เฉินเต๋อไห่เรียกได้ว่าเป็บุคคลระดับสูงในเมืองจงไห่ สมัยก่อนย้อนกลับไปสมัยที่เขายังเป็คนหนุ่มอนาคตไกล เขาเดินทางมาจากตอนเหนือเพื่อแสวงโชคในเมืองจงไห่ ในขณะที่กำลังมองหางานอันรุ่งโรจน์อยู่นั้น หัวหน้าแก๊งใต้ดินเล็กๆ คนหนึ่งมองเห็นบางอย่างในตัวของเขาและรับมาเป็ลูกน้อง จากนั้นเขาก็ไต่เต้าจนกลายเป็มือขวาหัวหน้าแก๊งผู้นั้น
วิธีการของเฉินเต๋อไห่นั้นดุร้ายยิ่ง ดูเหมือนว่าความโเี้ของเขามีมาั้แ่กำเนิด เพียงไม่กี่ปีแก๊งเล็กๆ กลุ่มหนึ่งกลับขยายจนเป็แก๊งใหญ่ในเขตตะวันตก เปรียบได้กับสตาร์ทอัพดาวรุ่งพุ่งแรงที่มีอัตราการเติบโต 1,500%
สิบปีผ่านไปไวเหมือนโกหก เฉินเต๋อไห่ประกายตาเจิดจ้า เขาร่วมมือกับซีถูิซื่อ ซึ่งคือพ่อแท้ๆ ของเฉียงเวย หักหลังหัวหน้าตัวเองและกลายมาเป็กำลังสำคัญให้ซีถูิซื่อ
เพราะเฉินเต๋อไห่ควบคุมกำลังพลสำคัญทั้งหมดของหัวหน้าเก่าเอาไว้ ทำให้เมื่อเขาเข้ายึดอำนาจ จึงแทบไม่มีคนคัดค้านต่อต้าน และหลายคนยังสนับสนุนเขาเนื่องจากหวังตำแหน่งสำคัญ
เรียกได้ว่าถ้าไม่มีเฉินเต๋อไห่ การที่พันธมิตรตะวันตกจะกลายมาเป็ผู้นำของเขตตะวันตกยังต้องใช้เวลาอยู่หลายปี และหลายคนมักพูดว่าเฉินเต๋อไห่เปรียบดั่งอู๋ซานกุ้ยคนที่สอง ที่ปล่อยให้แมนจูเข้ายึดครองราชวงศ์ิ
แม้จะมีเสียงซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเฉินเต๋อไห่ภายในพันธมิตรตกวันตก แต่เฉินเต๋อไห่นั้นเป็คนสำคัญในพันธมิตร และซีถูิซื่อยังปฏิบัติกับเฉินเต๋อไห่อย่างดียิ่ง ความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจเกินเลยถึงขั้นไม่ธรรมดา
ขณะที่หยางเฉินกำลังอ่านข้อมูลของเฉินเต๋อไห่ เขารู้สึกว่าความทะเยอทะยานและความโเี้ต่างรวมอยู่ในตัวคนผู้นี้ เพิกเฉยต่อศีลธรรมและจริยธรรม ทุกสิ่งที่เขาทำเพียงเพื่อความก้าวหน้าและไม่สนวิธีการ
หากไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น คนอย่างเฉินเต๋อไห่อาจต้องมีชีวิตไปอีกนาน เพราะเขาจะทรยศทุกคนและไม่ให้ใครมาทรยศเขาได้
"ช่างน่าสงสาร แกให้ชีวิตตัวสารเลวตัวหนึ่ง" หยางเฉินพึมพำเบาๆ ปิดแล็ปท็อป และจดจำรายละเอียดต่างๆ ที่เฉียงเวยส่งมาให้
ณ ใจกลางเมืองยามค่ำคืน แสงไฟทอดยาวไกลออกไป แตกต่างกับถนนย่านชานเมือง ครึ่งชั่วโมงต่อมาหยางเฉินหยุดรถ BMW ของเขาข้างสวนสาธารณะย่านชานเมือง บ้านพักส่วนตัวของเฉินเต๋อไห่อยู่ห่างออกไปราวหนึ่งกิโลเมตร ถ้าหากเขาจอดรถใกล้เกินไปอาจเป็ที่สงสัยได้
หยางเฉินเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็เสื้อแขนสั้นสีดำรัดรูป และกางเกงสีดำน้ำตาล เมื่อลมเย็นพัดผ่านไป หยางเฉินยืดกล้ามเนื้อ เสียงกระดูกและเส้นเอ็นเสียดสีลั่นอย่างเกรี้ยวกราด
"ฮู่ว..." หยางเฉินสูดหายใจและพ่นออกมาลากยาว เขาเงยหน้ามองดวงจันทร์ด้วยรอยยิ้มผ่อนคลาย
"โชคดีจริงๆ ดูเหมือนจะยังไม่ขึ้นสนิม"
หลังจบคำร่างหยางเฉินพลันหายลับไป และปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งไกลออกไปหลายสิบเมตรเหนืออะพาร์ตเมนต์
ร่างของเขาปราดเปรียวดั่งเสือดาว ะโจากดาดฟ้าหนึ่งไปอีกดาดฟ้าหนึ่งมุ่งหน้าไปยังบ้านพักสว่างไสวริมแม่น้ำ
ราวสองนาทีต่อมา หยางเฉินหมอบอยู่บนต้นไม้สูงราวสามสิบเมตรด้านหน้าของเขาเป็บ้านพักของเฉินเต๋อไห่ เนื้อที่บริเวณบ้านนั้นกว้างขวาง กว่าแปดร้อยตารางเมตร และอาคารสูงใหญ่กว่าห้าชั้น
ตามข้อมูลที่ได้รับมา ภรรยาของเฉินเต๋อไห่เสียชีวิตเพราะมะเร็งเต้านมหลังจากให้กำเนิดเฉินเฟิงได้ไม่นาน อาคารขนาดใหญ่โตนี้อยู่อาศัยเฉพาะพ่อและลูกชาย รายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ด หนาแน่นดั่งป้อมปราการศึก
หยางเฉินมองไปที่ประตูบานใหญ่ ซึ่งมีชายชุดดำแปดคนยืนออกันอยู่ประตูนี้เป็ทางเข้าหลัก และรอบๆ ก็มีชายชุดดำอีกหลายคนเดินตรวจตราไปมา
หยางเฉินไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่า บอดี้การ์ดมีเพียงเท่านี้ อยู่เหมือนว่ากำลังหลักจะคอยปกป้องเฉินเต๋อไห่ และลูกชายอย่างใกล้ชิด การแทรกซึมเข้าไปในบ้านไม่ใช่เื่ยากสำหรับหยางเฉิน แต่นี่ไม่ใช่จุดมุ่งหมายของเขา หยางเฉิน้ารู้ตำแหน่งของเฉินเต๋อไห่และลูกชาย เขาคงต้องใช้วิธีถามใครสักคน
รวดเร็วดั่งความคิดหยางเฉินปรากฏตัวอีกทีหน้าประตูบานใหญ่ ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
"หยุด แกเป็ใคร! แกรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?" ชายร่างั์คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็หัวหน้าะโถามเสียงเหี้ยม หยางเฉินไม่ตอบ เท้าเคาะพื้นเบาๆ ร่างลอยละลิ่วเหมือนลูกศรพุ่งเข้าหาชายแปดคนนั้น
ทั้งแปดไม่ทันได้ตอบสนอง ปืนในอกเสื้อกลายเป็ของไร้ประโยชน์ หนึ่งในนั้นยกการ์ดขึ้นต้านรับ แต่ก็ถูกหมัดหยางเฉินซัดเข้าไปเต็มเปาจนรู้สึกเหมือนปอดฉีก หัวใจแหลกเหลว กระดูกทั่วร่างแตกละเอียดเป็เม็ดทราย
หากมีใครมองจากที่ไกลตา จะเห็นการเคลื่อนไหวของหยางเฉินฉีกกฎแรงโน้มถ่วงของนิวตันโดยสิ้นเชิง เขาจัดการคนทั้งแปดขณะลอยอยู่บนอากาศ และหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศา คล้ายพายุทอร์นาโดสีดำสนิท แขนขาทั้งสองข้างประเคนใส่ทั้งแปดคน
ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงพริบตา ชายทั้งแปดไม่ทันได้ตอบโต้ พวกมันต่างง่วงนอนโดยฉับพลัน ทั้งนี้เป็เพราะว่าอวัยวะทั่วร่างต่างร่ำร้องเ็ปอยู่ภายใน
ชายร่างั์ที่เป็หัวหน้า รู้สึกได้ว่ากระดูกแขนของมันล้วนแตกหัก มันรับรู้ได้ทันทีที่ว่ามันได้เจอกับผู้มีความสามารถอันสูงส่ง มันไม่กล้าแม้แต่จะต่อต้าน ภายใต้เหงื่อเย็นเยียบมันพยายามจะกดปุ่มวิทยุสื่อสารด้วยแรงอันน้อยนิด เพื่อเตือนภัยให้ทุกคนทราบ
ดังคาดคล้ายดั่งฉากในภาพยนตร์ ใครบางคนที่สวมรองเท้านักกีฬา เตะเข้าที่แก้มของมัน และทำลายวิทยุสื่อสารแหลกเป็ชิ้น เืของมันไหลเป็โลหิต ออกทางตาจมูกปาก ศีรษะกระแทกพื้นบอกไม่ได้ว่าเป็หรือตาย
อีกเจ็ดคนที่เหลือเห็นฉากสยดสยองนี้ ความกลัวเริ่มคืบคลานครอบงำจิตใจ ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับรอยยิ้มผู้นี้ เปรียบดั่งมัจจุราชจากนรก รอยยิ้มทั้งหมดล้วนหลอกลวง มันเป็รอยยิ้มของปีศาจโดยแท้จริง
ทั้งเจ็ดที่ตั้งใจจะแจ้งผู้บุกรุกต่างหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ และไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
หยางเฉินพอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้สึกผิดใดๆ ต่อผู้คนที่เขาฆ่าไป จำนวนคนที่เขาจัดการไปสูงเท่าหอเก๋งเสียดฟ้า
"ฉันกำลังรีบ ดังนั้นจะไม่มัวเสียเวลากับพวกแก ฉัน้ารู้ที่อยู่ของเฉินเต๋อไห่ และเฉินเฟิง ถ้าพวกแกพูด พวกแกสามารถจากไปได้ แต่ถ้าพวกแกไม่พูด ฉันจะทำให้พวกแกจากไป"
ด้วยน้ำเสียงสบายๆ คล้ายขอบุหรี่มวนหนึ่งจากสหายที่ไม่รู้จักมาก่อน แต่คำว่า 'จากไป' ที่พวกมันได้ยินเปรียบเหมือนเสียงจากยมทูต