ในบรรดาคนเหล่านี้ ความคิดของอวิ๋นซีเอนเอียงไปทางโอวหยางเทียนหัว เพียงแต่แม่มายลี่เหนียงจื่อจะเป็คนของรัชทายาทจริงๆ น่ะหรือ? หรือว่าเื้ันางยังมีฐานะที่คนไม่รู้อยู่อีก? หากไม่ใช่เพราะรู้อยู่แล้วว่าสตรีผู้นี้ไม่มีอำนาจ ไม่มีใครคอยหนุนหลัง ซ้ำร้ายยังเสียสามีไปแล้วด้วย แต่ยังสามารถอาศัยอยู่ในเมืองหลวงได้ หากให้พูดตามจริงคงเป็ไปได้ยากที่จะไม่สงสัยลี่เหนียงจื่อ
วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งเข้าสู่ต้นเดือนสิบ ลี่เหนียงจื่อกลับมาที่จวนอ๋องแห่งนี้อีกครั้งพร้อมกับนำบรรดาอาภรณ์ที่ตัดเย็บเสร็จแล้วมาด้วย อวิ๋นซีให้คนรับรองอีกฝ่ายที่ห้องอุ่น เมื่อนางไปถึงก็เห็นคนสวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวอ่อนปักลายดอกหลันพร้อมห่มคลุมด้วยเสื้อคลุมกันลมบางๆ อีกชั้นหนึ่ง อวิ๋นซีส่งยิ้มให้ พูดว่า “เหตุใดลี่เหนียงจื่อจึงไม่พาบุตรสาวมาพบเปิ่นเฟยบ้าง? ”
ลี่เหนียงจื่อถึงกับอึ้งไปนิดๆ จากนั้นจึงยิ้มตอบ “บุตรสาวของหม่อมฉันร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เมื่อฤดูหนาวมาเยือน หม่อมฉันก็จะส่งนางไปอยู่เจียงหนานเพคะ ่ก่อนได้เดินทางไปยังเจียงหนานพร้อมแม่นม สาวใช้ และผู้คุ้มกันในจวนแล้ว หากว่าพระชายาอยากพบนางจริงๆ รอจนปีหน้าเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว หม่อมฉันจะพานางมาเข้าเฝ้าพระชายาเพคะ”
เมื่ออวิ๋นซีฟังถึงตรงนี้ก็ไม่คิดร้องขออีก นางมองเหล่าอาภรณ์ที่ทำเสร็จแล้ว อดยิ้มพยักหน้าด้วยความพอใจไม่ได้ “ไม่เสียทีที่เป็ลี่เหนียงจื่อจริงๆ ชุดเหล่าทำออกมาได้ดีมาก สีของอาภรณ์แต่ละแบบก็สวยใช้ได้ เปิ่นเฟยชอบมาก”
สำหรับชุดใหม่ทั้งหมดนี้มีราคาหนึ่งหมื่นตำลึง อวิ๋นซีให้คนไปนำเงินมาหนึ่งหมื่นสามร้อยตำลึง ซึ่งหนึ่งหมื่นตำลึงคือค่าผลงาน ส่วนอีกสามร้อยตำลึง อวิ๋นซีตั้งใจมอบให้บรรดาผู้ดูแลร้าน ลี่เหนียงจื่อยิ้มแย้ม และรับมาทั้งหมด โดยไม่แม้แต่จะปฏิเสธ
นางมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่จากไป ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น “อีหลันเซียง ช่างเป็สตรีที่โเี้จริงๆ ”
“พระชายา มีเื่อันใดเกิดขึ้นหรือเพคะ? ” อีหลันเซียงคืออะไร? หวนเอ๋อร์สงสัยยิ่ง มองอวิ๋นซีด้วยสายตาสงสัยแล้วจึงตัดสินใจเอ่ยถาม
ต้านีเอ๋อร์ที่ยืนอยู่อีกด้านเป็ฝ่ายกล่าวตอบ “อีหลันเซียงเป็เครื่องหอมที่ทำขึ้นด้วยการกลั่นดอกไม้สดชนิดหนึ่ง บนร่างนางทาอีหลันเซียง อีกทั้ง เมื่อครู่ยังได้กลิ่นหูเตี๋ยหลันด้วย สองสิ่งนี้เมื่อนำมารวมเข้าด้วยกัน จักมีฤทธิ์ทำให้คนไม่อาจรักษาครรภ์ไว้ได้”
อวิ๋นซียกนิ้วโป้งให้ต้านีเอ๋อร์พลางหัวเราะหึหึ “ไม่เสียทีที่เป็ลูกศิษย์ข้าอวิ๋นซี ลี่เหนียงจื่อผู้นี้รู้จักใช้เครื่องหอมมาทำให้คนแท้ง ดูท่า เราจะไม่อาจดูแคลนคนคนนี้ได้ นางนับเป็หุ่นเชิดตัวหนึ่งที่ร้ายกาจ”
เมื่อนางพูดจบ จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงโกรธเกรี้ยวของใครบางคนดังเข้ามา “เ้ารู้ทั้งรู้ว่าสตรีนางนี้จิตใจไม่บริสุทธิ์ แต่ก็ยังมีเวลามานั่งวิพากษ์วิจารณ์คนอยู่ตรงนี้อีก เหตุใดจึงไม่สังหารเสียเลยเล่า”
เงาร่างสีเงินผู้เป็เ้าของเสียงเดินผ่านประตูเข้ามา ผู้มาเยือนเป็ชายสวมหน้ากาก ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นของเขาปรากฏแววเกรี้ยวกราดชัดเจน อวิ๋นซีอมยิ้ม กล่าวตอบทันใด “หากให้ข้าสังหารคนโดยไร้ความผิด หลังจากนั้นเมื่อคนจากทางการมา จะให้ข้าบอกพวกเขาว่านางปองร้ายบุตรในครรภ์ข้าอย่างนั้นหรือ? อย่างไรเสีย ลี่เหนียงจื่อกับจวนหนิงอ๋องของข้าก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดต่อกันมาก่อน แล้วเหตุใดนางจักต้องมาปองร้ายข้าด้วย? หรืออาจารย์อยากจะให้ศิษย์บอกคนอื่นว่า ลี่เหนียงจื่อถือตนว่ามีรูปลักษณ์งดงามอยู่บ้าง คิดอยากจะปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องของข้า แต่กลับถูกข้าพบเข้าก่อน ข้าจึงได้สังหารนาง”
หลงฉินค่อยๆ พิจารณาคำพูดนั้นจนถี่ถ้วน ก่อนจะตกตะลึงไปด้วยรู้ว่าตนพูดผิดคิดผิด เขาแค่นเสียงเ็าพูดว่า “ต่อให้จะเป็เช่นนั้น แต่เ้าจะปล่อยสตรีนางนั้นไปง่ายๆ เช่นนี้มิได้ หึ คิดอยากจะแตะลูกศิษย์หลงฉิน ก็น่าจะตรองดูเสียบ้างว่าตัวนางมีสิทธิ์นั้นหรือไม่”
เมื่อพูดจบ เขาก็หันหลังมุ่งหน้าออกไปด้านนอกทันที แต่สุดท้ายเป็อวิ๋นซีที่สามารถฉุดลากคนไว้ได้ “อาจารย์ เื่นี้ ให้ศิษย์เป็คนจัดการเองเถิดเ้าค่ะ มือคู่นี้ของท่านใช้สำหรับดีดพิณ มิใช่ใช้เพื่อสังหารคน”
หลงฉินมองศิษย์ตน พูดขึ้น “มือคู่นี้ของอาจารย์มีไว้เพื่อฆ่าคนจริงๆ เช่นนั้น นับแต่วันนี้เป็ต้นไป อาจารย์จะสอนเ้าใช้เสียงดนตรีสังหารคน”
ดวงตาน้อยๆ ของอวิ๋นซีถึงกับเปล่งประกาย นางมองหลิงฉินพลางเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “อาจารย์ ท่านหมายความว่าจะยินยอมสอนท่าไม้ตายที่ทำให้ตัวท่านมีชื่อเสียงกับศิษย์หรือ สิ่งที่เรียกว่าการสังหารโดยใช้เสียงนั่นน่ะ? ” การสังหารด้วยเสียงของหลงฉิน? แค่คิดๆ ดูก็รู้สึกได้ว่ายอดเยี่ยม หากนางมีความสามารถนี้ ในวันหน้ายามที่นึกอยากจะสังหารคน ก็นับว่าง่ายดายขึ้นมาก ใช่หรือไม่
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็ยิ้มออกมา อีกทั้งใจยังอดไม่ได้ให้รู้สึกรอคอย
และด้วยเหตุนี้เอง หลังจากนั้นอวิ๋นซีก็ได้เริ่มเรียนทักษะสังหารด้วยเสียง เพียงครู่เดียวเวลาก็ล่วงเลยมาถึงปลายเดือนสิบเอ็ด ตอนนี้อวิ๋นซีตั้งครรภ์มาได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว ท้องของนางใหญ่โตเสียจนไม่เหมาะจะนั่งฝึกพิณ
อวิ๋นซีมองร่างอวบบวมของตนผ่านกระจกทองแดง ยามนี้ไม่เพียงรูปร่างที่เปลี่ยนไป แม้แต่เนื้อใต้คอก็เริ่มออกมาเป็ชั้นๆ แล้ว อีกทั้ง ่หลังมานี้จวินเหยียนก็กลับจวนน้อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ ในทุกค่ำคืนล้วนเป็นางที่หลับไปแล้ว เขาถึงกลับมา
หากไม่ใช่เพราะรู้สึกตัวขึ้นมากลางดึก จนได้พบสามีที่ยกชาอุ่นๆ มาให้ นางก็คงคิดไปแล้วว่า สามีของตนอาจถึงขั้นไม่กลับมาบ้านทั้งวันทั้งคืน นางถอนใจอย่างปลงๆ กับตัวเองอีกครั้ง “ลูกเอ๋ยลูก หลังจากที่แม่ตั้งครรภ์ รูปร่างแม่ก็อวบอ้วนไปทุกส่วน รอจนเ้าลืมตาดูโลก ตัวแม่ก็คงถูกบิดาเ้ารังเกียจไปโดยสิ้นเชิงแล้ว”
นางคิดทบทวนอยู่ในใจเสียจนก่อเกิดความหวาดกลัว ตอนนี้อาจารย์ไปจากเมืองหลวงแล้ว ส่วนท่านน้าหานอี้ก็ยิ่งไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด และนอกจากหลิ่วหว่านหรงที่มาเยี่ยมเยือนพูดคุยเป็เพื่อนตนอยู่วันสองวัน ก็ยากนักจะหาคนมาพูดคุยด้วยสักคน
“เปิ่นเฟยจะออกไปข้างนอก” อวิ๋นซีทนไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นพูด
เมื่อหวนเอ๋อร์และฉุนเอ๋อร์ได้ยินก็ใเสียจนหัวใจสั่นสะท้าน “พระชายา ยามนี้พระองค์ทรงพระครรภ์ได้เจ็ดเดือนกว่าแล้วนะเพคะ เมื่อคืนนี้ที่ด้านนอกยังมีหิมะตกด้วย ดังนั้น พระองค์จะเสด็จไปไหนตอนนี้ไม่ได้นะเพคะ”
หากพระชายาเป็อะไรขึ้นมา ต่อให้พวกนางจะมีสักสิบชีวิตก็ชดใช้ไม่พอ
“เปิ่นเฟยก็แค่จะไปกินข้าวเที่ยงที่หอเซียนเมาเมรัย ออกไปมองดูความครึกครื้นของตลาดด้านล่าง เปิ่นเฟยขอรับรองกับพวกเ้าว่าจะไม่ออกไปเดินเพ่นพ่าน” อวิ๋นซีมองหวนเอ๋อร์และฉุนเอ๋อร์สองสาวใช้ข้างกาย นับั้แ่ที่เพ่ยเอ๋อร์และเซียงเอ๋อร์ รวมถึงเตี๋ยอีไปเขาอู่ไถ ข้างกายนางก็เหลือแค่สาวใช้สองคนนี้เท่านั้น ส่วนหมัวมัวอะไรนี่ นางไม่สนิทใจจะใช้งานมาโดยตลอด
สุดท้ายอวิ๋นซีก็ใช้ฝีมืออันเด็ดขาดบังคับสาวใช้ออกมาจากจวนอ๋องจนได้ ครานี้นางไม่ได้ออกไปเดินเที่ยวเล่น เพียงแต่เปิดห้องพิเศษที่ชั้นสองของหอเซียนเมาเมรัยไว้ เพื่อใช้สอดส่องผู้คนที่เดินไปเดินมาอยู่เบื้องล่าง
“พวกเ้าว่า เมื่อใดกันที่เปิ่นเฟยจะสามารถปล่อยเ้าเด็กคนนี้ออกไปได้เสียที เมื่อใดถึงจะสบายตัวขึ้นอีกหน่อย” นางค้นพบว่าท้องของตนไม่ได้ใหญ่โตอย่างปกติ นางสงสัยจริงๆ ว่า ตอนนั้นที่หลิ่วเซิงตรวจพบว่าเป็ลูกชาย คนจักต้องเข้าใจผิดเป็แน่
นางเชื่อว่าเป็ไปได้แปดเก้าส่วน ยามตั้งท้องลูกชาย รูปร่างมารดาจักผอมเพรียว แต่ตอนนี้ตัวนางกลับอ้วนจนจะกลายเป็หมูตัวหนึ่ง ท้องใหญ่ๆ นั่นมองครั้งใดยังทำให้คนใ ดังนั้น จึงเป็ไปได้แปดเก้าส่วนว่าในท้องนี้แท้จริงแล้วจะเป็หญิง เพราะท้องลูกสาวอยู่ ร่างกายของนางถึงได้อ้วนฉุเช่นนี้
ในตอนนี้เอง จู่ๆ ประตูห้องส่วนตัวก็ถูกคนเตะเปิดออก อวิ๋นซีใ นางหันกายไป และได้เห็นว่านอกห้องนั้นมีชายอายุยี่สิบกว่าปียืนอยู่ สีหน้าท่าทางโอหังยิ่ง ขณะเดียวกันผู้ดูแลร้านเองก็กำลังยืนอยู่ข้างกายเขาพลางพูดพร่ำไม่หยุด “นายน้อยิหลัน ที่นี่มีคนจองแล้วจริงๆ ให้ข้าพาท่านไปยังห้องพิเศษห้องอื่นดีหรือไม่ขอรับ”
“ไสหัวไป ก็แค่เื่เงิน ตัวข้านี้ไม่เคยขาดเงิน ดังนั้น จะมาที่นี่ไม่ได้เชียวหรือ” เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบตั๋วเงินออกมาปึกหนึ่งแล้วโยนไปใส่ร่างของผู้ดูแลร้าน “ตอนนี้ เ้าก็ไล่คนเหล่านี้ออกไปให้ข้าได้แล้ว”