“เ้าบรรลุขั้นที่เจ็ดของวิชาลมหายใจัแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
ปู้เสวียนยินดูประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้แล้วใช้มือรองท้ายทอยไว้พลางยืดตัวบิดี้เีรอยยิ้มแบบมีเลศนัยผุดขึ้นมาบนหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ขั้นที่แปดของวิชาลมหายใจัมีชื่อว่าาเทพัคุน โดยคุนที่ว่าเป็ชื่อของปลาชนิดหนึ่งที่สามารถบินในอากาศได้เมื่อก่อนเคยมีท่อนหนึ่งของกวีที่ว่า ‘เ้าแห่งปลาเขตเหนือนามว่าคุนรูปร่างยิ่งไกลยาวไกลกว่าหลายพันลี้’ ซึ่งขั้นที่แปดของวิชาลมหายใจัจะฝึกฝนในเื่นี้เพราะัเป็าาแห่งสรรพสัตว์กว่าพันล้านชนิดส่วนคุนก็เป็หนึ่งในพันล้านชนิดที่ว่า และในขั้นนี้เป็การฝึกฝนที่แข็งแกร่งจึงทำให้การฝึกฝนเป็เสมือนการอยู่ในแดนเหนือที่หนาวเหน็บดังนั้นผู้ฝึกฝนจะต้องควบคุมพลังิญญาเพื่อไม่ให้ถูกแช่แข็งถึงจะฝึกฝนต่อไปได้”
“แล้วตอนนั้นท่านฝึกอย่างไรล่ะ?”
นางยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าเหรอ...ตอนนั้นข้าฝึกฝนอยู่ในพื้นที่ของวิหาริญญาวิหคทางเขตใต้ซึ่งมีูเาไฟค่อนข้างมากจึงเลือกปากปล่องูเาไฟสักปล่องหนึ่งเพื่อฝึกฝน แต่ที่นี่คือเขตเหนือจึงเป็การยากที่เ้าจะตามหาูเาไฟแบบนั้นได้และอีกอย่างข้าก็กลัวว่าเ้าจะเจอการะเิของูเาไฟเข้า เอาเป็ว่าข้าจะสอนวิธีดีๆอย่างหนึ่งแล้วกัน”
“อืม ท่านว่ามาสิว่ามีวิธีดีๆ แบบไหนบ้าง?” ข้าได้ยินแล้วจึงตอบกลับด้วยท่าทีดีใจไม่น้อย
นางหรี่ตาลงก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ด้านใต้ของเมืองหลินเสี่ยเฉิงมีูเาไฟที่ดับแล้วชื่อว่าน้ำพุร้อนหัวเฉวี่ยน ซึ่งลาวาด้านในยังไม่ดับสนิทดีและปัจจุบันก็มีการสร้างตำหนักชั่วคราวของซูซีเฉิงซึ่งเป็เสนาบดีของสหพันธ์ขึ้นที่นั่นโดยจะต้องเป็คนของตระกูลซูเท่านั้นถึงจะเข้าออกสถานที่แห่งนี้ได้ ดังนั้น...เ้าควรไปบอกให้ซูเหยียนช่วยพาเ้าไปหน่อยเพราะที่นั่นเป็ความร้อนจากธรรมชาติ และถือโอกาสพาข้าไปด้วยเพราะข้าอยากจะไปแช่น้ำร้อนที่นั่นมานานแล้วเหมือนกัน”
ข้าได้ยินแล้วจึงพูดอย่างลังเล “ท่านพี่จะหาเื่ไปแช่น้ำร้อนโดยบอกว่าไปฝึกฝนวรยุทธ์แบบนี้มันจะดีเหรอ?”
นางที่ได้ยินยืดแขนออกอย่างสบายๆ ก่อนจะพูดขึ้น “แล้วมันไม่ดีตรงไหนกัน? หลายปีมานี้ข้าบ่มเพราะคนเก่งๆ ให้สหพันธ์มาตั้งเท่าไรก็ต้องมีการให้รางวัลตัวเองเป็ธรรมดาสิ เอาล่ะ พรุ่งนี้เช้าเ้าไปบอกซูเหยียนเพื่อจะได้ออกเดินทางไปแช่น้ำพุร้อนด้วยกันในตอนเย็นอย่าลืมเอาโสมโลหิตกับปลาหลีฮื้อหลงหลิงของเ้าไปด้วยล่ะ และถ้าฟ้าดินเป็ใจใช้เวลาสามถึงห้าวันก็คงจะบรรลุขั้นที่แปดแล้วล่ะ!”
“แล้วตอนนั้นท่านใช้เวลาไปเท่าไรล่ะท่านพี่?”
“สองวัน”
“...”
ช่างเถอะ! เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนเก่งๆ แบบนี้ก็มีแต่จะทำให้ข้ารู้สึกด้อยค่าเสียเปล่าๆ
...
่พักระหว่างคาบในตอนบ่ายของวันถัดมา
“ตำหนักชั่วคราวของตระกูลซู?” ซูเหยียนถามขึ้นอย่างสงสัย
ข้าพยักหน้ารับ “อืม่นี้ข้ากำลังฝึกฝนวิชาลมหายใจัขั้นที่แปด และ้าความร้อนจากธรรมชาติเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายจึงอยากให้เ้าช่วยพาข้ากับพี่เสวียนยินไปที่นั่นสักหน่อย”
“แสดงว่าเ้าอยากจะไปแช่น้ำร้อนที่ตำหนักนั่นสินะ?”
“ก็ใช่...ได้หรือเปล่าล่ะ?”
ซูเหยียนส่งเสียงครุ่นคิดออกมาพักหนึ่งก่อนใบหน้าเรียวรูปไข่จะแดงระเรื่อ“ถ้าอย่างนั้นเ้าจะไปแช่น้ำพุร้อนกับข้าไหมล่ะ?”
พอเห็นนางอรชรอ้อนแอ้นด้วยความเหนียมอายหัวใจของข้าก็เกิดเต้นรัวอย่างอดไม่ได้จนหน้าแดงเหมือนกัน “เื่นี้...หากว่าได้ข้าก็ต้องไปแช่กับเ้าอยู่แล้ว แต่ข้ากำลังฝึกฝนในขั้นาเทพัคุนอยู่จึงกลัวว่าไอเย็นจะแผ่ไปหาเ้าด้วยน่ะสิ”
“อ้อ...แบบนี้นี่เองสินะ” นางเม้มปากเล็กๆ ก่อนจะเริ่มพูดต่อ “ไม่เป็ไรเพราะถือเป็การช่วยเ้าอยู่แล้ว ว่าแต่จะไปเมื่อไรล่ะ?”
“่เย็นวันนี้ได้หรือเปล่า?”
“ได้เลยถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าจะบอกลุงหลงไปจัดการให้แล้วกัน”
“อืม ขอบคุณเ้ามากนะเสี่ยวเหยียน”
“ฮึ!”
นางกอดอกทำท่าไม่สบอารมณ์ก่อนจะพูดต่อ “สำหรับพวกเราแล้วยังจะต้องมาเกรงใจกันอีกเหรอ?”
“...ไม่ต้องเหรอ?”
เมื่อเห็นนางเป็แบบนี้ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปกอดคอของนางไว้แน่นก่อนจะพูดขึ้น “น้องสาวเ้าพูดแบบนี้หมายความว่าไง ฮ่าๆๆๆๆๆ”
...
แต่เมื่อถึง่เย็นกลับไม่ได้มีแค่ซูเหยียนแต่ยังมีถังเชวียหราน ต้นไถเหยา และหลิวถงเอ๋อร์ตามมาด้วย จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เื่แปลกเพราะพวกนางอยู่หอพักเดียวกัน ถ้าไม่มาด้วยกันต่างหากถึงจะแปลก
รถยนต์ขับเคลื่อนสีขาวสมัยใหม่สองคันของสหพันธ์มาจอดรออยู่ที่หน้าประตูสำนักหมื่นิญญา
แถมยังมีอีกคันที่เตรียมไว้เฉพาะรองเ้าสำนักอย่างพี่เสวียนยินอีกต่างหาก
“ตามข้ามาเลย” ซูเหยียนยิ้มพลางพูดขึ้น
“ได้เลย!”
พอข้าขึ้นไปบนรถก็พบว่าสวี่ลู่นั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับด้วยจึงถามขึ้น “พี่ลู่ท่านก็ไปกับเขาด้วยเหรอ?”
นางหันมาแล้วยิ้ม “ไม่ต้อนรับข้าอย่างนั้นเหรอ? ขนาดครีมอาบน้ำข้ายังเตรียมมาแล้วด้วยนะ”
คราวนี้ก็มีหญิงงามไปกับข้าตั้งหกคนเลยสินะ!
แต่อย่างไรก็ต้องเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้จุดมุ่งหมายของข้ามีเพียงอย่างเดียวคือรีบบรรลุขั้นที่แปดให้ได้เพราะตอนนี้เพียงแค่ขั้นที่เจ็ดของวิชาลมหายใจัยังไม่เพียงพอสำหรับการต่อสู้ของข้าแล้วล่ะ
รถทั้งสามคันขับเคลื่อนออกมานอกเมืองและเมื่อเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่หมาย
ไม่ไกลจากตรงนี้คือตำหนักชั่วคราวที่ตั้งอยู่ตรงชายเขาซ้ำยังมีการสลักคำว่าตำหนักชั่วคราวของตระกูลซูเอาไว้บนหินก้อนใหญ่แถมยังมีทหารของพันธมิตรนักปราชญ์ขาวกว่าห้าร้อยนายคอยเฝ้าระวังอีกด้วยมิน่าล่ะพี่เสวียนยินถึงอยากจะมาแต่มาเองไม่ได้
พอเข้าไปด้านใน พ่อบ้านร่างอ้วนคนหนึ่งรีบออกมาต้อนรับ “มาแล้วหรือขอรับคุณหนูใหญ่”
ซูเหยียนยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “ท่านลุงลู่เดี๋ยวพวกข้าจะไปอาบน้ำกันก่อน ท่านช่วยไปเตรียมข้าวปลาอาหารไว้ก่อนถ้าพวกข้าอาบเสร็จจะมากิน แล้วท่านช่วยไปเตรียมห้องรับแขกไว้ให้ทีเพราะถ้าดึกเกินไปพวกข้าก็จะพักที่นี่แหละ”
“ขอรับ คุณหนูใหญ่!”
ลุงลู่คนนั้นเมื่อเห็นพี่เสวียยินจึงหันมาทำความเคารพนางด้วย “คารวะท่านเทพศาสตราวุธท่านก็มาด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“อืม ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทางไหน?”
“รอสักครู่ขอรับเดี๋ยวข้าจะบอกให้คนพาท่านไป”
สาวรับใช้สองนางนำทางหญิงงามทั้งหลายไปก่อนจะมีคนรับใช้ผู้ชายเดินเข้ามาทำความเคารพข้าแล้วพูดขึ้น “คุณชายปู้ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของผู้ชายอยู่ทางนี้ขอรับ”
“ขอบใจ”
“ไม่เป็ไรขอรับ”
พอมาถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าขนาดใหญ่แห่งนี้ข้าจึงถอดเสื้อผ้าออกทันทีเพราะมีแค่ข้าเพียงคนเดียวก่อนจะสวมกางเกงขาสั้นที่เตรียมไว้สำหรับฝึกฝนวรยุทธ์แล้วเดินออกมา
บ่อน้ำพุร้อนตั้งอยู่ด้านหลังของตำหนักที่มีมากกว่าเจ็ดถึงแปดบ่อล้อมรอบต้นไผ่เตี้ยๆ และดอกไม้หลายพันธุ์ที่ปลูกไว้ตรงกลางไอร้อนลอยคลุ้งจนััได้ถึงความร้อน
แกร๊ก...
เสียงประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของห้องข้างๆดังขึ้นก่อนหญิงงามทั้งหลายจะเดินออกมาพร้อมกับผ้ากระโจมอกที่คาดปิดเนื้อด้านในเอาไว้ ข้าถึงกับเบิกตาโตเพราะยังมีเรียวขาขาวๆ โผล่ออกมาจากชายผ้านั้นด้วยภาพตรงหน้ามันช่างสวยงามจนข้าคิดว่าถึงจะตายอยู่ที่นี่ก็ถือว่าคุ้มค่า
ขณะที่ข้ากำลังมองจนตาโตอยู่นั้นซูเหยียนก็เดินเข้ามาพร้อมกับเอามือเท้าสะเอวก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา “อาจารย์ปู้ตาของเ้ามันจะถลนออกมานอกเบ้าอยู่แล้วนะ!”
ข้าอดไม่ได้ที่ชะงักไปพักหนึ่งก่อนจะหน้าแดง “เสี่ยวเหยียนเ้าหุ่นดีมากจริงๆ”
“ถือเป็คำชมที่มาจากใจสินะ...” ถึงนางจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยังมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจกับหุ่นตัวเองเท่าไร “เมื่อกี้ตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเห็นรูปร่างของท่านรองเ้าสำนักข้าก็เกิดน้อยใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น...”
ข้าพูดปลอบใจ “บางทีถ้าเ้าโตขึ้นอีกหน่อยมันก็โตตามเองแหละน่า”
“เ้าเชื่อแบบนั้นเหรอ?” นางว่าแล้วก้มดูหน้าอกตัวเอง
ข้ายิ้มแห้งๆ ก่อนจะบอกไป “ไม่เป็ไรหรอกน่าเื่แบบนี้มัน...มันก็เป็ไปตามโชคชะตา จริงด้วยสิบอกให้คนของเ้าเอาเตามาให้ข้าหน่อยเพราะข้าจะต้องแช่น้ำอุ่นและต้มปลาหลีฮื้อหลงหลิงไปด้วยอีกอย่างข้าคงไปแช่ในบ่อเดียวกับพวกเ้าไม่ได้ไม่อย่างนั้นคงทำให้บ่อของพวกเ้ากลายเป็บ่อน้ำเย็นแน่ๆ”
นางหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดอย่างกันเอง “รู้แล้วล่ะน่าถ้าอย่างนั้นเ้าก็อยู่บ่อที่หนึ่งไปแล้วกัน ข้ากับคนอื่นๆจะแช่ในบ่อที่สองจะได้คุยกันไปด้วย”
“อืม ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อนนะ”
“อืม!”
...
ทั้งสองบ่อห่างกันประมาณห้าเมตรถึงแม้จะไม่มีไม้ไผ่กั้นหมอกที่ลอยคลุ้งนั้นไว้แต่ก็มองไม่เห็นอีกบ่ออยู่ดีข้าลงไปในบ่อน้ำพุพร้อมกับกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่แล้วก็ได้ยินเสียงคนลงน้ำที่ดังขึ้นไม่ไกลพวกนางคงต้องถอดผ้าคลุมออกก่อนจะลงบ่อแน่ๆ และพอคิดได้แบบนี้ภาพผิวกายอันขาวเนียนก็ลอยเข้ามาในหัว
ให้ตายเถอะ ข้าอยากจะไปอยู่ตรงนั้นด้วยจริงๆ!
ในตอนนี้ข้าไม่เพียงต้องควบคุมความเย็นของวิชาลมหายใจัขั้นที่แปดแต่ยังต้องสงบสติและอารมณ์ร้อนภายในใจของตัวเองซึ่งเป็สิ่งที่ผู้ฝึกฝนิญญาทุกคนควรทำเพื่อก้าวเข้าไปสู่ขั้นสูงสุดของการผสานระหว่างร่างกายกับพลังิญญาในตัว
พอเห็นว่าอุณหภูมิเริ่มได้ที่ข้าก็เริ่มเคลื่อนพลังและฝึกฝนทันที ตอนนี้ข้านั่งลงในบ่อให้เหลือเพียงหัวที่โผล่พ้นน้ำก่อนรูขุมขนจะเปิดกว้างเพื่อรับกระแสน้ำอุ่นๆให้แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายจนรู้สึกสบายเนื้อสบายตัว
เอาล่ะ เริ่มฝึกฝนจริงๆ กันสักที!
หลังจากที่เข้าฌานแล้วข้าก็เข้าไปอยู่ในโลกของาเทพัคุนทันทีภาพโดยรอบตัวเข้าสู่บรรยากาศของแดนเหนืออันหนาวเหน็บและโดดเดี่ยวอีกครั้งและตอนนี้สิ่งที่ข้าจะต้องทำท่ามกลางความโดดเดี่ยวคือการใช้พลังิญญาจนเทพัเผยกายออกมาแหวกว่ายและพร้อมจะกลืนกินทุกสรรพสิ่งท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเหน็บ
ตั้งจิตแล้วเคลื่อนพลังไปทีละรอบโดยครั้งนี้ไม่มีความรู้สึกที่เหมือนจะรับไม่ได้เหมือนครั้งก่อนสักนิดกระทั่งข้าเคลื่อนพลังไปกว่าเจ็ดแปดรอบจึงรับรู้ถึงความมืดมิดและความหนาวเหน็บที่เริ่มเข้ามาเยือนช่างเป็สิ่งที่ยากจะรับมือไหวเมื่ออยู่ในแดนเหนือที่เย็นเยือกขนาดนี้ทว่าข้ากลับรู้สึกว่ากำลังจะบรรลุแล้วเช่นเดียวกัน!แผ่นน้ำแข็งเกิดเป็ลำแสงเรืองรองออกมาทีละเล็กละน้อยก่อนจะหลอมรวมกันจนกลายเป็ภาพของัขณะนอนหลับใหลอยู่บนพื้นรอวันเบิกตาขึ้นมาดูโลก!
“รีบตื่นขึ้นมาสิ! ปู้อี้เชวียน”
เสียงของตั้นไถเหยาดังขึ้นอยู่ไม่ไกล
ข้าลืมตาขึ้นมาก่อนจะสูดอากาศเข้าปอดไม่รู้ว่าข้าทำให้น้ำในบ่อกลายเป็น้ำแข็งั้แ่เมื่อไรทั้งยังแช่แข็งตัวเองอยู่ข้างในจนหนาวสั่นไปทั้งตัว
ตั้นไถเหยาที่อยู่ในชุดคาดอกถามข้าอย่างรีบร้อน “จะเอาโสมโลหิตหรือเปล่า?”
“เอา รีบโยนเข้ามาเร็ว”
“อืม!”
สวบ!
ไม่นานโสมโลหิตเก้าร้อยปีก็ถูกโยนมาข้ารีบกินเข้าไปอย่างเร็วก่อนร่างกายจะแผ่ไอร้อนออกมา ทำให้น้ำแข็งละลายและปีนขึ้นมาจากบ่อได้
“ลองเปลี่ยนบ่อน้ำร้อนดูไหม?” ซูเหยียนถามขึ้น
“อืม เอาสิ!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปบ่อที่สาม”
“อืม ขอบใจเ้ามากนะเสี่ยวเหยียนดูเหมือนข้าจะก่อเื่ให้ตำหนักของพ่อเ้าแล้วล่ะ”
“ไม่เป็ไรหรอกถึงอย่างไรการฝึกฝนของเ้าก็สำคัญกว่าอีกอย่างบ่อนี่ได้ความร้อนมาจากใต้ดินรออีกสักพักน้ำแข็งก็จะละลายเองแหละ”
...
พอได้เปลี่ยนบ่อ ข้าก็เริ่มเคลื่อนพลังทันทีหลังจากผ่านไปเจ็ดถึงแปดรอบภาพของัในนิมิตมันก็เริ่มแข็งตัวและปรากฏออกมาจนเกือบจะชัดเจนในตอนนี้เองก็ได้ยินเสียงร้องดังก้องฟ้า ข้าจึงต้องเงยหน้าขึ้นดูร่างของปลาขนาดใหญ่กำลังแหวกว่ายกลางอากาศพร้อมกับมุ่งตรงมาทางข้าในที่สุดก็ออกมาแล้วสินะ
าาแห่งแดนเหนือ คุนเผิง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้