หลิ่วจิ้งตื่นใยิ่ง!
ไม่ว่าอย่างไรนางก็มาแต่งงานแทนในนามขององค์หญิงผู้สูงส่งแห่งแคว้นต้าเว่ยแคว้นเล็กๆ เช่นแคว้นชางอี้กลับกล้าเสียมารยาทกับตนถึงเพียงนี้!
ดูท่าว่าจะเป็ดังที่นางคาดไว้จริงๆ ว่าั้แ่แรกที่แคว้นชางอี้เสนอเื่ขออภิเษกก็ไม่เคยคิดจะสานไมตรีกับต้าเว่ยเพื่อให้สองแคว้นปรองดองกันอย่างสุขสงบจริงๆหากแต่้าใช้การแต่งงานเป็ข้ออ้าง เพื่อจะได้ลบหลู่องค์หญิงแห่งต้าเว่ยและลบหลู่แคว้นต้าเว่ยเท่านั้น!
หลิ่วจิ้งอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หงฉางที่ยืนอยู่ข้างนางก็ต้องตกอกใเพราะผู้สำเร็จราชการผู้นั้นไปด้วย
นึกไม่ถึงว่ากษัตริย์แห่งชางอี้จะเป็ดังในคำร่ำลือจริงๆทั้งเหลวแหลก เลอะเลือน โฉดเขลา และไร้ความสามารถ!
แต่ว่าคราวนี้จะทำอย่างไรดี?
หงฉางเงยหน้าขึ้น มองไปทางหลิ่วจิ้งที่อยู่ในอาการสงบเยือกเย็น
ทันใดนั้นก็เห็นว่านางยกมือเพื่อเปิดผ้าแพรคลุมหน้าเ้าสาวบนหัวตนเองขึ้นเผยใบหน้าอันแสนงดงามตรึงตรา ผู้คนข้างล่างแท่นที่นั่งอยู่อดร้องออกมาด้วยความตื่นตะลึงไม่ได้
แม้แต่ผู้สำเร็จราชการที่อยู่บนเก้าอี้เองพริบตาก่อนยังด่าทอด้วยโทสะอยู่เลย แต่บัดนี้กลับเปลี่ยนมามีสีหน้าแห่งตัณหาและความเคลิบเคลิ้มเสียแล้ว
ทั่วป๋าเจิ้งพลันลุกขึ้นยืนผลักนางระบำที่อยู่ข้างกายออกไปแล้วเดินเข้าหาหลิ่วจิ้งเขายังไม่ทันเข้าไปใกล้ก็มีกลิ่นสุรานมม้ารุนแรงลอยมาแต่ไกล หลิ่วจิ้งขมวดคิ้วมองเขาพลางว่า “กษัตริย์แห่งชางอี้เพคะ แคว้นต้าเว่ยของหม่อมฉันเคารพพระองค์ให้เกียรติพระองค์แล้วเหตุใดพระองค์ทรงปฏิบัติกับหม่อมฉันเช่นนี้?”
น้ำเสียงของนางก้องสะท้อนประหนึ่งบทประพันธ์สละสลวยทรงพลังที่เปล่งออกมาในค่ำคืนมืดมิดดังสีของน้ำหมึก
หั่วอี้นั่งอยู่ข้างล่างแท่นยิ่งมีท่าทีรุ่มร้อนดังไฟสุมเข้าไปทุกที
อาเหมิ่งต๋าไม่รู้ว่าหั่วอี้เป็อะไรไปยังหลงนึกว่าเขาท้องเสียเสียอีก จึงขยับเข้าไปสอบถามอย่างเป็ห่วงว่า “พี่ใหญ่ท่านเป็อะไรไป? หรือว่ากินของผิดสำแดงจนท้องไส้ปั่นป่วน? จะให้ข้าเรียกพี่น้องสองคนประคองท่านออกไปพักผ่อนก่อนดีหรือไม่?” เขาเห็นว่าคืนนี้หั่วอี้ไม่เพียงมีท่าทีลุกลี้ลุกลนเท่านั้นแม้แต่สายตาก็ยังดูแปลกไปอีกด้วย
หน้าตาของหั่วอี้ดำทมึน ซัดหมัดชกเขาทันใด “หุบปากหากมิใช่เพราะเ้าะโเสียงดัง ฝ่าาก็จะไม่ทรงเข้ามาร่วมวงด้วย!”
อาเหมิ่งต๋าคลึงหน้าอกที่เ็ปเพราะถูกชกมาโดยมิได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลยแม้แต่น้อยเอ่ยเสียงเบาไปว่า “แต่ว่าพี่ใหญ่ข้าก็นึกว่าท่านอยากจะเห็นองค์หญิงแห่งต้าเว่ยนั่นเต้นระบำด้วยเสียอีกข้าถึงได้พูดไปน่ะ” ข้าทำไปเพื่อท่านทั้งนั้น… น่าเสียดายอีกครึ่งประโยคหลังอาเหมิ่งต๋าไม่กล้าพูดออกไป เพราะแววตาของหั่วอี้กำลังสังหารเขาจนกลายเป็จุณแล้วเขาจึงได้แต่เอามือปิดปากไม่พูดสิ่งใดต่อแต่โดยดี
ทั่วป๋าเจิ้งย่างสามขุมเข้ามาตรงหน้าหลิ่วจิ้งหลิ่วจิ้งเงยหน้าขึ้นมอง กลับพบว่าความสูงของคนผู้นี้ต่างกับตนไม่มาก กระทั่งเขาเองยังไม่สูงเท่านางเสียด้วยซ้ำแต่นางก็ไม่ได้แสดงสีหน้าดูแคลนแต่อย่างใด กลับเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “กษัตริย์แห่งชางอี้พระองค์ทรงพระปรีชาหม่อมฉันเชื่อว่าพระองค์คงไม่ทำให้ผู้คนตั้งมากมายข้างล่างต้องหมดสนุกเพียงเพราะเื่ขัดใจเล็กน้อยในคืนนี้หรอกกระมังเพคะ?” นางกระพริบตาปริบๆ ให้เขา
หั่วอี้คอยจับตาดูนางจนเรียกว่าไม่วางตาเลยแม้สักน้อย
ยามนี้เขาเห็นว่าใน่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานสตรีอ่อนแอเช่นนางกลับยอมสละตนเองเพื่อปกป้องบ้านเกิดจึงอดรู้สึกนับถือนางอยู่ในใจขึ้นมาหลายส่วนไม่ได้นางมีสติปัญญารู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ต่อให้ในชางอี้เองก็นับว่าไม่มีบุรุษน้อยคนนักที่จะทัดเทียมนางได้
คิดถึงตรงนี้ หั่วอี้พลันพบว่าเขาให้ความชื่นชมสตรีต้าเว่ยผู้หนึ่งมากกว่าทุกสิ่งที่เขาเคยพบเห็นมาในชีวิตจึงอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่า ที่ตนเองชื่นชมนางเช่นนี้ เขายังคงคือหั่วอี้นายทัพผู้ห้าวหาญองอาจแห่งชางอี้ ผู้ซึ่ง ‘หนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่าน’ อยู่อีกหรือไม่
ทั่วป๋าเจิ้งจับจ้องไปที่หลิ่วจิ้ง กำลังจะพุ่งตัวไปโอบนางแต่กลับต้องชะงักนิ่งอยู่กับที่เพราะเสียงกระแอมของผู้สำเร็จราชการที่อยู่ข้างหลัง
“ฝ่าาทรงรีบกลับไปที่บัลลังก์เสียดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ อย่าได้ทำเื่ให้เสียเกียรติชางอี้ของเรา!”น้ำเสียงของเขาไม่ได้มีความเคารพทั่วป๋าเจิ้งในฐานะกษัตริย์เลยแม้แต่น้อยแม้เขาจะมีฐานะยิ่งใหญ่เป็ถึงพระอนุชาที่คอยดูแลแคว้นแต่หลิ่วจิ้งก็ยังคิดว่าเขาไม่ควรมีท่าทีเช่นนี้
ทุกสิ่งที่ได้เห็นท่ามกลางความซับซ้อนทั้งมวลล้วนคล้ายกับกำลังชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญข้อหนึ่ง
นั่นก็คือ ผู้ที่ควบคุมแคว้นชางอี้ตัวจริง ไม่ใช่กษัตริย์ทั่วป๋าเจิ้งหากแต่คือผู้สำเร็จราชการ ทั่วป๋าฉาง!
หลิ่วจิ้งอดจะใจนพูดไม่ออกไม่ได้ที่แท้แล้วความยอกย้อนของการเมือง ก็เป็เื่ที่สตรีผู้อยู่กับเหย้าเฝ้าเรือนเช่นนางยากจะเข้าใจได้ถ่องแท้
เวลานี้นางอดคิดถึงสิ่งที่บิดาเคยกำชับกับตนไว้ครั้งยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ว่าการได้เกิดมาเป็สตรีนับว่าเป็วาสนาอันใหญ่หลวงที่สุดที่พ่อแม่สามารถมอบให้เ้าได้หนทางต่อไปข้างหน้าจะต้องเดินไปอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ตัวเ้าเองแล้ว
ครั้งนั้นหลิ่วจิ้งจะสามารถเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงที่อยู่ในคำพูดนี้ได้ที่ใดกันนางรู้สึกแต่ว่าบิดามิได้อ่อนโยนรักใคร่บุตรธิดาเทียบเท่าผู้อื่นวิธีที่เขาปฏิบัติกับนางแต่เล็กมาก็คือเื่ใดควรตีเื่ใดควรต่อว่าเขาไม่เคยมือไม้อ่อนแม้แต่ความสงสารสักน้อยก็ยังหาไม่พบ
นางยังเคยโกรธเคืองบิดาตนด้วยเื่นี้อยู่่เวลาหนึ่งด้วยเมื่อคิดมาถึงยามนี้ ที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดในตอนนั้นเขาจึงพูดเช่นนี้และเหตุใดจึงได้เข้มงวดกับนางอย่างหนักมาั้แ่เล็กต้องเป็เพราะไม่้าให้ตนเองกลายเป็คนโฉดเขลาไร้ความสามารถกระมัง?
ต้นไม้อยากสงบ หากลมไม่ยอมหยุด บุตรธิดาอยากเลี้ยงดูหากบิดามารดาอยู่รอไม่ถึง คนโบราณว่าไว้ไม่โกหก
ทั่วป๋าเจิ้งเก็บมือกลับไปทั้งที่ยังคงมองหลิ่วจิ้งอย่างลุ่มหลงนักแต่ที่สุดก็ยังต้องเดินจ้ำกลับไปยังที่นั่งของตนเพียงแต่คราวนี้เขาออกแรงจับแขนนางระบำมากกว่าเดิมอีกหลายเท่ารอยยิ้มบนใบหน้าก็กลับกลายเป็ความดุร้ายน่ากลัว
นางรำที่ถูกเขาบีบแขนจะแทบจะหักต้องเอ่ยเสียงเบาว่า“ฝะ..ฝ่าาเพคะ พระองค์ทำหม่อมฉันเจ็บแล้วเพคะ”
ทั่วป๋าเจิ้งถีบนางอย่างสะเปะสะปะไปหนหนึ่งด้วยความรำคาญใจ“ของไม่ได้ความ! รีบไสหัวไป!”
นางระบำคนนั้นถูกเขาถีบจนตกลงมาจากแท่น หน้าทิ่มพื้นดินสีเหลืองยามขึ้นเวทีใบหน้านางช่างเย้ายวนชวนหลงใหล แต่เวลานี้กลับอยู่ในสภาพน่าอนาถนักนางรีบจัดแจงเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อยก่อนจะวิ่งเข้าไปหลบอยู่ท่ามกลางผู้คนที่กำลังพากันหัวเราะเยาะยกใหญ่
หลิ่วจิ้งมองดูร่างของนางวิ่งหลบไปอย่างรวดเร็วพลันเกิดความกังวลขึ้นมาในใจ หรือว่าชะตาของตนในวันหน้า ก็จะเป็เช่นเดียวกับนางหลังจากให้คนเหย้าหยอกตามใจแล้วก็จะถูกเขาถีบออกมา?
นางขบฟันไม่กล่าวอะไร
ทั่วป๋าฉางหรี่ตามองทางนาง หัวเราะเย็นหนหนึ่ง แล้วเอ่ยคำอีกครั้ง“ในเมื่องค์หญิงแห่งต้าเว่ยไม่ยินยอมแสดงระบำให้ชางอี้แคว้นเล็กๆ ของเราชม เช่นนั้นก็ขอให้ฝ่าาพระราชทานนางเป็ของกำนัลให้แก่เหล่าทหารแห่งชางอี้ของเราที่กรำศึกมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเถิดเพื่อเป็ขวัญและกำลังใจ นี่มิใช่เป็เื่ที่น่ายินดีหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
หงฉางต้องสูดหายใจลึกด้วยความตื่นกลัวทั้งกำมือหลิ่วจิ้งเอาไว้จนแน่น
“องค์หญิงเพคะ พวกเราจะทำเช่นใดดีเพคะ?”
ทั่วป๋าเจิ้งได้ฟัง สีหน้ารำคาญใจเมื่อครู่นี้ก็เปลี่ยนไปในทันทีตบมืออย่างแรง ร้องขึ้นว่า “ดีๆๆ! ความคิดของเ้าช่างดีนัก!เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน!”
คนข้างล่างเวที ยิ่งอลหม่านกันเข้าไปอีก
เหล่าแม่ทัพและทหารหลายคนเอาฝ่ามือถูหมัดด้วย้าจะขึ้นมาต่อสู้บนเวทีทั้งจ้องเขม็งมาที่หลิ่วจิ้งั้แ่หัวจรดเท้าั้แ่ซ้ายไปจนขวาดังสุนัขป่าแสนหิวโหยก็ไม่ปานอย่างกับว่านางกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คนด้วยร่างเปล่าเปลือยไร้อาภรณ์ปิดกายรอคนที่เหมาะสมเข้ามาแบ่งเอานางไปกิน
สถานการณ์เช่นนี้ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน!
“ฝ่าา!มิสู้พระราชทานองค์หญิงแห่งต้าเว่ยผู้นี้ให้กระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
หั่วอี้ยืนขึ้น เอ่ยปากด้วยเสียงดังกังวานราวกับจงใจจะให้ทุกคนในที่นั้นล้วนได้ยินว่าเขาจะต้องได้ตัวองค์หญิงแห่งต้าเว่ยผู้นี้มาให้จงได้
“ดูสิ แม้แต่แม่ทัพหั่วอี้ก็ยังเริ่มจะสนใจสตรีผู้นี้ขึ้นมาแล้ว!”เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงเซ็งแซ่มาจากท่ามกลางผู้ชน
__________________________