะอยู่ในกำมือของเรา”
เจียงต้าไห่รีบเอ่ยประจบ “ท่านแม่คิดรอบคอบที่สุดแล้ว ข้ากังวลไปเปล่าๆ เช่นนั้นข้าไปก่อนนะขอรับ” ว่าแล้วเจียงต้าไห่ก็รีบขึ้นรถลาก พาอวิ๋นเหมยเอ๋อร์กับเจียงเถาจือออกไปจากหมู่บ้าน
ส่วนผู้เฒ่าอวิ๋นก็มาถึงบ้านของอวิ๋นโส่วจง พอไปถึงปรากฏว่าอวิ๋นโส่วจงยังไม่กลับ ฟางซื่อจึงให้คนไปตาม
อย่างไรเสียผู้เฒ่าอวิ๋นก็เป็บิดาแท้ๆ ของอวิ๋นโส่วจง แม้จะสามารถกีดกันไม่ให้ครอบครัวเจียงต้าไห่เข้าบ้านได้ แต่นางไม่อาจทำเช่นนั้นกับผู้เฒ่าอวิ๋นได้
ฟางซื่อเชิญผู้เฒ่าอวิ๋นเข้าไปนั่งในห้องโถง หลังจากยกชาเสร็จก็ขอตัวออกไปโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้เฒ่าอวิ๋นได้เอ่ยปากพูดคุยด้วย
ส่วนเื่ของอวิ๋นฉี่ซาน ผู้เฒ่าอวิ๋นก็ไม่กล้ามอง หลานชายาเ็สาหัสขนาดนั้น แถมยังคงมีไข้อยู่ตลอดเวลา เขาแอบไปถามหมอที่รักษาอาการของอวิ๋นฉี่ซาน หมอบอกว่าได้แต่ดูชะตาฟ้าลิขิต หากไข้ลดก็รอดชีวิต หากไม่...
เฮ้อ ทำไมเื่ราวถึงกลายเป็แบบนี้ไปได้! ยิ่งคิดผู้เฒ่าอวิ๋นก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ
ไม่นานนัก อวิ๋นโส่วจงก็กลับมาพร้อมกับรถเข็นที่ตาเฒ่าเฉียวและอาจารย์ตั่งเร่งมือช่วยกันทำออกมา
“ท่านพ่อ ท่านมาหรือขอรับ มีธุระอันใดหรือไม่?” อวิ๋นโส่วจงวางรถเข็นไว้ที่หน้าประตูห้องโถง จากนั้นก็เดินเข้ามาในห้อง แต่เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่มีท่าทีว่าจะนั่งลง
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของอวิ๋นโส่วจง ผู้เฒ่าอวิ๋นก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ “ไม่มีธุระ ข้าก็มาหาเ้าไม่ได้หรือไง? เ้ายังเป็ลูกของข้าอยู่หรือไม่?”
อวิ๋นโส่วจงเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “หากท่านพ่อไม่มีธุระอันใด ข้าก็ขอตัวก่อนนะขอรับ อาการของฉี่ซานยังสาหัส ที่บ้านวุ่นวายไปหมด ข้ามีเื่ต้องทำอีกมากมายขอรับ” กล่าวจบเขาก็หันหลังเดินออกไป
ผู้เฒ่าอวิ๋นโกรธจนแทบจะล้มทั้งยืน นี่มันเวรกรรมอะไรกัน ไยเขาถึงมีลูกชายเช่นนี้ ท่าทางเ็าไร้น้ำใจ แม้แต่ลูกเขยยังดีกว่า
“เ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ ข้าเป็พ่อของเ้า เ้าทำกับพ่อตัวเองแบบนี้ได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นอวิ๋นโส่วจงจึงหยุดชะงัก หันกลับมามองผู้เฒ่าอวิ๋นด้วยสายตาเ็า “ทำไมล่ะขอรับ ท่านพ่ออยากจะให้ผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าตระกูล และผู้าุโในหมู่บ้านมาตัดสินเื่นี้หรือขอรับ? ถ้าเช่นนั้นก็ดี ท่านพ่อไม่ต้องเหนื่อย ข้าจะไปเรียนเชิญพวกเขามาเอง พวกเราจะได้พูดคุยเื่ของฉี่ซานให้รู้เื่กันไปเลย!”
ผู้เฒ่าอวิ๋นไม่สามารถโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงนึกถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เขามาที่นี่ หลังจากจ้องมองอวิ๋นโส่วจงอยู่พักหนึ่ง เขาก็เอ่ยปาก “ข้ามีเื่จะคุยกับเ้า”
อวิ๋นโส่วจง “เื่อะไรหรือขอรับ?”
ผู้เฒ่าอวิ๋นผายมือไปที่เก้าอี้ข้างๆ “นั่งลงก่อนสิ”
อวิ๋นโส่วจงไม่ขยับเขยื้อน ผู้เฒ่าอวิ๋นจึงได้แต่พูดต่อ “เื่ที่ฉี่ซานถูกทำร้ายไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกนะ ฉี่ซานก็เป็หลานชายของข้าเหมือนกัน เห็นเขาาเ็สาหัสเช่นนี้ ข้าก็เสียใจไม่ต่างจากพวกเ้า”
“แต่ต้าเป่ามันเป็บ้า ใครจะไปรู้ล่วงหน้าว่ามันจะคลั่งขึ้นมา เื่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ข้ารู้ว่าเ้าเสียใจ แต่เ้าจะไปเอาเื่กับคนบ้าคนหนึ่งได้อย่างไร อย่าไปแจ้งความที่ศาลาว่าการเลย จะให้ชาวบ้านมาหัวเราะเยาะพวกเราไม่ได้ ในโลกนี้มีลุงคนไหนไปฟ้องร้องหลานชายตัวเองบ้าง?”
“ยิ่งไปกว่านั้นต้าเป่ามันปัญญาอ่อน หากต้องติดคุกคงถูกทรมานจนตายอยู่ดี ไม่อาจมีชีวิตรอดนานนักหรอก! เ้าน่ะ... เก็บบุญกุศลไว้สักหน่อยเถอะ”
“ท่านพ่อพูดแบบนี้หมายความว่าอะไรเ้าคะ? ชีวิตลูกชายปัญญาอ่อนของบ้านน้องหญิงมีค่า ส่วนชีวิตฉี่ซานของบ้านเราไม่มีค่าหรือเ้าคะ? ข้ายังคิดว่าท่านพ่อจะมาเยี่ยมหลานชายเสียอีก ไม่คิดเลยว่าท่านจะมาตำหนิลูกชายของตนเองเช่นนี้ ถ้าเป็เช่นนี้ วันนี้พวกเราก็มาคุยกันให้ชัดเจนไปเลย ข้าจะให้คนไปเชิญผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าตระกูลมา!”
ฟางซื่อเดินเข้ามาจากนอกประตู ยืนอยู่ข้างๆ อวิ๋นโส่วจง เถียงจนผู้เฒ่าอวิ๋นหน้าแดงก่ำ “เื่ของผู้ชาย มีที่ไหนที่ผู้หญิงจะมาสอดปากได้ เ้ารอง นี่หรือเมียของเ้า ดี ดีจริง พวกเ้าทุกคนไม่เห็นหัวข้าตาแก่คนนี้เลยสักนิด”
“ท่านปู่เคยเห็นพวกเราเป็ครอบครัวหรือขอรับ ข้าไม่เคยเห็นที่ไหนที่หลานชายาเ็สาหัส นอนรอความตายอยู่บนเตียง แต่ท่านปู่กลับมาที่บ้านนี้เพื่อเอาแต่ด่าว่า!”
เสียงอวิ๋นฉี่เยว่ดังขึ้นจากนอกประตู ฟางซื่อได้ยินดังนั้นก็อดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ อวิ๋นโส่วจงเองก็รู้สึกะเืใจ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกกลับมาช้าไปหน่อย เพิ่งไปส่งอาจารย์กลับถึงบ้าน ถึงได้กลับมาบ้านเรา... ข้าไปดูอาการของฉี่ซานมาแล้ว”
กล่าวจบอวิ๋นฉี่เยว่ก็หันไปมองผู้เฒ่าอวิ๋น “ท่านปู่คงจะยังไม่ได้ไปดูอาการของฉี่ซานกระมัง ก็คงจะเป็เช่นนั้น ท่านปู่ไม่เคยเห็นพวกเราเป็หลานชายอยู่แล้ว ในใจห่วงก็แต่หลานชายวิกลจริตที่ทำร้ายคนอื่น บิดาข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย ท่านก็รีบร้อนมากล่าวโทษ คนไม่รู้คงนึกว่าพวกเราไปทำร้ายเด็กโง่คนนั้นเสียอีก!”
ผู้เฒ่าอวิ๋นถึงกับพูดไม่ออก! ครู่ใหญ่เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ข้า... ข้าก็แค่คิดว่าพวกเราครอบครัวเดียวกัน อยากให้เื่ในบ้านแก้ไขกันภายในครอบครัว ข้าทำไปก็เพื่อครอบครัวของพวกเรา”
“ข้าผิดตรงไหน? พวกเ้าทุกคนทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร? พวกเ้า… ดี ดี ดีมาก! นี่สินะหลานชายที่ดีของตระกูลอวิ๋น!”
อวิ๋นโส่วจงเอ่ย “ท่านพ่อ เื่นี้เป็มาอย่างไร ท่านเองก็รู้อยู่แก่ใจ ท่านวางใจเถิด อีกประเดี๋ยวหลังจากข้าจัดการเื่ในบ้านเสร็จแล้ว ข้าจะไปหาหัวหน้าตระกูลเอง เื่นี้พวกเราจะจัดการตามกฎของตระกูล แม้ข้าจะไม่ได้อยู่ในผังลำดับตระกูล แต่อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ยังอยู่ในผังลำดับตระกูล!”
เมื่อได้ยินดังนั้นผู้เฒ่าอวิ๋นก็แทบจะเป็ลมล้มพับลงไปตรงนั้น เขาเบิกตากว้างมองอวิ๋นโส่วจงด้วยความใ ในใจพายุโหมกระหน่ำ ทำไมอวิ๋นโส่วจงถึงรู้เื่ของเหมยเอ๋อร์?
ผู้เฒ่าอวิ๋นเอ่ยถามอย่างจนปัญญา “ฉี่ซานถูกต้าเป่าทำร้าย เกี่ยวอะไรกับน้องสาวของเ้า?”
อวิ๋นโส่วจงหัวเราะเยาะ “ท่านพ่ออย่าบอกนะขอรับว่าท่านไม่รู้เื่นี้? เจียงต้าไห่เล่าเื่ราวทั้งหมดให้ข้าฟังหมดแล้ว ไม่ว่าพวกท่านจะพูดอย่างไร เื่นี้ข้าไม่ยอมความเด็ดขาด!”
ใบหน้าของผู้เฒ่าอวิ๋นซีดเผือด เขามองอวิ๋นโส่วจงนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ “เฮ้อ... ทำกรรมอะไรไว้หนอ ถึงได้เป็แบบนี้... พวกเราก็เป็ครอบครัวเดียวกัน ทำไมถึงไม่ยอมฟังกันบ้าง... เ้ารอง ถือว่าพ่อขอร้องล่ะ เื่นี้ปล่อยผ่านไปได้หรือไม่?”
อวิ๋นฉี่เยว่ยิ้มๆ “ท่านปู่ หากข้าไปฟันอาหญิงเล็กสักสองที ท่านปู่จะยอมปล่อยผ่านหรือไม่ขอรับ? หรือว่าข้าไปฟันต้าเป่าสองที อาหญิงจะยอมปล่อยผ่านไปหรือไม่ขอรับ?”