เมื่อเปิดผ้าสีแดงที่คลุมไว้บนคานเอกด้านนอกก็มีเสียงประทัด “เปรี๊ยะเปรี๊ยะ” ดังสนั่นหวั่นไหว
ผู้คนต่างคึกคัก เซี่ยยวี่หลัวเห็นด้านนอกเต็มไปด้วยควันจากประทัดจึงหรี่ตาเล็กน้อย
มาที่นี่นานถึงเพียงนี้แล้วนี่เป็ครั้งแรกที่ในบ้านมีคนมากมายถึงเพียงนี้ เป็ครั้งแรกที่คึกคักเช่นนี้
ชาวบ้านที่นี่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายจิตใจดีงามและบริสุทธิ์ ถึงแม้จะมีคนที่คอยซุบซิบนินทาสร้างข่าวลืออย่างเถียนเอ๋อ มีคนเกียจคร้านเอาเปรียบอย่างเซียวเฉิงซานแต่ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนเป็คนดี
เมื่อกินเลี้ยงเสร็จ ชาวบ้านที่มาร่วมแสดงความยินดีต่างกลับกันแล้วคนที่เหลืออยู่ มีเพียงสองสามีภรรยาเซียวจิ้งยี่ และช่างสร้างบ้านอย่างพวกเซียวหย่งและเซียววั่ง
อาหารที่พวกเขากินนั้นต่างจากอาหารจัดเลี้ยงบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารและสุราชั้นดีที่เซี่ยยวี่หลัวฝากท่านลุงสี่ไปซื้อมา เพราะเซี่ยยวี่หลัวดื่มสุราไม่เป็ย่อมต้องให้หัวหน้าหมู่บ้านเซียวช่วยดื่มกับทุกคน
เซี่ยยวี่หลัวกับกวั่นซื่อและเซียวจื่อเมิ่งจัดโต๊ะขนาดเล็กไว้ในห้องครัว
หลังจากทำความคุ้นเคยกันมาหลายวันกวั่นซื่อชื่นชอบเซี่ยยวี่หลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
นางรินสุราหนึ่งจอก เซี่ยยวี่หลัวรินน้ำเปล่าหลังจากกวั่นซื่อดื่มสุรา สติก็เริ่มเลอะเลือนไม่แจ่มชัด จับมือเซี่ยยวี่หลัวพร้อมกล่าวไม่หยุด“ยวี่หลัว ครั้งนั้นที่เพิ่งพบเ้า ทุกคนล้วนบอกว่าเ้าหนุ่มเซียวยวี่นั่นวาสนาดีนักได้แต่งภรรยาที่งดงามประหนึ่งเทพธิดา พวกเราต่างคิดว่าเขาจะได้ใช้ชีวิตดีๆ แล้ว! เฮ้อใครจะรู้ว่าเ้าเป็คนไม่รู้จักใช้ชีวิตให้ดี! ในบ้านมีเื่วิวาทกันแทบทุกวี่ทุกวันใน่แรกข้ากับตาแก่ยังมาไกล่เกลี่ยให้ แต่ในภายหลังเ้าด่ากระทั่งพวกข้า ด่าว่าพวกข้ายุ่งไม่เข้าเื่หลังจากนั้นพวกเราจึงไม่มา คนอื่นๆ ก็เช่นกัน มาสักสองหนก็โดนเ้าด่าอย่างสาดเสียเทเสียทุกคนจึงไม่มากันอีกเลย! ”
ภายในห้องเหลือเพียงเซี่ยยวี่หลัวและกวั่นซื่อสองคนเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งกินข้าวเสร็จแล้ว ก็ออกไปเล่นอยู่ข้างนอก
เซี่ยยวี่หลัวได้ฟังวาจาของกวั่นซื่อใบหน้าขึ้นสีแดงทันที “ท่านป้า เมื่อก่อนข้า… ทำตัวแย่ถึงเพียงนั้นจริงหรือเ้าคะ? ”
กวั่นซื่อเป็คนคออ่อนดื่มสุราสองคำก็วิงเวียนศีรษะ และพูดพร่ำไม่หยุดแล้ว “เ้าไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเ้าน่ะเฮ้อ เซียวยวี่ถูกเ้าด่าอย่างหนัก ไม่ว่าบุรุษคนใดล้วนโดนเ้าด่าเช่นนั้น ใครจะทนไหวหากข้าเป็เซียวยวี่ คงอยากหย่าขาดกับเ้าเสีย! ”
เซี่ยยวี่หลัวคิดถึงหนังสือหย่าฉบับนั้นที่นางเก็บไว้ในตู้
นั่นเป็หนังสือหย่าที่นางขอมาจากเซียวยวี่
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้กล่าวอะไรมองดูกวั่นซื่อที่ดื่มจนได้ที่แล้ว จู่ๆ ก็เอ่ยถาม “ท่านป้า เหตุใดเซียวยวี่ต้องแต่งกับข้าเ้าคะ? ”
“ก็เพราะบิดามารดาเซียวยวี่สุดท้ายล้มป่วยด้วยโรคนั้น ใครๆ ก็ไม่กล้ามารักษา เซียวยวี่เป็บุตรกตัญญู จะทนเห็นบิดามารดาเ็ปจนตายอย่างนั้นได้อย่างไรจึงขอความช่วยเหลือไปทั่ว ใช้ทุกวิถีทาง ก็ยังหาหมอไม่ได้สักคน ในภายหลังท่านตาของเ้ามาหาด้วยตัวเองบอกว่ายินยอมรักษาให้บิดามารดาของเขา แต่มีเพียงเงื่อนไขเดียว คือรอให้เ้าผ่านพิธีปักปิ่น [1] แล้วก็ให้เซียวยวี่แต่งเ้าเข้ามา! ”
เป็เช่นนี้เอง!
คนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อยคนหนึ่งเสมือนเมฆที่ลอยล่องอยู่บนฟ้า อีกคนเสมือนดินโคลนบนพื้นดิน หากไม่ใช่เพราะเหตุจากความจงใจของผู้อื่นจะมาอยู่ร่วมกันได้อย่างไร
“เมื่อนั้นชื่อเสียงของเ้าไม่ดีเอาเสียเลย!” กวั่นซื่อเรอเพราะฤทธิ์สุรา ตาปรือด้วยความมึนเมา “ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง ล้วนรู้จักเ้าหน้าตาราวกับเทพธิดา คนที่ไปสู่ขอต่อให้มีไม่ถึงร้อยคน อย่างน้อยก็มีกว่าแปดสิบคน แต่ในภายหลังต่างก็ใจนหนีไปกันหมดเพราะบิดามารดาของเ้าเรียกสินสอดสูง เรียกทีก็้าสินสอดถึงสองพันตำลึง น่าในัก!”
เซี่ยยวี่หลัวฟังถึงตรงนี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “บิดามารดาของข้า? ”
“ใช่แล้ว พ่อแท้ๆ ของเ้ากับแม่เลี้ยงของเ้า เรียกสินสอดสูงถึงสองพันตำลึง ขาดแม้แต่อีแปะเดียวก็ไม่ได้” กวั่นซื่อกล่าวด้วยความระอาใจ“เช่นนี้แต่งลูกสาวเสียที่ไหน ต่อให้ขายลูกสาวก็ไม่เคยเห็นคนขายราคาสูงขนาดนี้! ”
พ่อแท้ๆ กับแม่เลี้ยง?
เซี่ยยวี่หลัว “แล้วแม่แท้ๆของข้าเล่า? ”
“แม่แท้ๆ ของเ้าสุขภาพร่างกายไม่ดีได้ยินว่าแต่งงานหลายปีจึงมีเ้า ในภายหลังก็ล้มป่วย จากโลกนี้ไปนานแล้ว! ” กวั่นซื่อกล่าว“ปีที่สองหลังจากแม่เ้าตาย พ่อแท้ๆ ของเ้าก็แต่งภรรยาคนใหม่ อุปนิสัยชั่วร้ายเสียยิ่งกว่ากระไรมักจะทารุณเ้า ท่านตาของเ้าทนดูต่อไปไม่ได้ จึงพาตัวเ้าไป ชุบเลี้ยงเ้าจนเติบใหญ่เดิมทีพ่อแท้ๆ และแม่เลี้ยงของเ้าไม่อยากสนใจเ้า แต่ใครจะคิดว่าเ้ายิ่งโตก็ยิ่งงดงามพวกเขาก็มีใจคิดไม่ซื่อ บอกว่าจะหาคู่ครองที่ดีให้เ้า ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วกลับเอาเ้ามาขาย!”
“ดังนั้น ในภายหลังท่านตาของข้าไม่อยากให้ข้าตกเป็เครื่องมือหาเงินของท่านพ่อท่านแม่ จึงแอบยกข้าให้เซียวยวี่งั้นหรือเ้าคะ? ”
“อืม พ่อแม่เ้าไม่รู้ว่าเ้าแต่งงานแล้ววันที่สองก็มาอาละวาด ให้เซียวยวี่มอบเงินสองพันตำลึง” กวั่นซื่อคิดถึงเื่ในตอนนั้นก็กล่าวอย่างได้ใจยิ่งนัก “ผู้คนทั้งหมู่บ้านของเรา เวลานั้นสามัคคีกันนัก ท่านตาของเ้าก็อยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้ไปไหน คนทั้งหมู่บ้านของเราและท่านตาของเ้า ว่ากล่าวจนพ่อแท้ๆ และแม่เลี้ยงของเ้าต้องกลับไปโดยไม่ได้อะไรนับแต่นั้นก็ไม่เคยมาอีก”
กวั่นซื่อกล่าวประโยคสุดท้ายจบก็หมอบอยู่บนโต๊ะนอนหลับไปแล้ว
นางเป็คนคออ่อนจริงๆ
เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวยังอยากถามเกี่ยวกับท่านตาของนางอีกฟังจากคำบอกเล่าของกวั่นซื่อ นางััได้ว่า ตอนนั้นคนเดียวที่รักนาง มีเพียงท่านตาของนางเท่านั้น
แต่ตอนนี้...
ในห้วงภวังค์ของนางไม่มีอะไรเหลือแม้แต่น้อยกระทั่งเื่ที่ท่านตาของนางเป็ใคร อาศัยอยู่ที่ไหน ก็จำไม่ได้เลย
รวมถึงแม่แท้ๆ ที่นางจำไม่ได้แม้แต่น้อย
เซี่ยยวี่หลัวคิดถึงบิดามารดาท่านปู่ท่านย่า ท่านตาท่านยายของตัวเอง พวกท่านล้วนแต่เป็คนที่รักและเอ็นดูนางที่สุดแต่นางกลับข้ามมิติมายังยุคสมัยนี้ แล้วนางในยุคปัจจุบันเล่า?
ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว?
พ่อแม่มีนางเป็ลูกเพียงคนเดียวพวกท่านต้องเศร้าโศกเสียใจจนหัวใจแทบสลายเป็แน่!
เซี่ยยวี่หลัวนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเซียวจื่อเซวียนเข้ามา
"พี่สะใภ้ใหญ่ ทำไมท่านถึงร้องไห้ขอรับ? " เซียวจื่อเซวียนเข้ามา ก็เห็นพี่สะใภ้ใหญ่นั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นน้ำตาไหลอาบข้างแก้ม เซียวจื่อเซวียนใจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากช่องอก
"จื่อเซวียน..."
เซียวจื่อเซวียนเรียกอยู่หลายครั้งเซี่ยยวี่หลัวจึงตอบสนอง เมื่อเห็นเซียวจื่อเซวียน จึงรีบเอ่ยเรียก
"พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเป็อะไรไปขอรับ? ไม่สบายตรงไหนใช่หรือไม่ เหตุใดท่านถึงร้องไห้ขอรับ? " เซียวจื่อเซวียนขมวดคิ้ว เต็มไปด้วยประกายห่วงใยน้ำเสียงร้อนรนราวกับว่าเสี้ยววินาทีต่อไปก็จะร้องไห้ออกมาอย่างไรอย่างนั้น!
ร้องไห้?
เซี่ยยวี่หลัวรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดขอบตาบนแก้มเปียกโชก นางร้องไห้แล้วจริงๆ
อาจเพราะคิดถึงพ่อแม่ของตัวเองจึงควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ก็เป็ได้!
"ข้าไม่เป็อะไร เพียงแค่ไม่ทันระวังจึงมีเม็ดทรายเข้าตา"
เม็ดทราย?
ในห้องครัวจะมีเม็ดทรายได้อย่างไร!
เซียวจื่อเซวียนไม่ได้กล่าวข้อกังขาออกมาแต่ภายในใจกลับใกับท่าทางของเซี่ยยวี่หลัวเมื่อครู่นี้จนรู้สึกหวั่นใจนัก
เชิงอรรถ
[1] พิธีปักปิ่น ในยุคสมัยโบราณเมื่อหญิงสาวอายุ 15 ปีจะมีการจัดพิธีปักปิ่น เพื่อแสดงว่าหญิงสาวเติบโตเป็ผู้ใหญ่พร้อมออกเรือนแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้