--- ลลิน Talk ---
หลังจากที่งานรับปริญญาของฉันสิ้นสุดลง ป้านีกับพี่รามก็ได้พาฉันไปเลี้ยงอาหารเพื่อแสดงความยินดีต่อ โดยที่ครั้งนี้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมันช่างอบอวลเต็มไปด้วยความสุขเหมือนอย่างที่ฉันเฝ้าโหยหามาตลอดหลายปี มันเป็ความรู้สึกที่ฉันอยากจะเก็บเอาไว้ให้ตราบนานเท่านาน
แต่ทว่า...ฉันก็ยังคงเป็ฉันคนที่เ้าชะตาชีวิตไม่อาจปล่อยให้มีความสุขได้นาน เพราะทันทีที่ฉันกลับมาถึงบ้านป้านี ก็ได้มีสัมภเวสีมายืนรอขอส่วนบุญอยู่ก่อนแล้ว
‘มาได้สักทีนะย่ะ ปล่อยให้ฉันรออยู่ได้ตั้งนาน...หึ...นี่คงมัวแต่ไปแรด ๆ อยู่กับผู้ชายมาล่ะซิ ถึงได้กลับเอามาป่านนี้ รู้ไหมว่าฉันมารอแกทั้งวันแล้วนะ...ชิ’ เสียงแว้ดดังออกมาจากปากอดีตแม่เลี้ยงที่แสนน่ารังเกียจของฉันทันทีที่ฉันปรากฏตัว
ส่วนฉันที่ไม่สนใจกับพวกเปรตที่มาขอส่วนบุญพวกนี้อยู่แล้ว ก็เลือกที่จะเดินเลี่ยงเพื่อจะเข้าบ้านป้านีไป เพราะไม่อยากเผชิญหน้าหรือเสวนากับคนพวกนี้ให้เปลืองน้ำลาย
และในจังหวะที่ฉันกำลังจะเดินผ่านหน้าอดีตแม่เลี้ยงไป...
หมับ...!!
‘นี่แกจะไปไหนฉันยังพูดไม่จบ’ อดีตแม่เลี้ยงของฉันคว้าแขนพร้อมกับออกแรงกระชากฉันให้หยุดฟัง
ส่วนฉันที่ไม่พอใจคนตรงหน้าเป็ทุนเดิมอยู่แล้วนั้น ก็ได้ตวัดสายตามองกลับไปด้วยความไม่พอใจ
‘ปล่อยมือ...’ ฉันเอ่ยเสียงเย็น พร้อมกับฟันที่เริ่มขบแน่นเพราะรู้สึกเจ็บที่ถูกเล็บจิกลงไปในเนื้อแขน
‘พรุ่งนี้ไปเซ็นโอนบ้านให้ฉันด้วย’ คนที่กำลังประจันหน้านอกจากจะไม่ปล่อยแขนฉันแล้ว ยังจิกเล็บลงบนเนื้อของฉันแรงขึ้น ก่อนจะพูดเชิงออกคำสั่งอย่าง้าแสดงเจตนารมณ์ของตัวเอง ถึงสาเหตุที่มาดักรอเจอฉันในวันนี้
ด้วยความเจ็บและไม่พอใจที่เกิดขึ้น ทำให้ทั้งฉันและยัยอดีตแม่เลี้ยงต่างจ้องมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เพราะถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้อาลัยอาวรณ์ต่อบ้านหลังนั้นแล้ว แต่เมื่อตัวเองต้องมาโดนกระทำแบบนี้ ฉันชักไม่อยากจะไปเซ็นให้พวกมันซะแล้วซิ
และในจังหวะเดียวกัน ป้านีที่เห็นว่าสถานการณ์ระหว่างฉันกับอดีตแม่เลี้ยงชักเริ่มจะบานปลาย ท่านก็ได้เข้ามาไกล่เกลี่ยเพราะไม่อยากให้เป็เื่เป็ราวใหญ่โต
‘นี่ยุพินค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันก็ได้ วันนี้หนูลินเขาก็ไปทำธุระมาทั้งวันเหนื่อยจะแย่แล้วมีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะนะ’ ป้านีเอ่ยอย่างใจเย็นพร้อมกับเอื้อมมือไปแกะมือผู้หญิงคนนั้นให้ออกจากแขนฉัน
แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ฉันถึงกับเหลืออดก็เกิดขึ้นเมื่อนังอดีตแม่เลี้ยงของฉันได้ข้ามเส้นมาแตะต้องคนที่ฉันรักมาอย่างป้านี
‘พี่นี...ไม่ต้อง...เสือก...ได้ไหมคะ!!’
มันที่ได้พูดจาหยาบคายใส่หน้าผู้ใหญ่ที่ฉันเคารพรักอีกทั้งมองด้วยสายตาเหยียดหยาม การกระทำของมันก็ได้ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของฉันขาดลง
‘เอ๊ะ...นี่!! อย่ามาลามปามป้าของฉันนะ’ ฉันที่โมโหจนสะบัดแขนหลุดออกจากมือที่เป็เสมือนกรงเล็บ พร้อมกับเดินไปประจันหน้าอย่างไม่นึกเกรงกลัว โดยไม่ลืมที่จะดันให้ป้านีหลบไปอยู่ด้านหลังของตัวเองเพื่อความปลอดภัย
‘ฮ่าๆๆๆ ป้าเหรอ นี่แกโหยหาความรักความอบอุ่นจนถึงขนาดที่ต้องโร่มาขอเอาจากคนข้างบ้านเลยเหรอ แต่ก็อย่างว่าแหละนะ...มันก็ช่วยไม่ได้นี่เนอะ ก็ใครใช้ให้แกมันซื่อบื้อทิ้งให้พ่อแกให้โดดเดี่ยวจนไม่เหลือใคร จนต้องโซเซมาซบอกใหญ่ ๆ ของฉันเพื่อบรรเทาความเหงา แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณแกนะ เพราะไม่อย่างงั้นฉันคงไม่ได้มรดกเป็บ้านหลังโตหลังนี้หรอก ฮ่าๆๆๆ’ นังอดีตแม่เลี้ยงที่ไม่มีท่าทีสลดแถมยังพูดจาเย้ยหยันแทงใจดำ จนฉันอยากจะตะบันหน้าปลอม ๆ นั่นให้ซิลิโคนทะลุสักที
‘ปากมากแบบนี้ ฉันไม่มีอารมณ์ไปเซ็นโอนให้หรอกนะ’ ฉันที่ขบฟันแน่นด้วยความโมโหพูดขู่คนที่ยืนลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยออกไป พร้อมกับเบะปากใส่อย่างนึกรังเกียจ
ทันทีที่อดีตแม่เลี้ยงของฉันได้ฟังคำขู่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยซิลิโคนก็ถึงกับบิดเบี้ยวก่อนจะปรี๊ดแตกใส่ฉันทันที จากนั้นปากร้าย ๆ ของมันก็ได้พูดจาใส่ร้ายปรักปรำฉันด้วยถ้อยคำหยาบคายจนฉันรู้สึกขยะแขยงแทบอยากจะเอาน้ำยาฆ่าเชื้อล้างปากเน่า ๆ นั้นซะ
‘อ้าวอีนี่...กูว่าแล้วที่ทำเป็ลีลาไม่ยอมไปเซ็นให้กูสักที แท้ที่จริงแล้วมึงยังอยากอยู่บ้านหลังนั้นต่อใช่ไหม มึงอยากอยู่เพื่ออ่อยผัวกูต่อใช่ไหม...ห๊ะ...ใช่ไหม!!’
แต่ทว่า...ด้วยสถานการณ์แห่งาอารมณ์ที่ไม่มีใครยอมใคร หรืออาจจะเป็เพราะว่าด้วยวินาทีนั้นฉันเองก็เืขึ้นหน้าไม่ต่างกัน ทำให้ฉันเลือกที่จะพูดประชดประชันออกไป แม้ว่าฉันจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้นก็ตาม
‘แล้วยังไง...ถ้าฉันอยากจะอ่อยผัวแกขึ้นมาแล้วแกทำอะไรฉันได้เหรอ คิดดูซิว่าของใหม่ ๆ สด ๆ ซิง ๆ มันย่อมดีกว่าของที่เหี่ยวแห้งแร้งทึ้งปลอมั้แ่หัวจรด...แบบแกอยู่แล้ว’ ฉันที่สุดจะทนถึงกับผรุสวาทออกไปอย่างเหลืออด และไม่คาดคิดว่าตัวเองจะพูดจาหยาบคายได้มากขนาดนั้น
และด้วยคำพูดบวกกับท่าทางของฉันที่เปรียบเสมือนน้ำมันส่งไปสาดใส่คนตรงหน้าที่เป็ดั่งกองเพลิง ไฟโทสะที่โหมกระหน่ำขึ้นแผดเผาก็ทำให้คนตรงหน้าถึงกับปรี๊ดแตกเตรียมอาละวาดพุ่งตรงมาเพื่อจะทำร้ายฉันทันที...
‘นะ...นี่ไง นี่ไง มึงยอมรับแล้วใช่ไหมว่ามึงชอบผัวกูนะ...อีลิน’ นังแม่เลี้ยงของฉันที่ยังบ้าไม่ยอมหยุด ชี้หน้าแหกปากโวยวายพร้อมกับทำท่าจะเข้ามาทำร้ายฉัน จนชาวบ้านแถวนั้นทยอยกันออกมาดู
และก่อนที่เื่ราวจะบานปลายเลยเถิดไปมากกว่านี้ ก็เป็จังหวะเดียวกันกับที่พี่รามเพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จ ทำให้เขารีบเดินตรงมาที่ฉันยืนอยู่ด้วยความเป็ห่วงทันที
‘นี่...คุณครับกรุณากลับบ้านไปก่อนด้วยครับ อย่ามาสร้างความเดือดร้อนแถวนี้ ไม่งั้นผมจะแจ้งความนะครับ’ พี่รามฉอดใส่หน้านังอดีตแม่เลี้ยงของฉันทันทีพร้อมกับเดินเข้ามาบังฉันเอาไว้เพราะกลัวว่าฉันจะได้รับอันตราย
‘กะ...แกเป็ใคร มะ...มีสิทธิ์อะไรจะเรียกตำรวจมาจับฉัน’ ส่วนนังคนปากดีผีบ้าคนนั้น แม้จะยังทำเป็ปากเก่ง แต่ทว่า...ทีท่าและน้ำเสียงที่โต้ตอบกลับมา กลับมีความสั่นเครือเกรงกลัวอยู่อย่างปิดไม่มิด
‘จะเป็ใคร ก็เป็ของทนายของคุณลลินไงครับ’ พี่รามที่แกล้งโกหกออกไป เพราะถึงยังไงยัยอดีตแม่เลี้ยงของฉันมันก็ไม่รู้จักพี่รามอยู่ดี
และด้วยคำกล่าวอ้างบวกกับลักษณะท่าทางที่ดูภูมิฐานของพี่รามด้วยแล้ว ภาพรวมเ่าั้ก็ดูจะได้ผล เมื่อคนที่ถูกขู่เริ่มลังเลและแสดงอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คนที่ตอนแรกคลุ้มคลั่งเหมือนคนบ้าค่อย ๆ เดินถอยหลังละห่างออกไปจากวงสนทนา ก่อนจะหันหลังรีบจ้ำอ้าวเดินกลับบ้านไปอย่างไม่หันกลับมามองอีกเลย...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้