“ซี้ด”
เมื่อเยี่ยนเจาเจาขยับขาก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนบนผิวดังที่คาด ฮองเฮาจึงกลับมามีสติอีกครั้ง พระองค์รีบเรียกคนไปตามหมอหลวง ก่อนจะอุ้มเยี่ยนเจาเจาไปยังห้องโถงข้างหลัง
สีพระพักตร์ของฮองเฮาเกือบจะไม่น่าดู ประจวบเหมาะกับที่หนานิเหอถือของกลับมาขอบพระทัยจึงได้ยินเสียงอุทานในตำหนักฉางหยางพอดี
เขาได้ยินที่เยี่ยนเจาเจาเล่าทั้งหมดแล้ว อีกทั้งเมื่อเห็นว่าพระพักตร์ฮองเฮาแลดูย่ำแย่ ดวงตาของเขาจึงเข้มขึ้นเล็กน้อย ครู่ต่อมาก็หยิบบางสิ่งออกมาจากแขนเสื้อก่อนจะเดินไปเบื้องหน้าฮองเฮาแล้วถวายมันด้วยมือสองข้าง
เมื่อฮองเฮาเปิดผ้าเช็ดหน้าที่คลุมไว้ออก ก็ทอดพระเนตรเห็นหยกพกน้ำดีชิ้นหนึ่งอยู่ในนั้น
เป็หยกพกที่พวกเขาเก็บได้บริเวณตำหนักเย็นนั่นเอง
สีพระพักตร์ของพระองค์แปรเปลี่ยนไปมาอย่างคาดเดาไม่ได้ ก่อนจะกลายเป็ดำมืดจนทุกอย่างพร่าเลือนในท้ายที่สุด
ฮองเฮาคว้าหยกพกชิ้นนั้นขึ้นมาแล้วรับสั่งให้หนานิเหอไปรอเจาเจาที่ห้องโถงข้างหลัง ส่วนพระองค์ก็สาวพระบาทออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหมอหลวงก็มาถึง เขารีบมาตรวจแผลของเยี่ยนเจาเจาอย่างรวดเร็ว หลังสั่งยาทาแผลน้ำร้อนลวกและอื่นๆ เสร็จสิ้น ซวงฝูก็รีบส่งเจาเจากับหนานิเหอกลับจวน กระทั่งเยี่ยนฟางหวาที่กำลังพูดคุยอยู่ในสวนอวี้ฮวาหยวนยังโดนตามตัวกลับจวนเยี่ยนไปพร้อมกัน
แม้ว่าเด็กหนุ่มผู้ที่กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้นในสวนอวี้ฮวาหยวนคนนั้นจะสวมชุดสีซีดจาง แต่ก็มิอาจปิดบังรูปโฉมเลิศล้ำของเขาได้แม้แต่นิด
หน้าตาของเขาสง่างามไร้ที่ติ หางตาแต้มไฝสีแดงสด ดูทรงเสน่ห์ยิ่งกว่าหญิงงามทั่วไปหลายเท่า แม้จะคุกเข่าอยู่ก็ยังเห็นได้ว่าเขามีร่างกายผึ่งผายอย่างยากจะหาใครเทียบ
เขามองตามเยี่ยนฟางหวาที่ถูกขันทีน้อยเรียกไปด้วยั์ตาราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
เมื่อแว่วเสียงอื้ออึงลอยมาจากตำหนักฉางหยางที่อยู่ไม่ไกล เขาจึงหันกลับไปถามนางกำนัลที่เฝ้าเขาอยู่ข้างหลัง “พี่สาว ท่านรู้หรือไม่ว่าทางเสด็จแม่เกิดอะไรขึ้น?”
เด็กหนุ่มยิ้มสุภาพ ั์ตาแฝงความใคร่รู้ดุจแสงตะวันยามเช้าที่ส่องประกายระยิบระยับ
เด็กสาวคนนั้นเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย
“องค์ชาย คุณหนูห้าสกุลเยี่ยนก็อยู่ที่นั่นด้วย บางทีอาจเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูห้าเพคะ”
“คุณหนูห้าสกุลเยี่ยน?”
คำว่าห้าติดอยู่ตรงปลายลิ้นของเขาราวกับมีฤทธิ์มอมเมาจิตใจคน
“ใช่เพคะ เมื่อครู่คุณหนูผู้นั้นก็คือญาติผู้พี่ของคุณหนูห้า คุณ...”
“สงบปากหน่อย! หากเ้าไม่เข้าใจความ้าของฝ่าาก็ไสหัวไปโรงซักล้างเสีย!”
โหม่วโหมว[1] หน้าตาเคร่งขรึมคนหนึ่งเดินเข้ามาตำหนินางกำนัลน้อยคนนั้น สายตาดุดันเจือไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามของนางจับจ้องไปยังร่างเด็กหนุ่มที่กำลังคุกเข่า
“เื่อะไรกล้ามาเรียกว่าองค์ชาย ฝ่าาจำได้หรือเปล่าก็ยังไม่แน่เลย”
เด็กหนุ่มเพียงหลุบั์ตาลงเงียบๆ ไม่เอ่ยคำใดอีก ราวกับไม่เห็นแววตาเหยียดหยามคู่นั้น
ขณะที่เยี่ยนเจาเจาถูกส่งตัวกลับจวน ในหัวนางก็ยังคงหมุนติ้วอยู่ตลอด
เพราะร่างกายได้รับาเ็ทำให้ไม่สะดวกร่วมเดินทางกับคนนอก เยี่ยนเจาเจาจึงนั่งเกี้ยวหลวงกับหนานิเหอแทน ส่วนเยี่ยนฟางหวาเลยได้นั่งเสลี่ยงที่นานๆ ทีทางวังจะเตรียมไว้ให้เช่นนี้
องค์หญิงทรงได้ยินว่าเยี่ยนเจาเจาได้รับาเ็จากในวังจึงพาเยี่ยนเหิงมารอรับที่หน้าประตู เมื่อเยี่ยนเจาเจามาถึง องค์หญิงก็ส่งสายพระเนตรไปทางเฝ่ยชุ่ยคล้ายจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เฝ่ยชุ่ยก้มหัวลงเตรียมประคองเยี่ยนเจาเจา แต่กลับเป็หนานิเหอที่ประคองคุณหนูของนางเข้าเรือนไปก่อนแล้ว ส่วนเยี่ยนเหิงที่เดินวนเวียบรอบตัวบุตรสาวก็ตามเข้าไปด้วย
องค์หญิงเรียกเฝ่ยชุ่ยเข้าไปในเรือนแล้วตรัสถามออกมา “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เฝ่ยชุ่ยเล่าว่าตอนที่อยู่ตำหนักฉางหยาง เยี่ยนเจาเจาไม่ระวังจึงถูกน้ำชาของฮองเฮาหกใส่ ทว่าเฝ่ยชุ่ยยืนห่างๆ ไม่ได้ตามปรนนิบัติ เลยไม่ได้ยินว่าเยี่ยนเจาเจากล่าวสิ่งใดกับฮองเฮา เห็นเพียงหนานิเหอถวายหยกพกชิ้นหนึ่งแก่พระองค์เท่านั้น
เมื่อได้ยินคำว่าหยกพก องค์หญิงก็พอจะเดาบางอย่างขึ้นมาได้
เยี่ยนเจาเจากำลังพักผ่อนอยู่ที่เรือนหิมะมรกต เยี่ยนเหิงเลยอยู่เฝ้านาง ส่วนหนานิเหอกลับโดนเรียกไปเรือนนภาคราม
เยี่ยนเจาเจาเองก็้าพูดคุยกระซิบกระซาบกับเยี่ยนเหิงอยู่พอดี นางจึงจงใจผลักไสสาวใช้ในเรือนทุกคนรวมถึงเสี่ยวชุ่ยออกไปข้างนอก
เมื่อปลอดคน นางก็ขยับเข้าไปกระซิบถามที่ข้างหูเยี่ยนเหิง “ท่านพ่อ ท่านรู้จักซ่งฝูจินไหมเ้าคะ?”
เยี่ยนเหิงขมวดคิ้ว ใบหน้าปรากฏความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “เ้าได้ยินนามนี้มาจากไหน?”
“วันนี้ท่านป้ากริ้วเพราะคนผู้นี้เ้าค่ะ”
เยี่ยนเจาเจาอิงตัวบนตั่งนุ่มพลางลอบสังเกตท่าทีของเยี่ยนเหิง ก่อนจะพบว่าไม่มีร่องรอยาแใดๆ บนใบหน้าเขาตามคาด มีเพียงรอยฟกช้ำบนมือข้างขวาที่เหมือนออกหมัดต่อยคนอย่างแรงจนมือถลอกเท่านั้น
ดูท่าท่านพ่อคงจะต่อยคนในวังเข้าจริงๆ
ที่ห้องทรงพระอักษร?
ต่อยใครกันนะ...
“...นางเป็สหายเก่าคนหนึ่งของข้า”
เยี่ยนเหิงถอนหายใจ
ทันใดนั้นเขาก็เหมือนนึกอะไรออกถึงได้ลุกพรวดขึ้นมา “ลูกข้าพักผ่อนให้สบาย ข้าจะไปหาแม่เ้าสักหน่อย”
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เยี่ยนเจาเจารู้สึกฉงนกับเื่นี้ยิ่งกว่าเดิม
ซ่งฝูจินผู้นี้เก่งกาจมาจากไหนกันแน่ เมื่อฮองเฮาและท่านพ่อได้ยินชื่อนางก็ล้วนหน้าถอดสี ต่อมายังยัดตนเองเข้ามาในจวนเยี่ยนอีก?
แล้วเหตุใดเยี่ยนเหิงที่มีนิสัยอ่อนโยนจึงลงไม้ลงมือกะทันหันเช่นนั้น?
ทว่านางไม่อาจปริปากถามคำถามเหล่านี้ออกมา ทำได้เพียงมองตามหลังเยี่ยนเหิงที่เดินจากไปอย่างรีบร้อน
เมื่อเยี่ยนเหิงมาถึงเรือนนภาคราม หนานิเหอก็เดินออกมาพอดี
เขาคารวะเยี่ยนเหิง ทว่าเยี่ยนเหิงกลับพยักหน้าลวกๆ แล้วเดินพรวดพราดเข้าเรือนไปหาองค์หญิงทันที
หนานิเหอหลุบตาลง ประกายคลุมเครือปรากฏในแววตาของเขาขึ้นมาชั่วครู่ เขาไม่ค่อยเห็นเยี่ยนเหิงกังวลขนาดนี้
เมื่อครู่องค์หญิงถามเขาเกี่ยวกับเื่ราวในวัง และเขาก็เล่าไปตามตรง
หลังเล่าจบองค์หญิงกลับตรัสเพียงสองคำ คือคำว่าเวรกรรม
เวรกรรม?
หนานิเหอพลันส่ายหัว จะเป็ชะตากรรมอะไรก็ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาไม่ชอบยุ่งธุระกงการของคนอื่น
โดยเฉพาะเื่คนในวัง
หนานิเหอสาวเท้าไปทางเรือนหิมะมรกตของเยี่ยนเจาเจา ก่อนจะปะทะกับหลานเล่อ เด็กรับใช้ของตนที่รีบเดินเข้ามา
หลานเล่อประคองมือของหนานิเหอ ฉวยโอกาสตอนทุกคนไม่สนใจ กระซิบว่า “นายน้อย นายท่าน...”
หนานิเหอยิ้มเย้ยหยัน และสะบัดมือเขาออก
เยี่ยนเจาเจาเอนนอนอยู่บนเตียงสี่เสา แม้ว่าแผลบนขานางจะหายเจ็บหลังทายา ทว่าในใจกลับทรมานราวกับกำลังโดนน้ำร้อนลวกแทน
ซ่งฝูจินคนนั้นคือใครกัน?
นางคิดในหัวเป็พันๆ ครั้ง แต่ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกร้อนใจมากเท่านั้น
นางกลัวว่าครอบครัวของตนเองจะเดินตามรอยเดิมในชาติก่อน ทั้งยังกลัวว่าท่านพ่อท่านแม่จะจากตนไปอีกหน
พลันแว่วเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก ตามด้วยกลิ่นใบไผ่อ่อนๆ อันเป็เอกลักษณ์ของหนานิเหอ แม้ว่ากลิ่นนี้ของเขาจะจมหายไปกับกลิ่นกำยานสาลี่เป็ดที่ตลบอบอวลทั่วห้องก็ตาม
“พี่ชายรอง” เยี่ยนเจาเจาซึมกะทือเล็กน้อย “ท่านมาได้อย่างไรเ้าคะ”
หนานิเหอห่มผ้าให้นาง ทว่าเมื่อหลุบตามองเห็นใบหน้าอ่อนเพลียของเยี่ยนเจาเจาก็อดถอนหายใจไม่ได้
หากเป็ไปได้ เขาอยากเอ่ยปากพูดยิ่งนัก
นางเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมแต่กลับไร้ทางระบาย
“พี่รอง ข้ากลัว”
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งหวาดกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิม ความเ็ปรวดร้าวในชาติก่อนกลายเป็แผลใจของนาง พอวันนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับความทุกข์ตรมในชาติที่แล้วปรากฏตัวขึ้นมา ใจนางจึงยิ่งทรมานแสนสาหัส
เชิงอรรถ
[1] โหม่วโหมว หมายถึง คำเรียกนางกำนัลรับใช้าุโที่เคยแต่งงานแล้ว หรือหญิงมีอายุ