ตระกูลกวนเป็ตระกูลทรงอิทธิพลในยุคราชวงศ์ิ ผู้าุโกวนจิ่งเจ๋อเป็ราชครูขององค์รัชทายาทและมกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ กวนชิงถังรับตำแหน่งรองหัวหน้าฝ่ายกิจการไท่ผู่[1] กวนรั่งหรูก็เป็บัณฑิตอันดับหนึ่งแห่งสำนักเหวินหัวปี้ อีกทั้งกวนหลินยังรับหน้าที่แม่ทัพผู้องอาจ เนื่องจากคนในตระกูลกวนไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ฮ่องเต้จึงมักนึกถึงและให้ความสำคัญต่อพวกเขามาก เรียกได้ว่าตระกูลกวนนั้นเป็หนึ่งในเจ็ดตระกูลยิ่งใหญ่แห่งยุคราชวงศ์ิ
“ตระกูลอู่ ตระกูลหลัว ตระกูลกวนและตระกูลซุนล้วนร่ำรวยและมีเกียรติ” ทั้งยังเป็ที่เคารพในเมืองหยางโจว แต่ตระกูลกวนในเมืองหยางโจวเป็เพียงสาขาย่อยของตระกูลกวนใหญ่เท่านั้น ในอดีตลูกชายของตระกูลกวนในเมืองหยางโจวเกือบจะได้เป็ขุนนาง ทว่าตอนนี้พวกเขาส่วนใหญ่ต่างดำเนินกิจการเช่นเดียวกับตระกูลหลัวในเมืองหยางโจว นอกจาก “โรงงานทอผ้าหลงเต่า” ที่ตระกูลกวนเปิดร่วมกับตระกูลอู่ ก็ยังมีร้านยา “เหริ่นชู่ถัง” ที่ส่งยาให้แก่ราชสำนักโดยเฉพาะ คอยจัดหายาสมุนไพรให้ราชสำนักจือลี่ตอนเหนือ ไม่กี่ปีที่ผ่านมาตระกูลกวนและตระกูลเฟิงร่วมมือค้าขายขนส่งทางเรือแถบแม่น้ำไต้อวิ้นและแม่น้ำแยงซีเกียง พวกเขาไม่เพียงหาแหล่งยาสมุนไพรราคาถูกจากเหมียวเจียงเท่านั้น ซ้ำยังช่วยขยายตลาดยาสมุนไพรอีกด้วย
จวนตระกูลกวนอันโอ่อ่าตั้งอยู่เชิงเขารายล้อมด้วยป่า ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ในจวนมีสัตว์ป่าประหลาดหลากชนิด
สองเดือนที่แล้ว เหล่าไท่ไท่ จ้าวซื่อและคุณหนูใหญ่หลัวไป๋อิ่งเดินทางไปงานเลี้ยงที่จวนตระกูลกวน ขณะเดินผ่านสวนฉินฉวนมีลิงตัวเมียที่ดุร้ายะโลงจากโขดหิน ทำให้บ่าวรับใช้และมามาจำนวนมากใกลัวจนวิ่งหนี ทว่าเหล่าไท่ไท่ จ้าวซื่อและหลัวไป๋อิ่งนั้นเป็สตรีชั้นสูงที่ถูกมัดเท้าแต่กำเนิด โดยปกติไม่ค่อยมีโอกาสเดินเท่าไรนัก ไหนเลยจะสามารถวิ่งหนีจากสถานการณ์ “อันตราย” เช่นนี้ได้?
โชคดีที่สื่อหลิวเป็สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ ขณะหาทางหนีก็ไม่ลืมลากเหล่าไท่ไท่วิ่งไปกับตนด้วย หลัวไป๋อิ่งนั้นก็เป็คุณหนูร่างกายแข็งแรงจึงสามารถวิ่งได้เร็วที่สุด
ทว่าจ้าวซื่อช่างโชคร้าย นางไม่มีสาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ ทั้งยังอายุ “ไม่น้อย” เรี่ยวแรงวิ่งหนีก็ไม่มี แย่ไปกว่านั้นคือนางมีร่างสูงอวบ ด้วยอายุมากแล้วจึงไม่สนใจรูปร่างเท่าไรนัก ถึงกระนั้นก็ยังคงความงามในรูปแบบราชวงศ์ถังดั้งเดิมได้เป็อย่างดี... กล่าวสั้น ๆ คือหลายปีก่อนจ้าวซื่อไม่สามารถนั่งเกี้ยวได้ นางนั่งได้เพียงรถม้าเท่านั้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดครานี้นางจึงดึงดูดความสนใจของลิงตัวเมียได้ ทันใดนั้นลิงตัวเมียแสนว่องไวก็ะโขึ้นไหล่จ้าวซื่อ ก่อนปัดไข่มุกและหยกบนศีรษะนางอย่างสนุกสนาน
เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของจ้าวซื่อดังสนั่นทั่วบริเวณ ทว่าเหล่าผู้คนที่หวาดกลัวสุดขีดต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอดตามสัญชาตญาณ แม้แต่หลัวไป๋อิ่งก็ไม่คิดสนใจสถานการณ์อันตรายของมารดา เมื่อจ้าวซื่อคิดว่าวันนี้ “ชีวิตตนจบสิ้นแล้ว” ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า ลิงตัวเมียที่ขี่คอนางก็พลันปลิวออกไปทันที
ท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวาย เหล่าไท่ไท่ถูกรายล้อมด้วยฮูหยินใหญ่ ฮูหยินสี่และฮูหยินห้าตระกูลกวนที่รีบมาขอโทษพร้อมปลอบโยน จึงเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของบุรุษหนุ่มที่ช่วยให้ทุกคนหลุดพ้นจากสถานการณ์คับขันเดินจากไปพร้อมคุณชายใหญ่กวนไป๋และคุณชายรองกวนโม่
เหล่าไท่ไท่ไม่เห็นชายหนุ่มผู้นั้นออกมาหลังงานเลี้ยงจบ จึงอับจนหนทางที่จะสืบหาชื่อผู้มีพระคุณเพื่อแสดงความขอบคุณ พรรคพวกของฮูหยินใหญ่กวนมายังที่เกิดเหตุช้าเกินไปจึงไม่มีใครเห็นว่าผู้ใดโยนลิงตัวนั้น ฮูหยินใหญ่กวนปลอบใจเหล่าไท่ไท่ว่าเื่นี้เป็ความผิดตระกูลกวน คนในตระกูลต้องออกหน้าแก้ไขจึงจะเหมาะสม เหล่าไท่ไท่ไม่จำเป็ต้องเอ่ยขอบคุณ ตระกูลกวนต่างหากที่ควรกล่าวขอโทษ
เมื่อมอง “ผู้ช่วยชีวิต” และ “คนรู้จักเก่า” เบื้องหน้าในเวลานี้ เหล่าไท่ไท่จึงเอ่ยอย่างมีความสุข “วันนั้นข้าอยากขอบคุณแต่กลับไม่รู้จักชื่อแซ่ หลังจากนั้น เ้า กวนไป๋และกวนโม่ก็ไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยง ลูกสะใภ้ของข้าใมาก พวกข้าจึงออกจากงานเลี้ยงกลางคัน… หากนับครั้งนี้ คุณชายหยางช่วยข้าสองครั้งแล้ว ป้าของเ้าคิดถึงเ้ามาก ฉะนั้นไม่ว่าเ้าจะพูดอย่างไร วันนี้ก็ต้องกลับไปรับประทานอาหารเย็นที่ตระกูลหลัวกับข้า!” นางกำแขนเฟิงหยางแน่นด้วยกลัวเขาจากไปกะทันหัน
“เหล่าไท่จวิน ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าเคยหกล้มหัวกระแทกพื้น ข้าจำท่านป้าไม่ได้ เอ่อ...ข้าเกรงจะทำให้นางผิดหวังจึง…” เฟิงหยางก้มมองแขนเสื้อที่เหล่าไท่ไท่จับพลางเอ่ยขอโทษด้วยรอยยิ้ม “อีกทั้งวันนี้ข้ามีเื่ด่วนต้องทำ ภายหลังข้าจะไปเยี่ยมท่านทันทีที่ว่าง”
หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรเหล่าไท่ไท่ก็ไม่ยอม “หกล้มแล้วอย่างไร? ตระกูลหลัวมีแพทย์ดีที่สุดในเมืองหยางโจว สามารถรักษาอาการหลงลืมได้ทุกชนิด เ้าจำป้าของเ้าไม่ได้ก็ไม่เป็ไรแต่นางจำเ้าได้ เ้าอาจมีเื่ด่วนมากมาย แต่ยามปกติพวกข้าคงไม่มีโอกาสไปเชื้อเชิญเ้าถึงตระกูลเฟิง ทว่าวันนี้บังเอิญพบกันก็ถือเป็ลิขิต์ เป็เพราะเฟิงจิ่วกูเฝ้าคิดถึงเ้านานนับสิบปีจึงทำให้ข้าบังเอิญพบเ้าในวันนี้ ไปเถิด ไปตระกูลหลัวกับข้า” เหล่าไท่ไท่กล่าวจบก็ลากเฟิงหยางที่ร่างสูงกว่าขึ้นรถม้าของตน
เฟิงหยางมีสีหน้ากังวล แต่หากจะสลัดแขนหญิงชราผู้เอาแต่ใจก็คงไม่เหมาะ ภายใต้สถานการณ์ปกติ แม้ถูกชายแข็งแกร่งสี่สิบคนลาก เขาก็ไม่ขยับเขยื้อน ตอนนี้เหล่าไท่ไท่พยายามดึงเขาเข้ารถม้าอย่างสุดแรง ด้วยเกรงว่าเอวของนางจะเคล็ด เขาจึงต้องก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก่อนถอยหลังสองก้าว ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อ นี่มันเื่ล้อเล่นหรืออย่างไร แม้เขาสัญญาจะช่วยเฟิงหยางแก้แค้นแต่ก็ไม่อยากทำให้ “ท่านป้า” แปลกหน้าผู้นั้นร้องไห้
เหอตังกุยเห็นทุกอย่างชัดเจน การยื้อยุดคุณชายเฟิงของเหล่าไท่ไท่นั้นเปรียบเสมือน “มดพยายามเขย่าต้นไม้ั์” เดี๋ยวก้าวเดี๋ยวถอย ค่อย ๆ ย้ายจากรถม้าของเหล่าไท่ไท่ไปยังรถม้าของอีกฝ่ายทีละน้อย เหล่าไท่ไท่ยังคงพยายามฉุดกระชากโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของนางฉายรอยยิ้มแห่งชัยชนะ... “เฟิงจิ่วกูรอข้าอยู่ที่บ้านดี ๆ ล่ะ ข้าจะพาเขากลับไปหาเ้าให้ได้!”
ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ เหอตังกุยก็ไม่เคยคบค้าสมาคมกับหัวหน้าพรรคเฉา ทว่านางยังคงตกตะลึงที่พรรคเฉานั้นถูกเรียกขานว่า “ปลาหมึกแห่งการค้าขาย” เป็เวลายาวนาน
พรรคเฉาเปรียบเสมือนหออู่อิงที่นางเคยดูแลในชาติที่แล้ว ทั้งสองพรรคล้วนอยู่ในยุทธภพ เลี้ยงดูยอดฝีมือหลายพันคน เท่าที่รู้ พรรคเฉาร่วมมือทั้งสำนักเถื่อนและสำนักถูกกฎหมาย พวกเขาทำเงินได้มากมาย ทั้งยังแทบไม่เคยล้มเหลว ไม่ว่าไปทางใดก็ประสบความสำเร็จเสมอ ชาติที่แล้วขณะนางเสียชีวิต พรรคเฉาก็ขึ้นเป็พรรคที่มีอำนาจมากที่สุดในยุทธภพ
ทว่าหออู่อิงกลับใช้ทางลัด ปีนั้นจูฉวนสร้างหออู่อิงเพื่อหารายได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายขยายกองกำลัง เหอตังกุยก็มีแิทางการค้ามากมาย จูฉวนรู้ดีว่าหากเขาปฏิบัติตามต้องก่อเกิดผลกำไรมหาศาลโดยไม่ต้องกังวลเื่ค่าใช้จ่ายสนับสนุนทางทหาร แต่ขณะนั้นสมุนของตงฉ่างซีก่วงทั้งหมดที่ซ่อนตัวในที่ลับต่างจับจ้องหออู่อิง เป็ผลให้ข้อเสนอของเหอตังกุยถูกระงับ เนื่องจากจูฉวนต้องระวังสายตาสอดรู้สอดเห็นของหน่วยคุ้มกันติดอาวุธประจำหอฉางเยี่ย เขาเพียงสั่งให้นางมุ่งความสนใจไปที่การซื้อขายข่าวกรองและการลอบสังหารเท่านั้น
“คุณชาย” เสียงหนึ่งดังขัดจังหวะเหอตังกุย นางเห็นเด็กรับใช้ที่เพิ่งทะเลาะกับกุยป่านเจียวะโออกจากรถม้าพลันะโ “แย่แล้ว คุณชายหนิงเป็ลม!”
“ไปหาโรงเตี๊ยมพักก่อนเถอะ!” บ่าวรับใช้อีกคนชะโงกหน้าออกจากรถม้า ก่อนเอ่ยเสริมด้วยความตื่นตระหนก “ก่อนจะเป็ลม เขาพูดว่า ‘อย่า...อย่า...อย่าเรียกหมอ’ พวกเราจะเรียกหมอมาดูอาการเขาหรือไม่? หากเขาตาย นั่นจะเป็คำพูดสุดท้ายของเขา!”
เหล่าไท่ไท่หอบหายใจอย่างเหนื่อยล้าก่อนเงยหน้าเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ข้าเป็หมอ พวกเราในตระกูลล้วนเป็หมอ จวนตระกูลหลัวไม่ไกลจากตรงนี้นัก ไหนเลยจะกล้าให้คุณชายหยางไปพักในโรงเตี๊ยมสกปรก! ไปตระกูลหลัวกับข้าเถิด หายดีแล้วค่อยกลับ!”
เมื่อเฟิงหยางได้ยินว่าเพื่อนสนิทเป็ลมก็้ากลับขึ้นรถม้าเพื่อรักษาอาการของเขาทันที ทว่ากลับไม่สามารถสลัดแขนเหล่าไท่จวินที่เกาะแน่นเสมือนลิงตัวเมียตัวนั้นได้ จึงทำได้เพียงเอ่ยเกลี้ยกล่อม “เหล่าไท่จวิน ข้าสบายดีมาก ไม่ได้ป่วย อาการความจำเสื่อมของข้าก็ดีขึ้นมาก เพียงแต่ข้าลืมท่านป้าไปเสียแล้วจึงไม่มีทางแก้ไขได้ (ใครใช้ให้เฟิงหยางตัวจริงถูกฆ่าตายเล่า) เช่นที่ท่านเห็น เพื่อนของข้ารออยู่ โปรดปล่อยข้าไปเถิดขอรับ ข้าอยากไปดูอาการเขาเสียหน่อย หากมีโอกาสจะไปหาท่านที่จวน…”
“อย่ารอครั้งหน้าเลย วันนี้ข้าต้องพาเ้ากลับจวนให้ได้!” เหล่าไท่ไท่เอ่ยแทรกหนักแน่น “เ้าโตแล้ว นอนพักนอกเรือนสักสองสามคืน พ่อของเ้าก็คงไม่ถามอันใด เช่นเดียวกับคุณชายเฉียนของข้า เขาก็ไม่ได้กลับจวนทุกวัน! ในเมื่อคนป่วยเป็เพื่อนคุณชายหยาง เช่นนั้นก็ให้เขาไปรักษาตัวที่ตระกูลหลัว รอให้หายดีก่อนค่อยกลับเถิด”
“แต่…” เฟิงหยางกังวลเกี่ยวกับหมอ เหตุเพราะเขาได้รับรายงานจากสายข่าวว่าหน่วยคุ้มกันติดอาวุธนั้นย้ายเข้าเมืองหยางโจวแล้ว แม้การมาที่นี่ของพวกเขาจะไม่ใช่เพราะหนิงยวน แต่เมืองอิ๋นหม่าก็อยู่ไม่ไกลจากหยางโจวนัก เป็ไปได้ว่าคนเ่าั้ไม่ได้รับคำสั่งจากลู่เจียงเป่ยให้ตามหาเด็กหนุ่มที่ได้รับาเ็สาหัส นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ของเขาและหนิงยวนนั้นเป็ความลับสุดยอด จึงไม่สามารถให้คนในพรรคเฉาคุ้มครองหนิงยวนได้ และคงไม่เหมาะหากพาหนิงยวนไปรักษาที่จวนตระกูลเฟิง ทว่าตอนนี้เหล่าไท่จวินเต็มใจให้หนิงยวนอยู่ที่จวน…
เฟิงหยางอดไตร่ตรองจริงจังไม่ได้ การเดินทางไปตระกูลหลัวเป็วิธีที่เหมาะสมที่สุดหรือไม่ จะมีข้อผิดพลาดอันใดหรือไม่
เมื่อเหล่าไท่ไท่เห็นสีหน้าใจอ่อนของเฟิงหยางจึงคิดว่าเขาชื่นชมทักษะแพทย์ของตระกูลหลัว และอาจ้าแพทย์ที่ดีซึ่งไม่สามารถเชิญได้โดยง่าย นางจึงเอ่ยเสริมด้วยรอยยิ้มทันที “ทุกคนในตระกูลหลัวรักษาโรคได้ แม้แต่หลานสาวอายุสิบขวบของข้าก็สามารถทำยาได้ เ้าดูนั่น” เหล่าไท่ไท่จับแขนเสื้อเฟิงหยางด้วยมือขวา มือซ้ายชี้เหอตังกุยที่นั่งบนรถม้าฝั่งตรงข้ามด้วยอาการคล้ายตกอยู่ในภวังค์ พลางเอ่ยจริงจัง “เมื่อครู่ข้าเป็ลมแทบกลับจวนไม่ได้ แต่หลังกินยาของเสี่ยวอี้ก็ฟื้นทันที รู้สึกว่าตัวเองมีกำลังวังชากว่าเมื่อก่อน...เสี่ยวอี้!”
เหล่าไท่ไท่กวักมือซ้ายไปยังรถม้า ขัดจังหวะเหอตังกุยที่กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับ “วิธีจัดการเงินสองร้อยสี่สิบตำลึงที่ฝากไว้ในเมืองตู้เอ๋อร์”
เมื่อเห็นเหอตังกุยหันหน้ามอง เหล่าไท่ไท่จึงยิ้มก่อนะโเรียก “เสี่ยวอี้ รีบเอายาสามเม็ดที่เ้าทำมาให้ข้าเร็วเข้า! ตรงนี้มีคนเป็ลม!” กล่าวจบก็หันมองเฟิงหยางพลางเอ่ยแนะนำ “ยาชนิดนี้ใช้รักษาอาการปวดหัวจากพิษไข้ หัวใจวาย อีกทั้งยังรักษาอาการเวียนหัว เป็ลมจากการเมารถได้ มีผลทันทีหลังกิน”
------------------------------------------
[1] ไท่ผู่ หมายถึงหน่วยงานดูแลกิจการเกี่ยวกับม้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้