ปีกข้างซ้ายของอสูรัราตรีที่ดุร้ายได้รับความเสียหายอย่างหนักจนมันสูญเสียการทรงตัว ทำให้ร่างของมันเอียงไปทางด้านซ้ายและตกลงบนพื้นดินในที่สุด
ชายหญิงสองคนที่รอดชีวิตอย่างหวุดหวิดก็ได้สติ และรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
คนอื่นๆ ก็ฉวยโอกาสนี้หนีไปเช่นกัน
“น้องชาย รีบหนีเร็ว เ้าไม่ต้องสู้ต่อแล้ว อสูรตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป” คนที่บอกว่าตัวเองชื่อจั่วซุนจากตระกูลจั่วแห่งแคว้นเหยียนหลงะโเสียงดัง “ความจริงแล้วมันไม่ควรจะมาปรากฏตัวที่โลกเื้ันี้ด้วยซ้ำ”
หลายคนที่หนีไปไกลแล้วก็กวักมือเรียกหลัวเลี่ยให้ออกมาโดยเร็วเช่นกัน
แต่อสูรัราตรีเดิมทีก็มีความแข็งแกร่งและมีนิสัยดุร้าย ดังนั้นเมื่อมันลุกขึ้นและทรงตัวได้หลังจากที่ตกลงบนพื้นแล้ว มันก็ส่งเสียงขู่คำรามและพุ่งไปหาหลัวเลี่ยอีกครั้ง
ขณะนี้ร่างของหลัวเลี่ยได้พุ่งมาถึงจุดที่อยู่สูงแล้ว เมื่อเขาเห็นอสูรัราตรีกำลังพุ่งมาทางนี้ เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด หลัวเลี่ยย่อตัวลง ขดตัวเป็ก้อนกลม และกลิ้งลงมาจากจุดเดิมที่เขาเคยอยู่อย่างรวดเร็ว เพื่อโจมตีอสูรัราตรีที่กำลังพุ่งมาก่อน
ตูม!
การเคลื่อนไหวของอสูรัราตรีที่ดุร้ายนั้นช้ามาก มันไม่มีทางหลบการโจมตีจากหลัวเลี่ยได้ หลัวเลี่ยพุ่งเข้ามาโจมตีตรงหัวของมัน
ผลัวะ!
กะโหลกศีรษะของอสูรัราตรีแตก
อสูรัราตรีกรีดร้องดังลั่นและล้มลงอย่างแรง
ตูม! ตูม!
จากนั้นหลัวเลี่ยก็เอื้อมมือไปจับเขาัทั้งสองข้าง เขาคำรามและออกแรงกดลงไปอย่างรุนแรง
ฟู่! ฟู่!
หลัวเลี่ยกดเขาของอสูรัราตรีทั้งสองข้าง เขาออกแรงกดลงไปจนเขาทั้งสองข้างนั้นัักับพื้น อสูรัราตรีตายแล้ว
จากนั้นแสงสีเข้มที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือก็ลอยออกมาจากหัวของอสูรัราตรี หลัวเลี่ยรีบหยิบแสงนั้นออกมาแล้วใส่เข้าไปในน้ำเต้าพิทักษ์ั
นับจากตอนที่หลัวเลี่ยเริ่มโจมตีไปจนถึงตอนที่สามารถกำจัดอสูรัราตรีได้ เขาใช้เวลาไปเพียงครึ่งเค่อเท่านั้น
หลัวเลี่ยกำจัดอสูรัราตรีลงได้ โดยที่จั่วซุนและคนอื่นๆ ที่พูดว่าให้เขาหนีไปยังไม่ทันจะจบประโยคด้วยซ้ำ แม้ใบหน้าของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลและความกลัว แต่ก็ตะลึงและประหลาดใจเช่นกัน พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไร
“เขาฆ่าอสูรัราตรีไปแล้ว...” จั่วซุนไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อเขาเหลือบไปเห็นชื่อที่อยู่บนหัวของหลัวเลี่ย ร่องรอยแห่งความประหลาดใจที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาก็หายไปทันที และแทนที่ด้วยสีหน้าเข้าใจว่าเื่นี้ถูกต้องแล้ว “ที่แท้ท่านก็คือ ‘ผู้มีัอยู่ในเป้า’ อา ข้าเข้าใจแล้ว”
“โอ้ เป็เขา เช่นนั้นเื่นี้ก็ไม่แปลกแล้ว”
“ใช่ๆ ข้าก็สงสัยว่าใครกันที่สามารถจัดการอสูรัราตรีได้”
ทุกคนไม่แปลกใจอีกต่อไป
เพียงเพราะเขาคือ ‘ผู้มีัอยู่ในเป้า’ ที่โด่งดัง
เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ความสงบแล้ว จั่วซุนและคนอื่นๆ ก็กล่าวขอบคุณหลัวเลี่ย
ผีเสื้อแห่งรักมองไปทางอสูรัราตรีที่ตายไปแล้วอย่างสงสัย ก่อนจะพูดขึ้น “แปลกจริง อสูรตัวนี้จะปรากฏตัวเฉพาะในเขติเทียนมิใช่หรือ ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
เขติเทียนเป็สถานที่ที่ผู้ฝึกยุทธ์ในระดับหยินหยางจะปรากฏตัว
“เ้าเจอมันได้อย่างไร” หลัวเลี่ยก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงถามจั่วซุน
จั่วซุนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “พวกเรามาจากแคว้นเหยียนหลง เราจับกลุ่มกันเพื่อตามหานักรบปีศาจ หวังจะเก็บเกี่ยวไอพลังของมัน แต่ในขณะที่พวกเรากำลังเดินอยู่ ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ สัตว์อสูรตัวนี้จะปรากฏตัวขึ้น โชคดีที่ข้ารู้ว่ามันคือสัตว์อสูรที่อยู่ในเขติเทียน แต่มันก็สายเกินไปที่จะพาทุกคนออกมาได้ หากเ้าไม่ช่วยพวกเราไว้ พวกเราคงถูกสัตว์อสูรตนนี้กินไปแล้ว”
หลัวเลี่ยกำลังนึกถึงเนื้อหาเกี่ยวกับเขติและเขติเทียนที่เขาอ่านเจอในหนังสือ
อสูรัราตรีที่โตเต็มวัยแล้วจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในขั้นกลางของระดับหยินหยาง และอาจมีบางส่วนที่มีพลังอยู่ในขั้นปลายของระดับหยินหยาง ส่วนตัวที่ยังไม่โตเต็มที่ก็มีพลังมากเช่นกัน แม้จะยังไม่ถึงขนาดระดับหยินหยางเหมือนตัวที่โตเต็มที่ แต่พลังของพวกมันก็ไม่ใช่สัตว์อสูรที่ผู้ฝึกตนระดับสิบจะสามารถต่อกรได้ง่ายๆ
ในขณะที่พวกเขากำลังสงสัย จู่ๆ บางอย่างในกระเป๋าเฉียนคุณของจั่วซุนก็สั่นขึ้น จั่วซุนหยิบสิ่งที่สั่นนั้นออกมา มันเป็ไข่มุกวิเศษเม็ดหนึ่งที่มีตัวอักษรลอยออกมา
มันคือไข่มุกเชื่อมจิต คุณสมบัติคือมันสามารถติดต่อกับไข่มุกอีกเม็ดที่อยู่ห่างออกไปได้
สีหน้าของจั่วซุนเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเขาได้อ่านเนื้อหาบนไข่มุกเชื่อมจิต “แย่แล้ว เกิดเื่ขึ้นแล้ว”
หลัวเลี่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“ประตูแห่งโลกเื้ัถูกผนึกแล้ว พวกเรากลับออกไปไม่ได้แล้ว ตอนนี้บรรพชนที่อยู่ในภพจิตักำลังช่วยกันทำลายประตูเพื่อให้มันเปิดขึ้นอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำลายได้” จั่วซุนกล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ตอนนี้ที่ใกล้ๆ ประตูแห่งโลกเื้ัมีพวกนักรบปีศาจกับอสูรปีศาจเต็มไปหมด คนที่คิดจะออกไปก็ไม่สามารถออกไปได้”
“นักรบปีศาจ? อสูรปีศาจ?”
เมื่อหลัวเลี่ยได้ยินเช่นนั้นเขาก็มีความสุขมาก เขาคิดไปถึงไอพลังของนักรบปีศาจมากมายนั้นแล้ว
ยิ่งมีไอพลังมากเท่าไร การเพิ่มพลังให้สิ่งของก็ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อได้ยินเสียงที่สนุกสนานของหลัวเลี่ย จั่วซุนและคนอื่นๆ ต่างก็พูดไม่ออก พวกเขาถูกขังให้อยู่ในที่ที่อันตราย แต่หลัวเลี่ยกลับดีใจที่จะได้เก็บไอพลังปีศาจเพิ่ม
แต่เมื่อพวกเขามองไปยังชื่อที่อยู่บนหัวของหลัวเลี่ยอีกครั้ง พวกเขาก็ปลงแล้ว ชื่อนี้ของหลัวเลี่ยได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่กลัวสิ่งใด
ในตอนนั้นเองจั่วซุนก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า เขาจะติดตามหลัวเลี่ยไปด้วย เขามั่นใจว่าเมื่อเขาอยู่กับหลัวเลี่ย เขาจะปลอดภัยอย่างแน่นอน
“พวกเรากลับไปที่ประตูแห่งโลกเื้ักันเถอะ” หลัวเลี่ยแนะนำ
มุมปากของจั่วซุนและคนอื่นๆ กระตุก
ผีเสื้อแห่งรักกล่าวว่า “ไม่ พวกเราเดินไปข้างหน้าต่อ”
“หา?” หลัวเลี่ยงุนงง เขารู้ว่าผีเสื้อแห่งรักก็มีพลังมากเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวอันตราย
“ข้าสงสัยว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับตำนานนั่น” ผีเสื้อแห่งรักพูดอย่างเคร่งขรึม “ลองเดินไปทางข้างหน้าก่อน หากเื่นี้เกี่ยวกับตำนานนั้นจริงๆ พวกเราต้องเจอบางอย่างแน่”
เมื่อเห็นว่าผีเสื้อแห่งรักสงสัยเกี่ยวกับเื่นี้ หลัวเลี่ยจึงไม่คัดค้านอีกต่อไป
จั่วซุนและคนอื่นๆ มองไปที่ผีเสื้อแห่งรักด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่คาดคิดว่าผู้หญิงที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัวเลี่ยจะตัดสินใจบางอย่างลงไปแล้ว
พวกเขาไม่อยากแยกกับหลัวเลี่ยในสภาพแวดล้อมที่อันตรายเช่นนี้ ในแง่ของความปลอดภัยในพื้นที่กว้างนี้ การอยู่กับหลัวเลี่ยน่าจะเป็ทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงเดินไปข้างหน้าต่อไป
ระหว่างเดินทาง มีบางคนที่พบเห็นก็มาเข้าร่วมกับกลุ่มของพวกเขาอีก เพราะคนพวกนั้นก็รู้สึกถึงอันตรายเช่นกัน ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นหลัวเลี่ย พวกเขาก็มั่นใจว่าหลัวเลี่ยจะทำให้พวกเขาปลอดภัยได้ พวกเขาจึงเข้ามาร่วมกลุ่มด้วย
จำนวนคนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในตอนหลังมีจำนวนมากถึงเกือบหนึ่งร้อยคน
เมื่อเดินทางต่อมาได้สามสิบลี้ คนกลุ่มหนึ่งก็ได้กลิ่นหอมแปลกๆ
กลิ่นหอมแปลกๆ นี้ทำให้ผู้คนลุ่มหลงมึนเมาและรู้สึกเคลิบเคลิ้ม บางคนถึงกับอ่อนแอลงคล้ายกับคนมึนเมา
“หรือตำนานนั้นจะเป็เื่จริง?”
กลิ่นหอมแปลกๆ นี้ทำให้หัวใจของผีเสื้อแห่งรักหนักอึ้งยิ่งขึ้น เสียงของนางที่เปล่งออกมานั้นสั่นเล็กน้อย
นางรีบก้าวไปอย่างรวดเร็ว
หลัวเลี่ยก็รีบตามนางไปเพราะกลัวว่านางจะมีอันตราย
ส่วนคนอื่นๆ นั้น แบ่งกลุ่มเป็ผู้ที่ยังมีกำลังแข็งแกร่งอยู่ช่วยประคองผู้ที่อ่อนแอมาด้วย นอกจากนี้พวกเขายังคอยเตือนสติไม่ให้พวกที่อ่อนแอนั้นหมดสติลงไป จากนั้นกลุ่มคนที่ติดตามหลัวเลี่ยก็ค่อยๆ พากันเดินตามผีเสื้อแห่งรักไปเป็ขบวนยาวราวกับัเลื้อย
หลังจากเดินข้ามูเาสามลูกและลุยผ่านแม่น้ำสองสาย ในที่สุดพวกเขาก็เห็นที่มาของกลิ่นหอมประหลาดนั้น
กลิ่นหอมนั้นมาจากดอกไม้แปลก ๆ ที่ปรากฏขึ้นในอากาศ
ดอกไม้ประหลาดนั้นขึ้นอยู่เหนือพื้นดินขึ้นไปประมาณหกจั้ง อากาศรอบๆ ดอกไม้ประหลาดนั้นหมุนวนปั่นป่วน และตรงกลางอากาศที่กำลังปั่นป่วนนั้นก็มีดอกไม้อยู่ดอกหนึ่ง
ดอกไม้นี้บานสะพรั่งแล้ว และมีกลีบดอกทั้งหมดสามกลีบ สีแดงราวกับดอกกุหลาบ
“หือ? ทำไมดอกไม้นี้ถึงเติบโตในอากาศ?”
“เป็ดอกไม้ที่แปลกประหลาดอะไรเช่นนี้”
“ดอกไม้นี้ส่งกลิ่นหอมไปไกลนัก”
ทุกคนมองดูดอกไม้ประหลาดนี้ด้วยความสงสัย
ผีเสื้อแห่งรักหยิบดาบยาวออกมา แล้วขว้างไปทางดอกไม้ประหลาดนั้น
ดาบยาวที่ขว้างออกไปส่งเสียงแหลมตัดผ่านอากาศ และตรงเข้าไปฟันที่ดอกไม้ประหลาดทันที
โดยไม่มีใครคาดคิด เมื่อดาบยาวเข้าไปใกล้ดอกไม้ประหลาดแล้ว กระแสอากาศที่วนอยู่รอบๆ ดอกไม้ก็เร่งการหมุนของมันอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดแรงฉีกขาด จากนั้นดาบยาวของผีเสื้อแห่งรักก็ถูกฉีกออกเป็ชิ้นๆ
ทุกคนะโด้วยความใ
ผีเสื้อแห่งรักพูดอย่างเคร่งขรึม “ที่แท้ ตำนานนั้นก็มีจริง ครั้งนี้พวกเราได้เจออันตรายจริงๆ แล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้