เวียงพิงค์.....
“วันนี้พอแค่นี้ครับ พรุ่งนี้เราค่อยมาเจอกันใหม่”พี่พลเอ่ยขึ้นพลางยิ้มให้พวกเราที่นั่งอยู่บนพื้นทรายกลางทะเลตอนนี้เป็เวลาสองทุ่มแล้ว เราลงมาเล่นเกมส์รับน้องปีหนึ่งที่หน้าชายหาดั้แ่บ่ายโมง เราแบ่งทีมเล่นบาสเกตบอลชายหาดกันโดยแบ่งข้างให้พวกเราหาคู่กับพวกพี่ๆปีสองซึ่งฉันจับได้พี่คอปเตอร์ ทีมเราสองคนชนะมาและพรุ่งนี้คือพวกเราต้องหาพี่รหัสให้เจอ โดยที่ฉันได้คำใบ้ว่า หล่อละมุน
“ฝันดีครับน้องๆ”พี่พายุเอ่ยขึ้นและเขาก็มักจะชำเลืองมองมาทางฉันตลอด
“ขอให้น้องๆนอนหลับพักผ่อนกันให้สบายเพราะพรุ่งนี้เราจะมาลุยงานต่อเพื่อหาพี่รหัสของตัวเองให้เจอ โดยพวกพี่จะให้เวลาเพียงถึงเที่ยงของวันพรุ่งนี้ พวกน้องๆทุกคนต้องหาพี่รหัสตัวเองให้เจอ และถ้าหาไม่เจอน้องคนนั้นก็จะโดนทำโทษนะครับ”พี่แม็กเอ่ยขึ้น ฉันกับไต้ฝุ่นหันมองหน้ากันทันทีอย่างนึกเสียวขึ้นมากับการหาพี่รหัสในครั้งนี้
“จะหาเจอได้ไงวะ ยากจะตาย ชอบผู้ชาย”ไต้ฝุ่นบ่นขึ้นและเบะปากไปทางพี่ว๊ากปีสามที่ยืนกอดอกคลุมแถวพวกเราอยู่ข้างๆ ฉันเพิ่งรู้ว่าพี่พลเองก็เป็พี่ว๊ากเหมือนกันนะ แถมโหดโคตรๆๆด้วยนะ
“ชอบผู้ชาย? ”ฉันเอ่ยถามไต้ฝุ่นไปด้วยความสงสัย ไต้ฝุ่นเองก็หันหน้ามาหาฉันพลางชูกระดาษคำใบ้ของพี่รหัสของเธอให้ฉันดู
“ใช่ไงหนูผิง ฉันเครียดอยู่เนี่ย พี่รหัสฉันสามารถเป็ผู้หญิงก็ได้หรือจะเป็ผู้ชายก็ได้ใช่ป่ะ คำใบ้โคตรยากอ่ะชอบผู้ชาย อย่าให้หาเจอนะ ฉันจะเขกกระบาลอีพี่รหัสบ้านี้สักที!!”ไต้ฝุ่นเอ่ยขึ้นพลางมองตรงไปข้างหน้าและชูกำปั้นขึ้น ฉันยกมือลูบหน้าผากตัวเองอย่างอัตโนมัติด้วยความเสียวและรู้สึกเจ็บแทนพี่รหัสของไต้ฝุ่น เพราะมือเธอหนักมาก
“อืม ยากจริงๆด้วย ของเราหล่อละมุน”
“หล่อละมุน หมายถึงผู้ชายที่แสนดีอบอุ่น พูดจาไพเราะอะไรทำนองนี้ป่ะ? ”ไต้ฝุ่นว่าพลางทำหน้าคิดและหันมาขอความคิดเห็นจากฉัน ฉันจึงส่ายหัวไปมาในเธอแทนคำตอบ เพราะฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหล่อละมุนคือผู้ชายแบบไหน
“เห้อ หนูผิงแล้วเธอจะรู้ไหมเนี่ย ไม่เป็ไรเราสองคนจะโดนทำโทษเป็เพื่อนกัน”ไต้ฝุ่นพูดขึ้นพลางตบไหล่ฉันเบาๆ ฉันจึงพยักหน้าให้เธอและยิ้มบางๆให้เธอ
“น้องฝุ่นกับน้องผิงคุยอะไรกันครับ!!!”เสียงโหดๆของพี่ไมค์เอ่ยขึ้น พี่ไมค์คือคนที่ขอไลน์ฉันและดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจไต้ฝุ่นเท่าไหร่เพราะไต้ฝุ่นไปว่าเขาน่ะสิ ฉันกับไต้ฝุ่นจึงหันไปมองที่พวกพี่ว๊ากทันที
“พวกพี่พูดอธิบายอยู่เนี่ย ทำไมไม่ฟังครับ!!!”พี่ไมค์ยังคงพูดใส่โทรโข่งอยู่ โดยมีพวกพี่ว๊ากคนอื่นๆมองมาที่พวกฉัน ฉันจึงหันไปก้มหัวขอโทษพวกเพื่อนๆ พวกเพื่อนๆก็ยิ้มตอบกลับมาเหมือนไม่เป็ไร
“แล้วรู้ได้ไงว่าไม่ฟัง? ”ไต้ฝุ่นพูดขึ้นลอยๆทำให้พี่ไมค์โกรธยิ่งกว่าเดิม เหมือนไต้ฝุ่นไปหลบเหลี่ยมเขาน่ะ
“ยืนขึ้นสองคนเลย!!!”พี่ไมค์ทำมือให้เราสองคนยืน พวกเราจึงต้องลุกขึ้นยืนตามคำสั่ง
“ออกมายืนตรงนี้!!”พี่ไมค์พูดขึ้น ไต้ฝุ่นจึงหันมาจับมือฉันแล้วเดินไปข้างหน้าแถวที่พวกพี่ๆว๊ากยืนอยู่ นึกว่าพี่ว๊ากของคณะวิศวกรรมศาสตร์เถอะอะไรจะโหดและเถื่อนขนาดนี้น่ะ
“เลิกแถว คนอื่นไปพักได้!!”พี่ไมค์กระตุกยิ้มมองไต้ฝุ่นและหันไปพูดใส่โทรโข่งให้คนอื่นๆไปพักได้ พวกเพื่อนๆฉันจึงพูดขึ้นมาพร้อมกันและยกมือไหว้พวกพี่ปีสามและปีสอง
“ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ”ทุกคนทั้งชายและหญิงพูดขึ้นอย่างพร้อมเพียงกันและต่างคนก็ลุกขึ้นยืนและเดินกันไปจากชายหาดนี้อย่างเป็ระเบียบ ฉันมองตามเพื่อนๆทุกคนเดินไปจนสุดสายตาจนพวกเพื่อนๆเดินขึ้นตึกไปกันหมดแล้วฉันถึงจะเลิกมองด้วยสายตาละห้อย
“ไปเว้ย!ได้เวลาแล้ว!!!”พวกพี่ๆว๊ากต่างพากันะโขึ้นมา ไต้ฝุ่นหันไปมองพี่พายุทันที
“ไปไหนพี่? ”ไต้ฝุ่นเอ่ยถามพี่พายุพลางมองหน้าพี่ไมค์ที่เขาเอาแต่มองฉัน จนฉันรู้สึกเกร็งๆก็เขาจ้องฉันนานเกินไป
“ไปตกหมึก^_^”พี่พายุพูดขึ้นและหันมาทางฉัน ฉันกับไต้ฝุ่นก็หันมองหน้ากันอย่างใ ไหนพี่เขาเรียกพวกเรามาจะทำโทษไม่ใช่เหรอ
“ไปกับพี่นะผิง^_^”พี่พลเดินมายืนขนาบข้างฉันและเอ่ยขึ้น ฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขา
“ค่ะ^_^”ฉันตอบพี่พลไป เขาจึงจับมือฉันและพาฉันเดินนำพวกพี่ๆว๊ากไป โดยมาพี่พายุที่เดินจับแขนไต้ฝุ่นตามหลังฉันกับพี่พลมาติดๆกัน เราไปผู้ชายห้าคน ผู้หญิงสองคนรวมกันเป็เจ็ดคน มีพี่ไมค์ปีสามเป็พี่ว๊าก พี่พลปีสามเป็พี่ว๊าก พี่พายุปีสามเป็พี่ว๊าก และเพื่อนของพี่ไมค์ปีสามเป็พี่ว๊ากและพี่กรีนปีสามเป็พี่ว๊ากและฉันกับไต้ฝุ่นปีหนึ่ง พวกเราทั้งเจ็ดคนเดินไปขึ้นเรือของชาวประมงที่จอดรออยู่ที่ชายหาด ที่บริเวณรอบๆเรือมีแสงไฟส่องประกายให้ความสว่างอยู่
“ค่อยๆไต่ครับ”พี่พลเอ่ยขึ้นในขณะที่ตอนนี้เขาขึ้นไปบนเรือเรียบร้อยแล้ว โดยมีฉันที่กำลังเดินขึ้นบันไดเพื่อจะขึ้นเรืออยู่
“สวยจังเลยนะคะ^_^”ฉันพูดขึ้นเมื่อเดินขึ้นมาถึงบนเรือแล้ว เรือนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่มีสองชั้น ชั้นล่างสำหรับนักตกหมึก ส่วนชั้นบนสำหรับนักที่้าดื่มดำ่กับธรรมชาติของทะเลและวิวยามคำ่คืน
“ครับ สวยมาก สวยเหมือนนางฟ้า”พี่พลเอ่ยขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาที่ตอนนี้เอากำลังมองฉันอยู่
“ผิงรู้ใช่ไหมว่าพี่คิดยังไงกับผิง? ”พี่พลเอ่ยขึ้น แววตาและนำ้เสียงของเขาฟังดูนุ่มนวลและจริงจัง ฉันจึงยิ้มบางๆไปให้เขา
“พี่พลเป็คนที่ใจดีกับผิงมากที่สุด และอาจจะรู้จักผิงดีกว่าทุกคน ผิงไม่อยากเสียพี่พลไปหากวันหนึ่ง เราไม่เข้าใจกัน”ฉันเอ่ยบอกเขาไปตามความจริง ตอนแรกฉันก็คิดว่าฉันอาจจะเข้าข้างตัวเอง แต่ยิ่งนานวันเข้าความสนิทหรือความเอาใจใส่ที่พี่พลมีให้ฉันมันเริ่มชัดเจนขึ้น และคนอย่างฉันต่างหากล่ะที่ไม่คู่ควรกับเขาเลยสักนิด ผู้หญิงจนๆคนหนึ่งคนนี้ไม่มีอะไรเทียบเท่ากับพี่พลได้เลยสักนิด และฉันเองก็ไม่เหลือสิ่งสำคัญที่ผู้หญิงควรจะเก็บไว้ให้ผู้ชายที่เธอรักได้เป็เ้าของแล้ว เพราะมันได้ขาดออกไปแล้ว นั้นยิ่งตอกยำ้ว่าฉันไม่คู่ควรกับพี่พลเลยสักนิด
“ไม่ผิง พี่ไม่มีทางทิ้งผิง”
“ไม่ค่ะ พี่พล ผู้หญิงดีๆและคู่ควรกับพี่พลยังมีเยอะแยะอย่ามาคิดอะไรเกินเลยกับผิงเลยนะคะ”
“ไม่ผิง พี่ชอบผิงนะ ชอบมาตั้งนานแล้ว”พี่พลพูดขึ้น แววตาของเขาดูจริงจัง
“ขอโทษนะคะ แต่ตอนนี้ผิงไม่คิดเื่นั้น ผิงอยากเรียนให้จบก่อน”ฉันพูดขึ้น ทำให้พี่พลหยุดเงียบไม่พูดอะไรออกมาอีก
“ก็ได้ ถ้าผิงเรียนหมอจบและอีกหกปี พี่จะมาขอคำตอบนั้นกับผิงอีกที^_^”พี่พลพูดขึ้นและจับมือฉันไปกุมไว้และวางมือหนาของเขาลงมาบนมือฉันอีกที จนฉันััได้ถึงความอบอุ่นของฝ่ามือของพี่พล เรามองตากัน ฉันไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับพี่พลเลยสักนิด ฉันมองว่าเขาเป็พี่ชายที่แสนดีมาตลอด เขาคอยไปตามพ่อให้ฉันเป็ประจำเวลาที่พ่อเข้าไปเล่นการพนันและจะคอยซื้อข้าวมาให้ฉันกินในวันที่ฉันไม่มีตังค์กินข้าว ฉันรักเขาเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง
“ก็ได้ค่ะ”ฉันตอบพี่พลไป เป็จังหวะเดียวกับที่พี่ไมค์เดินเข้ามาหาฉันพอดี
“น้องผิงไอ้พล”พี่ไมค์เอ่ยเรียกฉันกับพี่พล ฉันกับพี่พลจึงหันไปมองพี่ไมค์และฉันก็ค่อยๆบิดมือไปมาเพื่อให้พี่พลปล่อยมือฉัน เขาจึงปล่อยมือฉันและเดินเข้าไปหาพี่ไมค์แทน
“มีอะไรไอ้ไมค์? ”พี่พลเอ่ยถาม ฉันจึงชะเง้อคอมองหาไต้ฝุ่น ก็เห็นว่าเธอกำลังขี่หลังพี่พายุเดินลุยนำ้มาที่เรือนี้อยู่ ฉันจึงค่อยๆเดินไปรอรับไต้ฝุ่นตรงทางขึ้นเรือ
“ฝุ่น^_^”
“หนูผิง^_^”
“น้องผิง^_^”เราทั้งสามคนเอ่ยเรียกชื่อของกันและกัน ฉันเรียกไต้ฝุ่น ฝุ่นก็เรียกฉัน พี่พายุก็เรียกฉัน ฉันจึงยิ้มให้ทั้งสอง และยื่นมือไปช่วยจับไต้ฝุ่นให้ขึ้นมาบนเรือ ในขณะที่พี่พายุพาไต้ฝุ่นขึ้นมาบนเรือแล้ว
“เราจะมาเริ่มแข่งตกหมึกกัน ใครแพ้คนนั้นต้องเป็ทาสของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยเราจะแบ่งกันออกเป็สองทีม ทีมหนึ่งมีสี่อีกทีมต้องมีสาม”พี่ไมค์อธิบายขึ้น พี่พลรีบแย้งขึ้นมาทันที
“มีสี่ทั้งสองทีมสิว่ะถึงจะเท่าเทียม”
“มันจะมีทีมละสี่ได้ยังไงในเมื่อพวกเรามีแค่เจ็ดคน”พี่พายุเสริม
“นั่นสิ”พี่กรีนก็เห็นด้วย ฉันกับไต้ฝุ่นก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเรามีกันแค่เจ็ดคนนะ
“กูมีน้า เดี๋ยวกูไปเรียกน้ากูแปป”พี่พลพูดขึ้นและรีบวิ่งขึ้นบันไดไปบนชั้นสองของเรือทันที ทางขึ้นชั้นสองอยู่ตรงที่พวกเราสองคนยืนคุยกันเมื่อกี้นี้ น้าของพี่พลคือท่านเ้าสัวหนิ เขามาด้วยงั้นเหรอ
“น้ามาล่ะ”พี่พลจูงมือท่านเ้าสัวมาลงมาจากชั้นสองอย่างไว แวบหนึ่งฉันรับรู้ได้ถึงสายตาของเขาที่มองมาที่ฉัน แต่พอฉันหันไป เขาก็เสมองไปทางอื่นแทน
“สวัสดีครับน้า^_^”พวกเพื่อนๆพี่พลต่างพากันยกมือไหว้ท่านเ้าสัว ท่านเ้าสัวก็ยกมือรับไหว้พวกพี่ๆ
“งั้นสี่ๆครบแล้ว เริ่มจับคู่เลย”พี่ไมค์พูดขึ้นและหยิบกล่องสีดำขึ้นมา
“ในนี้มีหมายเลขกลุ่มอยู่คือ เบอร์หนึ่งและเบอร์สอง ถ้าใครได้หมายเลขเดียวกันก็คืออยู่กลุ่มเดียวกัน”พี่ไมค์อธิบายต่อและเริ่มยื่นกล่องมาให้พวกเราจับ ฉันจับได้เบอร์หนึ่ง ไต้ฝุ่นจับได้เบอร์สอง ฉันกับเธอจึงอยู่คนละกลุ่มกัน
“พี่ก็ได้เบอร์หนึ่ง”พี่พลพูดเมื่อเขาเดินมาดูกระดาษของฉันที่มีเลขหนึ่งเขียนอยู่ตัวใหญ่ๆเหมือนกับของเขา
“น้าด้วยเหรอ? ”พี่พลหันไปถามท่านเ้าสัวที่ยืนอยู่ข้างหลังฉันทันที
“อืม”
“งั้นดีเลย ทีมเราชนะแน่ๆๆ^_^”พี่พลพูดขึ้นและเดินเข้าไปหาท่านเ้าสัว ท่านเ้าสัวก็ยื่นมือไปขยี้ผมพี่พลอย่างเอ็นดู เขาช่างดูอบอุ่นจัง
ตึกตักๆๆๆๆ
ฉันรีบหันหลังให้ท่านเ้าสัวทันที เมื่อฉันแอบมองโครงหน้าหล่อและแผงอกที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาออกมานั้
น ทำให้ฉันใจเต้นแรงขึ้นมา ฉันไม่เคยรู้สึกใจเต้นแรงและหน้าร้อนผ่าวแบบนี้กับใครเลย ฉันเป็อะไรไปเนี่ย?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้