ใช่ว่าูเี่อันไม่เคยนอนเตียงเดียวกับลู่เป๋าเหยียนเธอเคยนอนเตียงเดียวกับเขามาก็หลายครั้งหลายหน แต่การถูกเขารั้งตัวเข้าไปกอดทั้งๆที่ยังมีสติเต็มร้อยแบบนี้เพิ่งจะเป็ครั้งแรกหัวใจของเธอจึงเต้นรัวอย่างไม่น่าให้อภัย
เธอคิดถึงครั้งแรกที่ตัวเองลืมตาตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเขาหน้าของเธอแดงก่ำจนอยากจะมุดไปแอบที่ใต้เตียง เธอนึกว่าเป็เพราะตัวเองนอนดิ้นจึงขอโทษลู่เป๋าเหยียนไปอีกหลายครั้งพลางยอมรับว่าทั้งหมดเป็ความผิดของเธอ
แต่ตอนนี้ลองมาคิดดูดีๆคนที่ตื่นง่ายอย่างลู่เป๋าเหยียนถ้าไม่ยินยอมแล้วล่ะก็เธอจะกลิ้งไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาได้ยังไง เขาคงถีบเธอออกมาสิไม่ว่า ทว่าตอนนั้นเขากลับไม่มีสีหน้าเหมือนรังเกียจหรือผลักไสแถมดูจะพอใจเสียด้วยซ้ำ
เขาเอาเปรียบเธอแท้ๆแต่กลับทำเหมือนว่าเธอเป็คนผิดจนเธอเผลอคิดโทษตัวเองอยู่ตั้งนาน
มาวันนีู้เี่อันไม่รู้ว่าเธอควรจะโทษตัวเองหรือโทษใครแต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ขอแค่มีลู่เป๋าเหยียนอยู่ข้างกาย เธอก็รู้สึกสบายใจ
ไม่ว่าจะเป็่เวลาอันแสนเ็ปที่ต้องสูญเสียมารดาอันเป้นที่รักหรือภาพตอนที่ติดอยู่บนเขาท่ามกลางพายุฝน สิ่งเ่าั้ไม่อาจทำอะไรเธอได้อีกต่อไป
“ยังไม่หลับอีกเหรอ”เสียงของลู่เป๋าเหยียนดังขึ้น
เมื่อคืนถึงเธอจะหลับไม่ค่อยสนิทนักแต่ตอนเช้าเธอนอนบนเครื่องบินมา 3 ชั่วโมงเต็ม อีกทั้งวันนี้ก็ไม่ค่อยขยับตัวทำอะไรมากมายจึงยังไม่รู้สึกง่วง
“ฉันมีอะไรจะถามนาย”เธอกล่าว
ลู่เป๋าเหยียนเกี่ยวผมเธอเล่นพลางเอ่ย“ว่ามาสิ”
“ในเมื่อนายอดทนไม่มาเจอหน้าฉันเป็สิบปีแล้วทำไมจู่ๆถึงยอมตกลงแต่งงานกับฉันกันล่ะ?” พูดจบูเี่อันก็เงยหน้ามองเขา
“แม่บอกฉันว่าเธอยังไม่มีแฟนไม่ช้าก็เร็วคงต้องหาคนมาแต่งงานด้วย” ลู่เป๋าเหยียนเลิกคิ้วเล็กน้อย “ถ้าเป็แบบนั้นสู้ฉันแต่งงานกับเธอเลยดีกว่าจะให้ไปลักพาตัวเ้าสาวในวันแต่งงานก็คงจะยุ่งยาก แถมอาจจะเป็ข่าวอีก”
ูเี่อันอึ้งไปนี่เขาหมายความว่า ถ้าเธอกล้าไปแต่งงานกับคนอื่น เขาจะลักพาตัวเธองั้นเหรอ...
นี่มันการกระทำของพวกโรคจิตชัดๆ!
ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อาจปฏิเสธว่าการที่สุภาพบุรุษอย่างเขายอมทำตัวโรคจิตเพื่อเธอ ทำให้เธอรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย
“งั้น...ถ้าฉันแต่งงานกับคนที่ชอบล่ะ?” เมื่อพูดจบูเี่อันก็อดใจเต้นแรงไม่ได้
ลู่เป๋าเหยียนมองลึกลงไปในตาของเธอูเี่อันนึกว่าเขาจะบอกว่า ถ้าเธอชอบคนๆนั้น เขาก็ยินดีด้วย เสียอีก
แต่ที่ไหนได้...
“ถ้าคนๆนั้นไม่ใช่ฉันเธออย่าหวังว่าจะได้แต่งงานกับคนอื่น”
“......”คนๆนั้นก็คือนายนั่นแหละตาบ้า...
อยู่ๆูเี่อันก็รู้สึกเหมือนเขารู้ความลับของเธอแล้วซะอย่างนั้นหัวใจของเธอจึงเต้นแรงกว่าเมื่อครู่เสียอีก เธอมองหน้าลู่เป๋าเหยียนอยู่สักพักก่อนจะเบนสายตาออกมา
“หัวรุนแรงชะมัดเลย”
ลู่เป๋าเหยียนไม่สะทกสะท้านกับคำถากถางของเธอ
“เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้วจริงๆเหรอ?”
ูเี่อันอยากจะปฏิเสธแต่ในเมื่อเขารู้อยู่แล้วว่าเธอมีคนที่ชอบจึงพยักหน้าตอบรับ
“มีสิฉันมีคนที่ชอบมากมาโดยตลอดอยู่คนนึง”
“ใคร?” ลู่เป๋าเหยียนถาม
“ตัวฉันไง!”ูเี่อันยิ้มพลางเอ่ย “ฉันชอบตัวเองมากเป็พิเศษั้แ่เด็กๆแล้ว!”
เธอพูดโบ้ยอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้มีหรือที่ลู่เป๋าเหยียนจะดูไม่ออกทว่าเขากลับไม่มีปฏิกิริยามากเท่าที่ควร
ถ้าอิงจากนิสัยหัวรุนแรงของเขาแล้วล่ะก็เขาควรจะถามต่อว่าคนๆนั้นเป็ใครกันแน่ และลงมือจัดการให้พ้นหูพ้นตาไม่ใช่เหรอ? หรือเขาไม่คิดว่าคนที่เธอชอบเป็คู่แข่ง?
ความจริงแล้วที่ลู่เป๋าเหยียนไม่สนใจก็เพราะเขามั่นใจเขาเชื่อว่าสักวันหนึ่งูเี่อันจะพูดคำนั้นกับเขาด้วยตัวเอง
เขาก้มหน้าจูบหน้าผากของูเี่อัน
“ฉันก็ชอบเธอมากเป็พิเศษั้แ่เด็กๆแล้วเหมือนกันเอาล่ะ นอนได้แล้ว”
ูเี่อันรู้สึกราวกับถูกคนสกัดจุดจนนิ่งแข็งเป็หินจึง “อ้อ” ตอบกลับเขาไปอย่างแกนๆ
คงต้องยอมรับว่าบางครั้งเธอก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้เลย...สิ่งที่ลู่เป๋าเหยียนใช้จู่โจมเธอก็แค่จุมพิตหนึ่งที กับคำพูดอีกหนึ่งคำเท่านั้นแต่เธอกลับพ่ายแพ้ย่อยยับ
ดูท่าชีวิตนี้เธอคงไม่อาจหนีพ้นจากเงื้อมมือเขาไปได้แล้วสินะ
ถ้าอย่างนั้นเธอขออาศัยอยู่ในอ้อมกอดอันแข็งแกร่งและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแบบนี้ตลอดไปก็แล้วกัน
คิดแล้วูเี่อันก็ขยับตัวให้เข้าที่ก่อนจะหลับตาลงและเข้าสู่นิทราอันแสนสุข
ลู่เป๋าเหยียนได้ยินเสียงลมหายใจของคนข้างกายก็รู้ทันว่าเธอหลับปุ๋ยไปแล้วเขาจึงโอบเธอเอาไว้แน่นและหลับตาลงเช่นกัน
อีกด้านคนที่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลไปกว่าสิบกิโลเมตรอย่างซูอี้เฉิงกลับข่มตาหลับได้อย่างยากเย็น
โรคนอนไม่หลับรุมเร้าเขามานานโดยเฉพาะ่นี้ที่เขาต้องจัดการเคลียร์งานจนดึกดื่น สมองของเขาแล่นไม่หยุดจนต้องเพิ่งยานอนหลับทุกคืนเมื่อล้มตัวลงนอนในไม่ช้ายาก็ออกฤทธิ์ ความง่วงเริ่มเข้าครอบงำทำให้หนักตาหนักขึ้นทุกทีๆ
ก่อนจะผล็อยหลับไปเขานึกถึง่เวลาที่นอนหลับได้อย่างเป็สุขที่สุด นั่นก็คือวันที่เขาไปส่งลั่วเสี่ยวซีที่อพาร์ทเมนท์หลังกลับจากการดูบอลที่บ้านลู่เป๋าเหยียน
ตอนที่เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงของเธอความง่วงและความเหนื่อยล้าก็เข้าจู่โจมเขาจนหลับสนิทโดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ เขารู้สึกราวกับคนเร่ร่อนที่หาบ้านของตัวเองพบราวกับได้ย้อนกลับไปในวัยเด็กที่ไร้ความกังวล น่าเสียดายที่ในตอนนี้เขายังไปหาลั่วเสี่ยวซีไม่ได้
ทว่าสิ่งที่ซูอี้เฉิงอยากทำนั้นมีชายคนหนึ่งทำได้
เช้าวันรุ่งขึ้นณ บ้านตระกูลลั่ว
วันนี้ลั่วเสี่ยวซีตื่นสายจึงกินข้าวเช้าอย่างเร่งรีบขนาดนมก็ไม่ทันได้ดื่ม แม่ของเธอจึงให้เธอพกนมติดตัวไปดื่มระหว่างทาง
เธอเดินออกจากบ้านอย่างรีบร้อนโดยไม่นึกเลยว่าจะได้เจอกับฉินเว่ย
ั้แ่ครั้งนั้นที่เธอถือมีดไปหาเขาที่บ้านและแยกจากกันไปที่สถานที่ตำรวจเธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเธอบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของเขาโดยไม่สนใจว่าเขาจะพยายามติดต่อมาหรือไม่
ความรู้สึกที่เธอมีต่อฉินเว่ยคือความเกลียดชังและโกรธแค้นแต่เพราะตารางการฝึกที่หนักหน่วงทำให้เธอเกือบลืมเขาไปเสียสนิท
เธอคิดมาโดยตลอดว่าทางที่ดีที่สุดคือพวกเธอควรทำเป็ไม่รู้จักกันลบอีกฝ่ายออกไปจากชีวิตซะ แต่แล้วทำไมเขายังกล้ามีหน้ามาหาเธออีก?
“เสี่ยวซีพ่อเรียกฉินเว่ยมาช่วยขับรถไปส่งลูกที่บริษัทเองล่ะ” ประธานลั่วเดินออกมาจากบ้าน“เขามารอสักพักแล้วนะ รีบขึ้นรถเถอะ”
ฉินเว่ยเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับก่อนเอ่ย“เสี่ยวซี ฉันมีเื่จะคุยกับเธอ”
“พ่อคะหนูขอให้ครั้งนี้เป็ครั้งสุดท้ายนะคะ” ลั่วเสี่ยวซีพยายามไม่โมโห เธอก้าวเดินไปหยุดลงตรงหน้าฉินเว่ยโดยทิ้งระยะห่างเกือบสามเมตร “มีอะไรก็ว่ามา ฉันไม่อยากขึ้นรถนาย”
“เสี่ยวซีมีมารยาทหน่อยสิลูก พ่อเคยสอนเราั้แ่เด็กว่ายังไง” ประธานลั่วพูดอย่างไม่พอใจนัก
“คุยตรงนี้ไม่สะดวกอีกอย่างเธอก็จะสายแล้วไม่ใช่เหรอ” ฉินเว่ยกล่าว
ลั่วเสี่ยวซีดื่มนมจนหมดขวดก่อนจะโยนมันทิ้งถังขยะและขึ้นไปนั่งบนรถของฉินเว่ย
ใช้โอกาสนี้พูดกับเขาให้รู้เื่ไปเลยก็ดีไม่งั้นเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าพ่อจะยอมหยุดแค่นี้
ฉินเว่ยถอนหายใจก่อนจะขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากเขตหมู่บ้านเขาก็เอ่ยปาก
“ที่ฉันไม่ได้มาหาเธอก็เพราะอยากให้เวลาเธอทำใจให้เย็นลงก่อน”
ลั่วเสี่ยวซียิ้มเย็น“ฉันใจเย็นมาโดยตลอด ไม่งั้นนายคงได้มีแผลเต็มตัวไปแล้ว”
“เสี่ยวซีฉันรู้ว่าเธอคิดว่าฉันมันหน้าไม่อายที่ขโมยแผนงานของซูอี้เฉิง” ฉินเว่ยยักไหล่“แต่โลกธุรกิจมันก็ไม่ต่างอะไรกับาฉันคิดแต่ผลลัพธ์ไม่สนว่ากระบวนการจะเป็ยังไง นี่เธอคิดว่าซูอี้เฉิงอยู่ในวงการธุรกิจมาตั้งหลายปีเขาทำทุกอย่างอย่างใสสะอาดมาตลอดงั้นเหรอ เธอก็แค่ไม่รู้ว่าเขาเคยใช้วิธีอะไรไปบ้างเท่านั้นแหละ”
“ต่อให้เขาทำก็ไม่มีทางใช้วิธีที่น่ารังเกียจแบบนาย”ลั่วเสี่ยวซีไม่อยากจะเถียงเื่จริยธรรมของซูอี้เฉิงกับเขาที่นี่เธอกับูเี่อันรู้จักซูอี้เฉิงดีว่าเขาเป็คนยังไง
“นายมีอะไรพูดก็รีบพูดสิบนาทีพอไหม?”
“ฉันขอยืนยันคำพูดเดิมถ้าเธอคบกับซูอี้เฉิงก็มีแต่จะต้องเจ็บ” ฉินเว่ยเอ่ย “เขาเคยมีแฟนมาแล้วกี่คนเธอรู้ดีกว่าฉัน”
“นายมีเยอะกว่าเขาก็แล้วกัน”ลั่วเสี่ยวซีประชด
“แต่ฉันตัดขาดหมดแล้วเื่นี้ซูอี้เฉิงทำได้ดีไม่เท่าฉัน” ฉินเว่ยยิ้มก่อนจะพูดเื่ที่ลั่วเสี่ยวซีไม่เคยรู้มาก่อน“เสี่ยวซี เธอไม่อาจเป็ที่หนึ่งในใจเขาได้เขามีผู้หญิงคนอื่นที่สำคัญกว่าเธอมากมาย ต่อให้พวกเธอคบกัน เธอก็คงรับมันไม่ไหว”
ลั่วเสี่ยวซีเข้าใจสิ่งที่ฉินเว่ย้าจะสื่อแต่เธอไม่สนใจคำพูดยุแยงของเขาจึงเอ่ยออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ต่อให้เป็แบบนั้นฉันก็เต็มใจ”
“ฉันพูดชัดขนาดนี้แล้วเธอยังไม่ได้สติอีกเหรอ?” ฉินเว่ยส่ายหน้า “เสี่ยวซี คบกับฉัน แล้วเธอจะไม่ต้องกังวลเื่อะไรอีกเธอจะได้ใช้ชีวิตที่เธอ้าโดยไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นทำไมเธอต้องเลือกทางที่ทำร้ายตัวเองด้วย”
ลั่วเสี่ยวซีตอบไม่ได้กูรูความรักทั้งหลายต่างพูดเป็เสียงเดียวกันว่า ‘ให้เลือกคนที่เขารักเรา’ แต่เธอเป็แบบนี้มาั้แ่เด็ก ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะเป็อะไร ขอแค่เธอถูกใจหากขาดตลาดเธอก็จะรอ ถ้าเป็ของลิมิเต็ดเธอก็จะไปซื้อต่อจากคนอื่น เธอไม่เคยเอาสิ่งอื่นมาชดเชยหรือทดแทนของที่เธอหมายตาไว้เื่ความรักก็เช่นเดียวกัน
“ฉันเต็มใจ”
ใช่ง่ายๆแบบนี้แหละ เธอยอมเจ็บ ต่อให้ทางเดินข้างหน้าจะเป็ทางตัน เธอก็ยอมเดินเข้าไปชนกับมันโดยไม่เกรงกลัว
ฉินเว่ยเงียบโดยไม่พูดอะไรอีกเขาจะรอวันที่ลั่วเสี่ยวซีซมซานมาหาเขา ซึ่งเขามั่นใจว่าคงอีกไม่นาน
“จอดรถ”ลั่วเสี่ยวซีไม่อาจทนนั่งอยู่กับฉินเว่ยได้อีกต่อไป
ฉินเว่ยเองก็ไม่ได้พูดอะไรเขาเหยียบเบรกทันที ลั่วเสี่ยวซีหยิบกระเป่าเดินลงจากรถเพื่อเรียกแท็กซี่ข้างทาง
ฉินเว่ยเดินตามลงไป“เสี่ยวซี ถ้าเธอยังไม่ได้แต่งงานกับซูอี้เฉิง ฉันจะรอเธอ”
“ไม่จำเป็”ลั่วเสี่ยวซีปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย “ที่นี่เป็ที่ห้ามจอด นายไปเถอะ”
ฉินเว่ยจึงได้แต่เดินกลับไปที่รถและขับออกไป
่เวลาเร่งด่วนแบบนี้หาแท็กซี่ค่อนข้างยากลั่วเสี่ยวซีจึงโทรไปเรียกแคนดี้ให้มารับ ระหว่างรอเธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงโทรศัพท์ไปหาพ่อของตนอย่างหงุดหงิด
“นี่พ่อเล่นอะไรคะ!”เธอโกรธแล้วจริงๆ“หนูบอกพ่อตั้งกี่ครั้งแล้วว่าเื่ของหนูกับฉินเว่ยมันเป็ไปไม่ได้พ่ออย่าทำแบบนี้อีกได้หรือเปล่า”
“ซูอี้เฉิงไม่เหมาะสมกับลูก”ประธานลั่วเอ่ยอย่างหนักใจ “เสี่ยวซี ลูกต้องเชื่อคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างพ่อมองแค่แวบเดียวพ่อก็รู้แล้วว่าพวกลูกคงไปไม่รอด”
“งั้นหนูกับฉินเว่ยอย่าว่าแต่รอดไม่รอดเลยค่ะแค่คบกันยังเป็ไปไม่ได้!” ลั่วเสี่ยวซีสูดหายใจลึกอย่างอดกลั้น“หนูกับซูอี้เฉิงกว่ามาถึงจุดนี้ กว่าจะพอมีโอกาสได้คบกันมันไม่ง่ายเลยนะคะ พ่อคะหนูไม่อยากยอมแพ้”
“มีโอกาสคบกันงั้นเหรอ? ลูกแน่ใจว่าซูอี้เฉิงไม่ได้แค่ล้อเล่นกับลูกนะ?”ประธานลั่วเอ่ยเสียงเย็น “่นี้พ่อเห็นเขาไปไหนมาไหนกับสาวสวยคนหนึ่งตลอดเวลาเขาได้ติดต่อลูกมาบ้างหรือเปล่าล่ะ”
“รถมาแล้วแค่นี้ก่อนนะคะพ่อ” ลั่วเสี่ยวซีเลี่ยงที่จะตอบ “อ้อ อีกอย่าง หนูขอบอกไว้เลยนะคะถ้าพ่อเรียกฉินเว่ยมาอีก หนูจะไม่กลับบ้าน พ่อลองพิจารณาเอาเองแล้วกัน!”
พูดจบลั่วเสี่ยวซีก็วางสายและเดินขึ้นรถของแคนดี้ไปทันที
