ิอวี่นิ่งคิดแล้วพูดว่า “นั่นก็หมายความว่า สำนักเทพอัคคีเกิดจากกลุ่มเก้ากลุ่ม”
“ถูกต้อง”
ถังซื่อหรงอธิบายต่อว่า “แต่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เ้าคิดหรอกนะ เพราะแต่ละสายก็จะมีพลังงานแฝงที่แตกต่างกันออกไป ศูนย์กลางของสำนักเทพอัคคีจะมีพลังงานที่บริสุทธิ์ที่สุด และมีพลังงานความร้อนที่มากที่สุดและนั่นก็คือสามสายซึ่งถูกเรียกว่ากลุ่มสามสายบน พลังงานที่ล้อมอยู่ชั้นกลางถูกเรียกว่ากลุ่มสามสายกลาง และที่ล้อมอยู่นอกสุดเรียกว่ากลุ่มสามสายล่าง”
“ดังนั้น ที่เ้าพูดเมื่อครู่ก็คืออีกสองสายของกลุ่มสามสายล่างอย่างนั้นหรือ?” ิอวี่พูด
“ถูกต้อง” ถังซื่อหรงตอบกลับด้วยเสียงที่ดังและฟังชัด
ิอวี่ยักไหล่แล้วพูดอย่างเสียดายว่า “น่าเสียดายนะ ที่ไม่ใช่สามสายบนกับสามสายกลาง หากสามารถเข้าไปที่นั่นได้ก็น่าจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย”
ที่จริงิอวี่ก็รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย เพราะการมาในครั้งนี้เขาได้แบกภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ต้าิมาด้วย เขาหวังว่าความสามารถของเขานั้นจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้รวดเร็วที่สุด
“เหอะๆ ข้าว่าเ้าต้องรู้จักประมาณตนนะ”
เมื่อเห็นิอวี่ดูเศร้า ถังซื่อหรงก็พูดว่า “อย่าเพิ่งพูดถึงสามสายบนกับสามสายกลางเลย เอาแค่เ้าเข้าสามสายล่างได้ก็ถือว่าเป็วาสนาที่สูงส่งแล้ว สิ่งที่จะได้เรียนรู้ก็มีไม่น้อยแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น เมื่อเข้าสามสายล่างแล้วก็ไม่มีโอกาสได้เลื่อนมิติอีกหรือ อยู่ได้แค่ที่เดียวเท่านั้นหรือ?” ิอวี่ถามอย่างไม่ยอม
“มันก็ไม่ใช่แบบนั้น แต่ละสายจะมีศิษย์ธรรมดา ศิษย์ชั้นยอด และมีศิษย์ศูนย์กลางที่มีพร์ความสามารถแข็งแกร่งที่สุด หากใครได้กลายเป็ศิษย์ศูนย์กลางก็มีโอกาสได้เลื่อนมิติ”
ถังซื่อหรงพูดแค่ครึ่งเดียวก็เปลี่ยนประเด็น “แต่พูดตามตรงนะน้องชาย เ้าอยู่ที่สามสายล่างก็ได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะมากมายแล้ว หากเ้ากลับไปบอกคนในราชวงศ์ของตัวเองว่าเ้าเป็ศิษย์สามสายล่างของสำนักเทพอัคคี พวกเขาจะเห็นเ้าไม่ต่างกับเทพเ้า สิ่งที่เ้าจะได้รับยังคิดว่าไม่พออีกหรือ?”
คำพูดของถังซื่อหรงมีน้ำเสียงที่สูง เหมือนว่าเขาจะโกรธนิดหน่อย
เขามาที่สำนักเทพอัคคี คิดอยากจะเข้าสามสายล่างยังรู้สึกว่ามันเป็อะไรที่ลึกลับมากแล้ว แต่ิอวี่กลับแสดงท่าทีไม่อยากเข้าสามสายล่าง เหมือนกบในกะลา เป็พวกความรู้น้อย
ิอวี่เองก็ไม่ได้เถียงกลับ เพราะเขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับสำนักเทพอัคคีเลยจริงๆ เขาถามต่อไปอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นนะพี่ชาย ต่อไปเราจะไปเข้าร่วมการทดสอบของสายไหนล่ะ?”
“สองสายก่อนหน้านี้คือสายจั่วเหยียนกับสายหรงเหยียน และการทดสอบในตอนนี้ก็คือสายเลี่ยนเหยียน ยังมีอะไรจะถามอีกไหม ถามมาทีเดียวเลยจะได้ไหม?”
ถังซื่อหรงเหมือนจะเริ่มหงุดหงิดแล้ว
ิอวี่ส่ายหน้า จากนั้นเขาก็เงียบไป ในใจของเขากำลังคิดถึงข้อมูลที่ถังซื่อหรงให้มา แล้วเวลาก็ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยามโดยที่เขาไม่รู้ตัว ในเวลานี้เอง ภาพของสำนักเทพอัคคีชัดเจนขึ้น ในสายตาของเขามีแต่ร่องเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ในสำนักเทพอัคคี
ตอนนี้ิอวี่ไม่จำเป็ต้องดูแผนที่อีกแล้ว แค่มองไปที่ผู้มีความสามารถมากกว่าพันคนที่กำลังมุ่งหน้าไปก็พอ ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ่หลังเที่ยงิอวี่ก็มาถึงสำนักเทพอัคคีจริงๆ สักที
ด้านหน้ามีเส้นทางคดเคี้ยวสายหนึ่ง เป็ร่องเขาที่กว้างประมาณสามพันเมตร มีลาวาที่ค่อนข้างหนาแน่นซึ่งไม่รู้ว่าลึกหรือทอดยาวไปไกลแค่ไหน รู้แต่ว่ามันมีระดับความร้อนที่สูงมากจนทำให้อากาศในบริเวณนั้นมันเพี้ยนไปด้วย!
ลาวาไหลไปตามทางบนร่องเขา มีเสียงเดือดดังขึ้นอยู่ตลอดเวลาราวกับเสียงคำรามของั ใครที่ได้ยินต่างก็รู้สึกหวั่นใจ!
ิอวี่มองลงมาจากบนท้องฟ้า แค่เห็นมันก็รู้สึกเสียวไปถึงหนังหัว เมื่อเข้าไปใกล้เขาก็รู้สึกนับถือผลงานที่เกิดจากธรรมชาติเอามากๆ
สายเลี่ยนเหยียนเหมือนไม่มีปลายทาง มันกินพื้นที่กว้างมาก สิ่งที่เขาได้เห็นจากการบินมาเกือบสี่ชั่วยามก็คือขนาดพื้นที่ที่ลาวาไหลผ่าน มันเทียบเท่ากับเมืองขนาดกลางหนึ่งเมืองในราชวงศ์ต้าิเลย
ในสำนักเทพอัคคีมีเส้นเืทั้งหมดเก้าสาย นึกภาพออกเลยว่าสำนักเทพอัคคีนี้มีขนาดใหญ่แค่ไหน!
สำนักแห่งหนึ่ง แต่มีขนาดพื้นที่เท่ากับราชวงศ์ขนาดเล็กราชวงศ์หนึ่งแล้ว!
และสิ่งที่ิอวี่ััได้ชัดเจนที่สุดก็คือหมอก เพราะที่จริงแล้วมันไม่ใช่หมอกอะไรเลย แต่มันเป็พลังแห่งฟ้าดินที่หนาแน่นมาก! ขอแค่สูดดมเข้าไปก็จะได้กลิ่นพลังฟ้าดินที่บริสุทธิ์สดชื่นเข้าจมูก และทำให้ภายในรู้สึกสดชื่นไปด้วย
ความรู้สึกแบบนี้มันสดชื่นมากจริงๆ
จากที่ิอวี่ประเมิน พลังแห่งฟ้าดินนั้นหนาแน่นกว่าราชวงศ์ต้าิห้าถึงหกเท่าตัว ในรอบรัศมีสิบลี้ที่มีราชวงศ์ต้าิเป็ศูนย์กลาง แทบไม่มีพลังแห่งฟ้าดินที่แน่นขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าสำนักเทพอัคคีนั้นห่างไกลจากราชวงศ์ต้าิมาก คิดว่าน่าจะไกลมากถึงสองสามแสนลี้เลย
สำนักเทพอัคคีก็เหมือนแหล่งทรัพยากรที่อยู่นอกโลก อสูรดึกดําบรรพ์ที่อาศัยอยู่ที่นี่มีชีวิตที่ดีมาก
ส่วนอสูรสัตว์ปีกที่ิอวี่กับผู้กล้ากว่าพันคนขี่นั้นก็รู้สึกถึงพลังงานที่ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง พวกมันยังส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขซึ่งก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
ิอวี่ดูดซับพลังแห่งฟ้าดินเพื่อเพิ่มพลังงานให้กับตัวเองอย่างต่อเนื่อง และควบคุมเ้าวิหคัปีกมืดให้ตามกลุ่มคนจำนวนมากไปยังสายเลี่ยนเหยียน ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ก็เห็นเงาของอสูรสัตว์ปีกจำนวนมากกำลังลงไปที่หุบเขาแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากสายเลี่ยนเหยียนมากนัก
ิอวี่เองก็ตามลงไปในหุบเขานั้นด้วยเช่นกัน เขาพบว่าด้านล่างนั้นน่าจะมีคนรวมตัวกันอยู่ประมาณสองพันคน
ก่อนหน้านี้ก็มีคนประมาณพันกว่าคนกำลังรออยู่เพื่อให้มาครบจำนวนก่อน ถึงจะเริ่มบททดสอบในรอบใหม่
ในเวลานี้ ผู้ที่มีพร์ความสามารถที่รวมตัวกันอยู่ตรงนี้ แต่ละคนล้วนแต่เป็คนที่ถูกยกย่องอย่างสูงในราชวงศ์ของตัวเอง แต่ละคนอกผายไหล่ผึ่ง สายตาเฉียบคม กวาดสายตามองไป ก็จะเห็นท่าทางของแต่ละคนมีความผยองหัวสูง ไม่มีใครยอมใครเลย
หากไม่ใช่เพราะการทดสอบกำลังจะเริ่มขึ้น เกรงว่าพวกเขาคงมีการลงไม้ลงมือกันไปแล้ว
“ยินดีต้อนรับทุกคน สู่สายเลี่ยนเหยียน”
ขณะที่เหล่าผู้มีพร์จ้องเหมือนจะกินกัน ก็มีเสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยนดังขึ้นมาในหูของทุกคน ทำให้รู้สึกสบายอารมณ์อย่างมาก
เมื่อทุกคนหันไปมองก็พบว่ามีชายรูปร่างผอมสูง สวมชุดสีดำหน้าตาหล่อเหลาปรากฏตรงหน้าของทุกคน
ชายคนนั้นยิ้มอย่างเป็มิตร ท่าทางของเขาดูสง่างามอย่างมาก หญิงสาวหลายคนที่ได้เห็นเขาล้วนแต่หวั่นไหว
ชายคนนั้นรอจนทุกคนเงียบลงแล้วจึงพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ ว่า “ทุกท่าน ข้าคือหนึ่งในหัวหน้าผู้ดูแลสายเลี่ยนเหยียนของสำนักเทพอัคคีแห่งนี้ มีชื่อว่าลู่เฟิง การทดสอบของสายเลี่ยนเหยียนข้าจะเป็ผู้ตรวจสอบ เมื่อผ่านไปถึงด่านสุดท้าย พวกเ้าก็จะได้พบกับเหล่าผู้าุโของสายเลี่ยนเหยียน และพวกเขาก็จะเป็อาจารย์ของพวกเ้า”
พอพูดถึงตรงนี้ ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันเล็กน้อย
ิอวี่ยังยืนอยู่ด้านหลังของถังซื่อหรง แล้วพูดขึ้นมาเสียงเบาๆ ว่า “เ้ารู้จักผู้ดู ... ”
“ข้ารู้ว่าเ้าจะถามอะไร ข้าจะบอกเ้าเองตกลงไหม”
ถังซื่อหรงเหมือนจะไม่ได้แปลกใจกับคำถามของิอวี่ เขาเลยพูดแทรกขึ้นและพูดออกมาตรงๆ เลยว่า “ในสายเลี่ยนเหยียนจะมีศิษย์ชั้นยอดส่วนหนึ่ง พวกเขาได้จบการศึกษาจากสำนักเทพอัคคีไปแล้ว แต่ยังไม่ยอมออกจากสำนักไป และสุดท้ายก็ได้รับเลือกให้เป็ผู้ดูแล”
“ผู้ดูแลมีหน้าที่หลักในการดูแลการฝึกและพฤติกรรมของศิษย์ในสำนัก สามารถทำการตักเตือนและลงโทษศิษย์ที่ทำผิดกฎได้เลย สรุปแล้วก็คือตำแหน่งของพวกเขาเป็รองแค่ผู้าุโในสำนักเท่านั้น เมื่อพวกเขามีความสามารถในระดับหนึ่งหรือมีประสบการณ์ที่มากพอ และมีการฝึกที่ถึงขั้นก็สามารถได้รับการเสนอชื่อให้เป็ผู้าุโได้ผ่านการลงคะแนนเสียง ในเมื่อตอนนี้ลู่เฟิงเป็หัวหน้าผู้ดูแล อีกไม่กี่ปีเขาคงได้เป็ผู้าุโอย่างแน่นอน”
“อือ”
ิอวี่พยักหน้า ตอนนี้เขาไม่ค่อยอยากจะคุยกับถังซื่อหรงเท่าไร
ระหว่างที่ิอวี่กำลังพูดคุยกับถังซื่อหรง ทุกคนก็เห็นลู่เฟิงเอามือไขว้หลัง ยิ้มแล้วพูดว่า “ทุกท่าน ก่อนที่จะเข้าสู่การทดสอบ ได้โปรดปล่อยพลังลมปราณของพวกท่านออกมาด้วย ข้าจำเป็ต้องตรวจสอบก่อนว่าพวกท่านผ่านเกณฑ์หรือไม่”
ปล่อยลมปราณออกมาก็สามารถตรวจสอบได้แล้วหรือ?
คำถามนี้ปรากฏขึ้นมาในใจของทุกคน เดิมที คิดอยากจะตัดสินพลังฝีมือของใครสักคน จะต้องรวบรวมพลังจิตในระดับหนึ่งถึงจะสามารถตรวจสอบได้ข้อสรุปออกมาได้ แต่ในตอนนี้ ลู่เฟิงให้คนกว่าสองพันคนปล่อยลมปราณออกมา ถึงไม่บอกว่าเขาสามารถแยกแยะได้ไหม แต่ลมปราณที่ปนกันมั่วไปหมดแบบนี้ อย่างไรก็ส่งผลต่อการตัดสินของลู่เฟิงอย่างมากแล้ว
แต่ในเมื่อลู่เฟิงพูดมาแบบนี้แล้ว ทุกคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร พร้อมปล่อยลมปราณของตัวเองออกมาจนหมด
ชายหนุ่มหญิงสาวกว่าสองพันคนปล่อยพลังลมปราณจำนวนมากออกมา มันะเืกระจายไปทั่วทุกทิศจนเกือบจะะเิเขาทั้งลูกออกไปจนหมด!
ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ ผู้กล้าที่แข็งแกร่งทุกคนล้วนแต่มีอารมณ์ร่วมที่สูงมาก มันเหมือนวีรบุรุษมารวมตัวกัน ผู้มีความสามารถมาแย่งชิงความสำเร็จกัน!
ิอวี่กลับไม่ได้ปล่อยพลังทั้งหมดในตัวเขาออกไป แต่เขาปล่อยพลังออกไปแค่เทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัวเท่านั้น เพราะในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ หากปล่อยพลังออกไปจนหมดมันอาจเป็การทำร้ายตัวเขาเอง
และในเวลานี้เอง ทางด้านซ้ายมือก็มีลมปราณกลุ่มหนึ่งถูกปล่อยออกมา ลมปราณนั้นปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทุกคนมองด้วยความตะลึงออกไป เป็ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่กับที่ ผมของนางสะบัดพลิ้ว ลมปราณแผ่กระจายออกมาซึ่งเป็ลมปราณขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง!
ิอวี่จ้องมองไปก็พบว่านางไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็เิหยูเยียนที่ิอวี่ได้พบที่ทะเลทราย!
ทุกคนประหลาดใจอย่างมาก พวกเขาคิดว่าการมีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้า มีพลังเทียบเท่าราชสีห์หนึ่งหมื่นตัวก่อนอายุสิบแปดเป็อะไรที่น่าทึ่งมากแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้กลับมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง
อายุยังไม่ถึงสิบแปดก็มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งแล้ว ... แค่ฟังยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลย!
“นั่นมัน ... ราชวงศ์หย่งเิ เิหยูเยียนหรือ? ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาว่าที่ราชวงศ์หย่งเิมีหญิงสาวมหัศจรรย์คนหนึ่ง ไม่เพียงมีสุดยอดพลังเวท แต่พร์ของนางยังสูงจนน่าทึ่ง มีใบหน้าที่งดงามเกินบรรยาย สวยทลายเมือง รูปร่างงดงาม ผิวพรรณขาวผ่อง วันนี้มาได้เห็นก็รู้สึกเลยว่าความสามารถและความสง่างามนั้นเหลือล้นเหลือเกิน ผู้มีความสามารถที่แท้จริงในหมู่ผู้มีความสามารถจริงๆ ”
ถังซื่อหรงยืนพูดด้วยความตกตะลึงอยู่ข้างๆ
หลายคนที่ได้ยินคำพูดของถังซื่อหรง เมื่อรวมกับสิ่งที่พวกเขาได้ยินมาก่อนหน้านี้ก็ยิ่งมั่นใจในฐานะของเิหยูเยียน ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม และส่วนมากที่รู้สึกอิจฉา
เดิมทีพวกเขาก็เป็ผู้มีความสามารถที่มาจากสถานที่ต่างๆ ั้แ่เล็กจนโตไม่มีใครที่เหนือกว่า พวกเขาไม่ต่างจากเทพเ้าในราชวงศ์ของตัวเอง ไม่มีใครมีพร์มากไปกว่าพวกเขาอีกแล้ว
แต่พร์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ของเิหยูเยียนมันทำให้พวกเขาดูอ่อนลงไปเลย
ระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดอยู่นั้น ที่ทางด้านหลังทางขวามือก็มีลมปราณที่หนาแน่นแผ่กระจายออกมา!
“ผู้กล้า ... ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งอีกคนอย่างนั้นหรือ?!”
