“เมื่อถึงเวลา เ้าจักรู้ทุกอย่าง” นางหลุบตาต่ำลง เขาปฏิเสธที่จะบอกความจริง
“เช่นนั้นแล้ว เ้าล่ะซูเจิน บอกข้าได้ฤาไม่ว่าเ้าเป็ใครอยู่ในฐานะพลเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในวังหลวงแห่งแคว้นจ้านหลิว” หญิงสาวชะงักนิ่ง นางมองใบหน้าหล่อเหลาไม่กล้าปฏิเสธหรือยอมรับ เพราะกลัวใจคนตรงหน้า หากรู้ความจริงทั้งหมดอาจเปลี่ยนใจพานางกลับวังหลวงได้
“อีกนานฤาไม่ กว่าจะผ่านแม่น้ำนี้ไป” หญิงสาวขยับกายออกเล็กน้อย แล้วเบี่ยงตัวหันมองกระแสน้ำ ทำเฉไฉเปลี่ยนเื่อื่น
“รุ่งขึ้นก็จะเห็นแนวกำแพงแห่งแคว้นเสี่ยนหลิว แต่การจะพาเ้าผ่านกำแพงเมืองไปนั้น ยากยิ่งกว่าสิ่งใด มีเพียงไม่กี่วิธีเท่านั้น เ้าจะยอมทำฤาไม่”
“ไม่ว่าด้วยวิธีใด ข้ายอมทั้งนั้น ขอเพียงหลุดจากแคว้นจ้านหลิวได้ก็พอ” องค์รัชทายาทพยักหน้า ก่อนหันมองวิวทิวทัศน์ด้านข้าง แล้วปล่อยอารมณ์จมดิ่งไปกับความงามของธรรมชาติ เรือขนาดกลางยังคงลอยลำอยู่กลางแม่น้ำสีฟ้าอ่อน เด่นหราอยู่เพียงลำพัง แสงอาทิตย์ต้องกับกระแสน้ำทำให้เกิดแสงสีต่าง ๆ สลับกับลมพัดอ่อน เป็บรรยากาศที่ทำให้ซูเจินเก็บเกี่ยวทุกความสวยงามเอาไว้ ก่อนนึกบางอย่างได้แล้วหันกลับมายังองค์รัชทายาท
“ท่านใช้เวท เสกพิณให้ข้าได้ฤาไม่” ั์ตาสวยเป็ประกายกล่าวขอ ก่อนพิณปรากฏขึ้นตรงหน้าทันทีที่นางพูดจบ รอยยิ้มอ่อนแสดงออกมาพร้อมกับมือบางจับไปยังพิณไม้นั้นด้วยความพอใจ นางหันมองเขาหนึ่งครั้งเพื่อเป็การขออนุญาต แล้วหันมาบรรเลงเพลงที่ถนัด ชายหนุ่มยังคงมองนิ้วมือเรียวยาวของนางที่ดีดสลับไปมาด้วยความชำนาญ แล้วหลับตาลงฟังเสียงพิณที่ส่งเสียงออกมาราวกับเสียงดนตรีทิพย์
“ท่านยอดฝีมือหลับตาฟังเสียงพิณของข้าเช่นนั้นฤา เสมือนกับพี่ลี่เซียนทำเสมอเมื่อได้ยินเสียงพิณจากข้า” ซูเจินมองใบหน้าหล่อเหลานั้น เขาเปรียบเป็ตัวแทนของลี่เซียนที่คอยปกป้องดูแล นางอาจโชคร้ายที่สูญเสียลี่เซียนไป ในขณะเดียวกันยังโชคดีที่ได้พบกับชายผู้นี้ ก่อนก้มมองสายพิณแล้วบรรเลงเพลงด้วยความตั้งใจเป็การตอบแทนท่านยอดฝีมือที่ดูแลนางอย่างดีเสมอมา แม้เขาจะแสดงออกทางอารมณ์ไม่เก่งนัก แต่ซูเจินรับรู้ได้ถึงความเมตตาที่ได้รับ
“ข้าจะบรรเลงเพลงกล่อมท่านเช่นนี้ไปตลอดการเดินทาง” ซูเจินพูดพร้อมกับรอยยิ้มอ่อน พลางเบี่ยงใบหน้าหันมองดูสายน้ำกว้าง ปล่อยความรู้สึกอันว่างเปล่าถ่ายทอดเป็บทเพลงแสนไพเราะคอยขับกล่อม
“เหตุใดจึงมานั่งตัวสั่นอยู่เช่นนี้ ด้านนอกพึ่งเสร็จพิธีของท่านแม่ เวลานี้เ้าควรจะโผล่ไปให้ท่านพ่อเห็นหน้า” ซูเจียวเดินเข้ามายังตำหนักขาว แล้วมองตรงมายังร่างของซือซิงที่นั่งขดตัวกลมอยู่ในมุมมืด ท่าทางหวาดหวั่นของนางหากใครพบเข้าจะเป็ที่สงสัยเอาได้
“หยุดทำตัวมีพิรุธเสียที เ้าจักกลัวอันใดหนักหนา แลกิริยาเยี่ยงนี้สิจะเป็ที่สงสัย”
“พระชายาสิ้นเพราะฝีมือของข้า ในถาดข้าวนั้นเต็มไปด้วยยาพิษ” ภาพการกระทำแสนโหดร้าย ยังคงฉายซ้ำวนไปเวียนมา ไม่สามารถเอาออกจากห้วงความคิดได้ ทำให้ซือซิงย้ำคิดย้ำทำอยู่กับสิ่งเดิม ๆ ไม่อาจคลายออก ซูเจียวเห็นภาพของนางรับใช้แล้วจึงขยับเท้าเข้าไปใกล้ ยกมือขึ้นทาบไหล่นางเบา ๆ
“เ้าจงฟังข้า เหลือบมองดูตำหนักขาวแห่งนี้โดยรอบ ตำหนักขาวแห่งนี้เป็รองเพียงแค่ตำหนักทองของข้าเท่านั้น และเป็ถึงตำหนักของราชธิดาแห่งแคว้นจ้านหลิว ด้วยอำนาจของข้าสามารถนำมามอบเป็ของขวัญให้กับเ้าได้ ไยต้องกลัวอันใดอีก เ้าจงตรองดูนับจากนี้สืบไป อำนาจของข้าเป็รองเพียงแค่ท่านพ่อเท่านั้น จักไม่มีใครทำอันตรายเ้าได้อย่างเด็ดขาด” ซือซิงค่อย ๆ เงยหน้ามองความงามของตำหนักขาวโดยรอบ ความจริงแล้วเพียงแค่ระดับนางกำนัล ได้อยู่ในตำหนักขาวที่สวยงามเช่นนี้นับว่ามาไกลอย่างมาก ด้วยเพราะอำนาจแห่งราชธิดาซูเจียวอย่างแท้จริง ก่อนจะค่อย ๆ คลายความหวาดกลัวออกทีละน้อย พร้อมอาการสั่นเทาที่ค่อย ๆ จางหายไป
“ดีมาก เื่นี้มีเพียงเ้ากับข้าเท่านั้นที่รู้ ดังนั้นขอจงเชื่อใจข้า และเชื่อใจตัวเ้าเอง ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”
“พะ เพคะ” ซือซิงกล่าวตอบรับ ก่อนรอยยิ้มของซูเจียวจะยิ้มกว้าง เมื่อหมดราชมารดาแล้ว ซูเจินจะไม่มีวันได้กลับเข้ามายังแคว้นจ้านหลิวอีก หนามยอกอกที่ตามทิ่มแทงมาั้แ่วัยเยาว์ คงสิ้นชื่อไปตามกาลเวลา ก่อนเสียงฝีเท้าของทหารองครักษ์ บ่งบอกว่าราชบิดากำลังเดินตรงมายังตำหนักขาว
“พวกเ้าออกไปก่อน ข้า้าปลอบใจลูกข้าเพียงลำพัง” ทหารองครักษ์ รับคำสั่งแล้วปล่อยให้พระาาเดินเข้าไปยังตำหนักขาวเพียงองค์เดียว ไม่นานนักทหารยามที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าก็ทยอยเดินออกจากตำหนักขาวตามคำสั่งขององค์าา
“ฮือ ๆ ๆ มีหลายอย่างที่ข้าทำไม่ดีกับท่านแม่ไว้มาก ท่านแม่มาด่วนจากไปเช่นนี้ ในขณะที่ข้ายังไม่ทันได้ตอบแทน” เสียงร้องไห้ของซูเจียวที่ดังลอดออกมาจากด้านใน ทำให้พระาาหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม ความเ็ปจากการสูญเสียชายาเป็อะไรที่ยากเกินกว่าจะทำใจได้ ก่อนเช็ดน้ำตาแล้วเปิดประตูเข้าไป
“เ้าออกไปก่อน”
“เพคะ” ซือซิงรับคำสั่งแล้วเดินออกไป ก่อนหันสายตามายังราชธิดาซูเจียวที่ยังก้มหน้าร้องไห้ไม่หยุด พระาาเดินเข้าไปแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะบุตรสาวด้วยความรัก
“ข้ารู้ว่ามันยาก แต่ข้าขอสั่งให้เ้าเข้มแข็ง กลับมาทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อีกไม่นานจะถึงเวลาที่เ้าต้องไปเป็บรรณาการ เ้าต้องเก่งจนทำให้องค์รัชทายาทเหลียวมองเ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น เข้าใจที่ข้าบอกฤาไม่”
“ข้าจักทำใจได้อย่างไร ที่เหตุการณ์เป็เช่นนี้ นั่นเพราะซูเจินเพียงผู้เดียว ท่านแม่ตรอมใจเพราะนาง นางถูกลี่เซียนตามใจมาั้แ่เด็ก แต่ก่อนข้าไม่เคยคิดโทษ แต่มาวันนี้นางทำท่านแม่ตาย” พระาาชะงักพลางทบทวนคำพูดของซูเจียวมีความจริงอยู่บ้าง หากแต่ยังคงนิ่งไม่โต้ตอบ คิ้วสองข้างขมวดติดกัน
“หากซูเจินเป็คนอื่น ข้าคงลงมือฆ่านางด้วยตัวเอง เพื่อให้สาสมกับสิ่งที่นางทำ” พระาามองสายตาแห่งความโกรธแค้นจากซูเจียว คำพูดพร้อมเสียงสะอื้นไห้แสดงถึงความเ็ปที่นางกำลังได้รับอย่างหนักหนาสาหัส ส่งผลให้พระาาถอนหายใจยาวเหยียด เขาต้องทบทวนความผิดของซูเจินใหม่ นางเป็เด็กเอาแต่ใจเพราะถูกพี่เลี้ยงตามใจมาั้แ่เด็กก็จริง แต่การหนีออกจากวังจนทำให้ซูลี่ตรอมใจถึงตายนั้นเป็ความผิดที่ไม่ควรให้อภัยเช่นเดียวกัน
“ข้าจะสั่งทหารให้นำตัวซูเจินมารับความผิด”
“ไม่เพคะ ข้าไม่้าเห็นหน้าของนางอีก” ซูเจียวหันใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตากลับมา นางรู้ดีว่าบทลงโทษไม่อาจทำให้ซูเจินถึงตายได้ อย่างไรเสียองค์พระาาก็ยังเมตตานางอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
“ปล่อยให้นางออกไปเผชิญโลกกว้างเช่นนี้ ตราบเท่าฝืนฟ้าจะทลายลง ไม่ต้องนำนางกลับมายังแคว้นจ้านหลิวอีก ได้ฤาไม่เพคะ”
“แต่...” ท่าทางครุ่นคิดของราชบิดาทำให้ซูเจียวเหตุผลเพิ่ม
“สาเหตุการสิ้นพระชนม์ของท่านแม่ ไม่ว่าจะเป็นางกำนัล หมอหลวง หรือเหล่าทหารทุกคนต่างรู้ถึงสาเหตุนี้ดีว่าซูเจินเป็ต้นเหตุให้ท่านแม่สิ้น หากท่านพ่อให้ซูเจินกลับมายังวังหลวงอีก เช่นนี้แล้วคนพวกนั้นจะวางใจได้อย่างไร ที่ปล่อยให้ซูเจินลอยหน้าลอยตาเป็ราชธิดาในวังหลวง ในขณะที่พระชายาสิ้นพระชนม์เพราะนาง”
“.....”
“ท่านพ่อจงเชื่อข้า หยุดส่งทหารตามตัวนาง ประกาศออกไปว่านางไม่มีสิทธิ์เป็ราชธิดาของแคว้นจ้านหลิวอีก เพื่อให้เหล่าขุนนางมั่นใจว่าเราไม่ได้เข้าข้างคนผิด” ซูเจียวรอบสังเกตสีหน้าของราชบิดา พบว่าเขาครุ่นคิดและไม่อาจตัดสินใจได้
“ท่านพ่อจงเชื่อมั่นว่าข้าจะทำหน้าที่เป็บรรณาการให้ดีที่สุด องค์รัชทายาทจะมองเพียงข้าผู้เดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะความงามหรือความสามารถด้านการดนตรี จักมิมีผู้ใดเทียบข้าได้ ข้าสูญเสียท่านแม่ไปแล้ว ข้าจะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวัง”
“เช่นนั้นก็สุดแล้วแต่ใจเ้า ข้าจะหยุดส่งทหารนำตัวซูเจินกลับมา”
“จริงเหรอเพคะ”
“จริง” พระาาดึงราชธิดาเข้ามาสวมกอด ยังคงทิ้งความหวังทั้งหมดไว้ที่ซูเจียวเพียงคนเดียวมิเปลี่ยนแปลง และไม่นานประกาศจากแคว้นจ้านหลิวก็ถูกติดไปทั่วทุกสารทิศ ว่าราชธิดาซูเจินหายสาบสูญและแคว้นจ้านหลิวมีเพียงราชธิดาซูเจียวเพียงองค์เดียวเท่านั้นที่จะสืบทอดอำนาจต่อไป