เมื่อครู่ลุงโจวได้ยินคนบ้านหลี่กล่าวว่า วันนี้จะมีพ่อค้ามาซื้อเต้าหู้หลายพันชั่ง จึงคิดไปว่าพ่อค้าที่นัดไว้มาหาแล้ว เขารีบกล่าวไปว่า “ยายแก่ ตอนนี้บ้านหมอเทวดาน้อยยุ่งมาก พวกเรากลับจวนกันเถิด วันหลังค่อยมาเยี่ยมนางใหม่”
หลี่หรูอี้กล่าวกับหลี่ซานด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ท่านอาหม่าคงไม่เรียกชื่อข้าโดยตรงเป็แน่ คนผู้นี้ไม่ใช่ท่านอาหม่า” ตกลงเป็ผู้ใดกันแน่ที่ะโเรียกชื่อของนางอยู่นอกลานบ้าน
“ข้าจะไปดูสักหน่อย” หลี่ซานรีบเดินออกไปจากห้องโถง พบว่านอกรั้วบ้านมีบุรุษวัยกลางคนอยู่สองคน พวกเขาจูงม้าตัวใหญ่มาด้วย ทั้งสองเป็คนแปลกหน้า ไม่ทราบว่าเป็ผู้ใด
สองพี่น้องอู่ต้าก็ไม่รู้จักชายวัยกลางคนทั้งสอง แต่เห็นเขาสวมใส่อาภรณ์ดีกว่าอาจารย์ปู่ที่เคยเป็เ้านายเก่าของตน ดูท่าทางฐานะคงไม่ธรรมดาจึงไม่กล้าชักช้า
ชายวัยกลางคนทั้งสองก็ไม่รู้จักสองพี่น้องอู่ต้าและหลี่ซาน คราวที่แล้วตอนที่พวกเขามาบ้านหลี่ไม่ได้พบสามคนนี้ หรือบ้านหลี่จะย้ายบ้านไปแล้ว ไม่สิ เมื่อครู่ตอนที่เขาถามชาวหมู่บ้านหลี่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน ชาวบ้านยังกล่าวว่า หลี่หรูอี้อยู่ที่บ้านหลี่ทั้งวันไม่ได้ออกไปไหน
ชายวัยกลางคนร่างอ้วนกล่าวเข้าประเด็นกับหลี่ซานทันที “พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องมาหาหลี่หรูอี้ เพราะอยากทำการค้าด้วย เ้าไปเรียกนางออกมาพบเราเถิด”
หลี่ซานเอ่ยถามว่า “พวกท่านมาซื้อเต้าหู้ตระกูลหลี่ของพวกเราหรือ”
ยังคงเป็ชายวัยกลางคนร่างอ้วนที่เอ่ยปาก เขาตอบไปอย่างร้อนใจว่า “ไม่ใช่ การค้าที่พวกเราจะทำกับนางไม่ใช่การค้านี้”
สองสามีภรรยาลุงโจวกำลังจะกลับแล้ว พวกเขาเดินออกมาขึ้นรถม้าที่ลานบ้าน เผลอปรายตามองไปยังชายวัยกลางคนทั้งสองที่มาหาหลี่หรูอี้โดยไม่ตั้งใจ พลันรู้สึกว่าพวกเขาดูคุ้นตายิ่งนัก เพียงแต่ชั่วขณะนั้นจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าพวกเขาเป็ใคร จนกระทั่งขึ้นรถม้าออกไปจากหมู่บ้านหลี่แล้ว เดินทางไปได้ครึ่งทางจึงจดจำฐานะของพวกเขาได้
สองสามีภรรยาสบตากัน เอ่ยปากขึ้นพร้อมกันอย่างแปลกใจ “พวกเขาเป็คนครัวของจวนเยี่ยนอ๋อง” ก่อนหน้านี้ลุงโจวและนางหลิวไปอยู่ที่จวนเยี่ยนอ๋องหลายวัน ได้มีวาสนาพบกับหูเอ้อร์และเหอซานครั้งหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะมาพบพวกเขาที่บ้านหลี่แห่งหมู่บ้านหลี่ได้ ดูท่าทางพวกเขาคงจำพวกตนสองสามีภรรยาไม่ได้
นางหลิวกล่าวอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขาจึงรู้จักหมอเทวดาน้อยได้?”
ลุงโจวเอ่ยขึ้นว่า “พวกเขาสวมชุดผ้าไหม สวมหมวกขนสัตว์ แต่งกายเป็พ่อค้า เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกเขากล่าวกับหลี่ซานว่า จะมาทำการค้า หรือจะมาซื้อยากับหมอเทวดาน้อย?”
นางหลิวเบิกตากว้าง “พวกเขาเป็พ่อครัว จะมาซื้อยาหรือ”
ลุงโจวส่ายหน้า “ผู้ใดจะทราบว่าพวกเขา้าซื้ออะไร” จวนเยี่ยนอ๋องซับซ้อนเพียงนั้น ผู้ใดจะทราบว่าพ่อครัวสองคนจะซื้อยาไปทำอะไร
ที่บ้านหลี่ หูเอ้อร์และเหอซานได้พบหลี่หรูอี้แล้ว ก็กล่าวถึงสาเหตุที่มาหาอย่างชัดเจน พวกเขา้าซื้อสูตรการทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่
หลี่หรูอี้มองสำรวจคนทั้งสอง ในแววตาเต็มไปด้วยการไตร่ตรอง “สูตรนี้ขายไม่ได้เ้าค่ะ อย่างน้อยก็ขายตอนนี้ไม่ได้”
เหอซานกล่าวถาม “เหตุใดจึงขายไม่ได้”
หูเอ้อร์ยิ้ม “พวกเราจะให้ราคาสูง”
หลี่ซานดวงตาเปล่งประกาย กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “ราคาสูงหรือ”
หลี่หรูอี้ปรายตามองหลี่ซานครู่หนึ่ง บิดาผู้นี้นี่ เหตุใดเมื่อได้ยินคำว่า ราคาสูง จึงเก็บอารมณ์ไม่อยู่เล่า
หลี่อิงฮว๋าเปิดประตูห้องโถงออกมา กล่าวเสียงดังว่า “ก่อนพวกท่านมาไม่ได้สืบความมาก่อนหรือ ตอนนี้ครอบครัวเราขายขนมไหว้พระจันทร์รสหวานให้จวนเยี่ยนอ๋องทุกเดือน เดือนละเกือบพันชิ้น ภาคเหนือมีเพียงครอบครัวเราครอบครัวเดียวที่ทำได้ หากพวกเราขายสูตรให้ท่าน แล้วจะอธิบายกับจวนเยี่ยนอ๋องได้อย่างไร”
“พวกเราทำสัญญากับจวนเยี่ยนอ๋องไว้นานแล้ว จึงไม่อาจขายสูตรให้พวกท่านได้”
“พวกท่านมาช้าเกินไป สูตรขนมไหว้พระจันทร์รสหวานมิอาจขายให้ผู้ใดได้”
เด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่ออกมาพร้อมกัน แต่ละประโยคของพวกเขาทำให้หูเอ้อร์และเหอซานพูดอะไรไม่ออก และทำให้หลี่ซานได้สติ
หลี่หรูอี้ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ดูท่าทางคราวที่แล้วพวกท่านมาซื้อสูตรทำแป้งย่างใส่ไข่จากพวกเรา คงเอาไปขายได้ดียิ่ง”
ตอนนี้บ้านหลี่ไม่เหมือนเมื่อก่อน กลายเป็คู่ค้าเื่อาหารกับจวนเยี่ยนอ๋องไปแล้ว ไม่ใช่ครอบครัวชาวบ้านธรรมดา หลี่หรูอี้เชื่อว่าหากหูเอ้อร์และเหอซานรู้ถึงเหตุผลแล้วจะไม่ทำให้บ้านหลี่ลำบากใจแน่นอน
เหอซานกลัวว่าหูเอ้อร์จะหลุดปาก จึงชิงพูดขึ้นก่อนว่า “การค้าไม่เลวเลย แต่พวกเราขายอาหารชนิดเดียว ลูกค้ากินทุกวันจึงเบื่อแล้ว ให้พวกเรามาเรียนรู้อาหารจานแป้งชนิดใหม่ได้หรือไม่”
“อาหารจานแป้งชนิดใหม่มีมากมาย มิใช่เพียงขนมไหว้พระจันทร์รสหวานเท่านั้น” เมื่อหลี่หรูอี้กล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดพูด
หูเอ้อร์รีบร้อนพูดขึ้นว่า “พวกเรามาหาเ้าก็เพื่อมาซื้อสูตรการทำอาหารจานแป้งชนิดใหม่อย่างไรเล่า” จากนั้นจึงคิดในใจว่า เ้านายในจวนเยี่ยนอ๋องได้กินขนมไหว้พระจันทร์รสหวานทุกวัน ต่อให้พวกเขาทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานได้เ้านายก็คงไม่ได้ยินดีนัก ดังนั้นจึงต้องเรียนการทำอาหารจานแป้งชนิดใหม่
ที่แท้จุดประสงค์ที่หูเอ้อร์และเหอซานมาบ้านหลี่ก็เพื่อจะมาเรียนสูตรการทำอาหารจานแป้งชนิดใหม่ มิใช่มาเพราะสูตรการทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน
พวกเขาทราบแล้วว่า บ้านหลี่ขายขนมไหว้พระจันทร์รสหวานให้จวนเยี่ยนอ๋อง จึงไม่กล้าขอซื้อสูตรออกไป แต่ที่กล่าวเช่นนี้เพื่อให้บ้านหลี่รู้สึกไม่สบายใจ จะได้ขายสูตรการทำอาหารจานแป้งชนิดใหม่ให้พวกเขาง่ายๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็ดังเช่นที่พวกเขาคาดเดาจริงๆ
หลี่หรูอี้ไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของหูเอ้อร์และเหอซาน จึงไม่ได้คิดมากเพียงนั้น พวกเขา้าสูตรการทำอาหารจานแป้งชนิดใหม่ ส่วนบ้านหลี่ก็้าเงิน แต่ละฝ่ายต่างได้ตามที่้า ดังนั้นจึงกล่าวไปว่า “จะขอซื้อสูตรอาหารจานแป้งชนิดใหม่ย่อมได้ เช่นนั้นมาคุยเื่ราคากันก่อนเถิด”
ครอบครัวหลี่เห็นว่าหลี่หรูอี้มีความคิดในใจ จึงไม่ได้พูดอะไรออกไป ให้นางมีอำนาจตัดสินใจเต็มที่
เหอซานใช้น้ำเสียงจริงจังหารือถามว่า “อิงตามราคาคราวที่แล้วเป็อย่างไร”
“ไม่ได้ สูตรอาหารที่พวกเราจะขายให้พวกท่านในคราวนี้มิใช่สูตรธรรมดา หาซื้อจากด้านนอกไม่ได้ ไม่มีใครเคยเห็นและไม่มีใครเคยกิน แตกต่างจากแป้งย่างใส่ไข่ที่ซื้อขายกันคราวที่แล้ว พวกท่านต้องแสดงความจริงใจออกมาด้วย” ท่าทีของหลี่หรูอี้แข็งกร้าวยิ่งนัก
เหอซานเห็นศิษย์พี่ของตนใบหน้าแดงก่ำท่าทางอยากจะหยิบตั๋วเงินออกมาทันใด ก็รีบกล่าวขึ้นว่า “เ้าลองพูดให้พวกเราฟังก่อนเถิดว่าเป็อาหารอะไร”
“ตอนนี้อากาศหนาวเย็น ถนนหนทางก็เป็น้ำแข็งไปหมดแล้ว เป็่ที่เหมาะกับการกินก๋วยเตี๋ยวน้ำที่สุด สูตรที่ข้าจะขายให้ท่านก็คือ อาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวน้ำเ้าค่ะ” หลี่หรูอี้กล่าวให้อีกฝ่ายเกิดความอยากรู้อยากเห็น นางบอกว่า ก๋วยเตี๋ยวน้ำชนิดนี้กระทั่งคนบ้านหลี่ก็ยังไม่เคยกิน หากไม่ขายราคานี้ คงผิดต่อตนเองและผิดต่อบรรพบุรุษของโลกก่อนที่เป็ผู้คิดค้นสูตรอาหารประเภทนี้
หลี่อิงฮว๋าที่อยู่ด้านข้างกล่าวเสริมว่า “กินก๋วยเตี๋ยวน้ำในฤดูหนาวทำให้มีความสุขจริงๆ น้ำแกงร้อนๆ ไหลลงกระเพาะ ทำให้อบอุ่นไปทั้งร่าง ดีกว่ากินหมั่นโถวหรือแป้งย่างเสียอีก”
หลี่ฝูคังยิ้มพูดขึ้นว่า “มิเช่นนั้นคืนนี้ครอบครัวเรากินก๋วยเตี๋ยวน้ำเป็อย่างไร”
หลี่หรูอี้กล่าวกับพี่ชายทั้งสี่ “ก๋วยเตี๋ยวน้ำที่ข้าพูดถึงไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวน้ำที่พวกเราเคยกิน เป็อีกชนิดหนึ่งเ้าค่ะ”
หูเอ้อร์รีบกล่าวกับเหอซานว่า “ก๋วยเตี๋ยวน้ำดี ก๋วยเตี๋ยวน้ำก็ดี”
เหอซานกลอกตาไปมา “ขอกล่าวโดยไม่ปิดบัง พวกเราศิษย์พี่น้องเชี่ยวชาญการทำก๋วยเตี๋ยวน้ำที่สุด ก๋วยเตี๋ยวน้ำที่เ้าว่าพวกเราอาจทำเป็แล้วก็ได้”
หลี่หรูอี้มีสีหน้ามั่นใจ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงทรงพลัง ทว่านิ่งเรียบ “ก๋วยเตี๋ยวน้ำที่ข้าพูดถึง ไม่ใช่เพียงพวกท่าน กระทั่งคนทั้งแคว้นต้าโจวก็ทำไม่เป็ แน่นอนว่ายกเว้นข้า”
หูเอ้อร์ถูมือทั้งสองข้าง แทบอยากจะเข้าไปนวดแป้งทำเส้นกับหลี่หรูอี้ในครัวเสียเดี๋ยวนั้น “เ้ารีบกล่าวมาเถิดว่าเป็ก๋วยเตี๋ยวน้ำอันใดกันแน่?”
เหอซานได้ยินหลี่หรูอี้กล่าวด้วยท่าทีมั่นใจเช่นนี้ ในใจย่อมอยากเรียนเป็อย่างยิ่ง แต่การล่าเหยื่อย่อมไม่อาจใจร้อนจึงพูดไปว่า “เ้าพูดเพียงปากย่อมไม่ได้ ต้องให้พวกเราชิมดูสักหน่อย พวกเราจะได้ดูว่าสูตรการทำก๋วยเตี๋ยวน้ำชนิดนี้จะมีค่าเพียงใด”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้