“ซื่อจื่อ บ่าวขออภัยเ้าค่ะ บ่าวไม่รู้ว่าเป็ท่าน มิเช่นนั้นบ่าวคงไม่กระทำการกระทำที่ใจกล้าถึงเพียงนั้น!” ครั้นหนิงมู่ฉือเห็นสภาพของจ้าวซีเหอก็แอบนึกยินดีอยู่เงียบๆ
จ้าวซีเหอเห็นท่าทางถูกใจของหนิงมู่ฉือจึงยื่นมือออกไปดึงแขนนางเข้ามาอย่างแรง ตัวของนางพลันมาปะทะกับหน้าอกของเขา เขาใช้มือจับคางนางก่อนจะบังคับจุมพิต
หนิงมู่ฉือดิ้นอย่างไรก็มิอาจดิ้นหลุดจากการกอดรัดของจ้าวซีเหอได้ ใบหน้านางแดงก่ำ ลมหายใจหอบกระชั้น
มือจ้าวซีเหอจับศีรษะด้านหลังของหนิงมู่ฉือเอาไว้เพื่อไม่ให้หันหน้าหนี หนิงมู่ฉือพยายามผลักออกจนสำเร็จ ใบหน้านางทั้งเขินอายทั้งโมโห “ขอซื่อจื่อโปรดสำรวมกิริยาด้วย บ่าวเป็แค่บ่าวที่มีความผิดติดตัว บ่าวรู้ว่าท่านคือผู้มีพระคุณของบ่าว ซึ่งบ่าวจะค่อยๆ ตอบแทนท่าน แต่ขอได้โปรดอย่าทำเช่นนี้กับบ่าวอีกเลยเ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอเห็นท่าทางอย่างไรก็ไม่ยอมของหนิงมู่ฉือ ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสะกดโทสะกลับลงท้อง จากนั้นส่งยิ้มให้แก่หนิงมู่ฉือพลางเอ่ยอย่างเ้าชู้ “ข้าช่วยชีวิตเ้าเอาไว้ เ้าใช้ร่างกายตอบแทนข้ามีอันใดไม่เหมาะ”
ใบหน้าหนิงมู่ฉือยังคงแดงก่ำพร้อมทั้งใช้มือเช็ดปากไม่หยุด สีหน้าไม่ยินดียิ่งนัก “บ่าวไม่คู่ควรกับท่านเ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอจ้องใบหน้าอับอายแกมโกรธของหนิงมู่ฉือนิ่ง ขณะสาวเท้าก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ หนิงมู่ฉือเห็นดังนั้นก็ได้แต่ก้าวถอยหลังจนไปชนเข้ากับขอบเตียง นางล้มลงบนเตียง
หนิงมู่ฉือเอามือกุมศีรษะที่กระแทกกับหัวเตียง มองจ้าวซีเหอที่ถือโอกาสนี้โน้มตัวลงมา นางนึกหวาดหวั่นยิ่ง หัวใจกระหน่ำเต้นรุนแรง
จ้าวซีเหอกดหนิงมู่ฉือไว้กับเตียง เขามองสีหน้าหวาดกลัวของนาง ยิ้มพร้อมกับเอ่ย “เชื่อหรือไม่ว่าข้าสั่งปะาเ้าได้”
หนิงมู่ฉือกลัวการกระทำหลังจากนี้ของจ้าวซีเหอเหลือเกิน กลัวจนต้องหลับตา กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ทำอันใด แล้วก้าวลงจากเตียงไปเสียดื้อๆ
กลิ่นดอกบัวค่อยๆ เคลื่อนห่างออกไป นางลืมตาก็พบว่าจ้าวซีเหอลุกขึ้นยืนตัวตรงตามเดิมแล้ว
จ้าวซีเหอกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า ทว่าแววตายังคงเ้าชู้เช่นเดิม “หากเป็สาวใช้ข้างห้องของข้า เพียงเท่านี้เ้าก็จะไม่ต้องเข้าวังตลอดไปแล้ว สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เ้า้าหรอกหรือ เหตุใดข้าช่วยเ้า เ้าถึงไม่ยินยอม”
หนิงมู่ฉือลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้าง สีหน้าเด็ดเดี่ยว กล่าวตอบอย่างนอบน้อม “บ่าวขอบคุณในความหวังดีของท่านเ้าค่ะ บ่าวแค่ไม่อยากใช้วิธีนี้เพื่อหลบการเข้าวัง”
จ้าวซีเหอได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง เมื่อไหร่กันที่เขากลายเป็คนชอบยุ่งเื่ชาวบ้านเช่นนี้ ห่วงใยบ่าวคนหนึ่งว่าจะมีชีวิตที่ดีหรือไม่ เขาคิดพร้อมกับเดินจากไป
ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เริ่มต้นั้แ่เมื่อใด รู้ตัวอีกทีก็ถลำลึกลงไปแล้ว...
หนิงมู่ฉือมองจ้าวซีเหอที่เดินจากไปพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นางลงกลอนประตูห้องให้ดี สีหน้าจ้าวซีเหอก่อนจะออกไปดูไม่ดียิ่งนัก ในใจนางพลันรู้สึกอึดอัด หากแต่ความง่วงที่เข้าจู่โจมจึงผล็อยหลับไป
อาจเป็เพราะหลายวันมานี้หนิงมู่ฉือเหนื่อยเกินไป ตะวันส่องถึงก้นนางถึงค่อยลืมตาตื่น จึงพบว่าแม่บ้านถือไม้ขนไก่กำลังจะฟาดลงมาที่นางอยู่รอมร่อ
นางลุกขึ้นมานั่งโดยพลัน ส่งยิ้มให้แม่บ้านที่มีสีหน้าโกรธา ยกมือขึ้นมาบัง ก่อนจะค่อยๆ ดึงไม้ขนไก่ออกจากมือของแม่บ้าน
แม่บ้านชี้หน้านางพลางเอ่ยด้วยโทสะ “ตะวันส่องถึงก้นแล้ว ข้าให้คนรับใช้มาเรียกเ้าอยู่นานสองนาน แต่เ้าก็ไม่ตื่น!”
นางรีบเข้าไปนวดไหล่แม่บ้านอย่างเอาอกเอาใจ พร้อมกับเอ่ยอย่างน่าสงสาร “เมื่อวานข้ายุ่งั้แ่เช้าจรดค่ำ ท่านแม่บ้าน ท่านยกโทษให้ข้าเถิด”
แม่บ้านยังคงด่าว่านางด้วยความโมโห “ข้ายกโทษให้เ้า แล้วผู้ใดยกโทษให้ข้า! ท่านอ๋องหิวแล้ว สั่งให้ข้ามาเร่งเ้า!”
หนิงมู่ฉือได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า พลางกล่าวกับแม่บ้าน “ท่านแม่บ้าน ท่านวางใจเถิด ข้าจะไปทำอาหารประเดี๋ยวนี้”
นางสวมผ้ากันเปื้อนเดินเข้าไปในห้องครัว เห็นเต้าหู้ขาวอวบและผักสดใหม่ ในสมองพลันคิดว่า มื้อเช้าไม่ควรเป็อาหารที่เลี่ยนเกินไป เช่นนั้นทำน้ำแกงหยกขาวเพื่อบำรุงกระเพาะให้แก่ท่านอ๋องดีกว่า
นางหันเต้าหู้เป็ชิ้นลูกเต๋าอย่างระมัดระวัง เต้าหู้ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ อยู่ตลอดเวลา
จัดการกับเต้าหู้เสร็จแล้ว นางปอกเปลือกกุ้ง หันผักกวางตุ้ง และเห็ดหอมต่อ นำแป้งออกมาผสมกับน้ำที่ใช้แช่เห็ดหอม จนจับตัวเป็ก้อนคล้ายกลีบดอกกล้วยไม้หยก
แม่บ้านที่ยืนดูอยู่ด้านข้างถึงกับตะลึงตาโต นางหันไปยิ้มอ่อนให้ จากนั้นนำเห็ดหอมและกุ้งลงไปผัดในกระทะ ใส่น้ำที่ผสมกับแป้งเมื่อสักครู่ลงไป กลิ่นหอมพลันโชยขึ้นมาในทันใด ขณะเดียวกันนางสังเกตความเคลื่อนไหวของหม้อด้านข้าง จากนั้นนำสิ่งที่ผัดในกระทะก่อนหน้านี้ใส่ลงไปในหม้อ ตามด้วยเต้าหู้ที่หั่นเป็ชิ้นลูกเต๋า
กลิ่นหอมโชยไปทั่วทั้งตำหนัก ท่านอ๋องถึงกับมีท่าทีร้อนร่นขึ้นมาโดยพลัน เขาสั่งเด็กรับใช้ที่อยู่ข้างๆ “เ้าไปดูที่ห้องครัวสิว่าอาหารปรุงเสร็จแล้วหรือยัง”
เด็กรับใช้ลอบกลืนน้ำลาย วิ่งตรงไปยังห้องครัวอย่างตื่นเต้น
ครั้นจ้าวซีเหอได้กลิ่นหอมของน้ำแกงหยกขาว ความกระปรี้กระเปร่าเข้ามาแทนที่ความง่วงทันที ได้ยินเสียงท้องร้องโครกคราก เขาอยากจะทานอาหารที่หนิงมู่ฉือทำเสียเดี๋ยวนี้เลย
หนิงมู่ฉือยิ้มอ่อนขณะยกน้ำแกงหยกขาวมาให้ท่านอ๋องและจ้าวซีเหอ เมื่อเปิดฝาออก กลิ่นหอมของเต้าหู้และกลิ่นหอมสดใหม่ของกุ้งลอยพุ่งเข้าไปในโสตประสาทของทุกคนเป็อย่างแรก
ท่านอ๋องมองน้ำแกงหยกขาวด้วยความอึ้ง ก่อนจะหันไปถามหนิงมู่ฉือด้วยสีหน้าตะลึง “นางหนูหนิง เหตุใดในน้ำแกงถึงมีก้อนลักษณะคล้ายกลีบดอกกล้วยไม้หยก เ้าทำเช่นนี้ข้าจะทานลงได้อย่างไร”
หนิงมู่ฉือส่งยิ้มบางๆ ให้ นางมองจ้าวซีเหอที่ก้มหน้าก้มตาทานพลางเอ่ยตอบ “ท่านอ๋องทานเถิดเ้าค่ะ ไม่ต้องคิดมาก ถ้าอยากจะทานอีก บ่าวจะทำให้ท่านอีก”
จ้าวซีเหอยกนิ้วโป้งชมเชย ทว่านางเห็นแล้วกลับรู้สึกอึดอัด จึงก้มหน้านิ่ง ไม่ตอบอันใด
ในน้ำแกงมีคราบน้ำมันลอยอยู่เล็กน้อย บนสุดประดับด้วยต้นหอมที่ถูกซอยเป็ชิ้นเล็กๆ ทำให้ผู้คนเห็นแล้วห้ามความอยากทานเอาไว้ไม่อยู่ มองท่านอ๋องและจ้าวซีเหอก้มหน้าก้มตาทาน ในใจหนิงมู่ฉือรับรู้ได้ถึงความสำเร็จ
เมื่อทั้งสองทานจนอิ่ม ใช้มือลูบท้องอย่างมีความสุข
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้