นางสามารถอ่านอาการป่วยของเขาได้ในปราดเดียว แล้วยังทำอาหารที่ถูกปากเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ คนเช่นนี้เป็เพียงสาวชาวบ้านธรรมดาทั่วไปจริงหรือ?
เสิ่นม่านยกมือขึ้นอย่างเฉยเมย ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็เคาะบนโต๊ะ “ข้าบอกเ้าแล้วไม่ใช่หรือ ข้าคือแม่ครัวเทพ ไม่ใช่ของปลอม”
หนิงโม่เม้มริมฝีปากและหยุดพูด
มืออ้วนข้างหนึ่งยื่นมาหาเขาและคว้าข้อมือของเขาไว้
“ผ่านไปหลายวัน เ้าได้คำตอบแล้วหรือไม่? คำขอของข้าไม่ได้มากมาย แค่ขอจับมือเ้าเป็ครั้งคราวเท่านั้น” เสิ่นม่านยิ้มกริ่ม โดยคิดว่าตนนั้นเมตตาเขาถึงขีดสุดแล้ว
หนิงโม่กลับสะบัดมือของนางราวกับถูกผึ้งต่อยก็ไม่ปาน “เ้าอย่าคิดเพ้อเจ้อนัก!”
หึ แิแบบศักดินาช่างทำร้ายผู้คนยิ่งนัก
หากเปลี่ยนเป็สมัยก่อน นางมีรูปร่างดี ใบหน้าสะสวย ฝีมือปรุงอาหารเป็เลิศ รูปโฉมงดงาม อีกทั้งยังมีสติปัญญาหลักแหลม ทุกสิ่งล้วนมีครบไม่ขาดตกบกพร่อง คนตามจีบสามารถต่อแถวยาวไปถึงต่างประเทศได้เลยด้วยซ้ำ
ไหนเลยจะมาสนใจถั่วงอกสี่ฤดูเช่นเขา?
แต่ถั่วงอกนี้กลับรักนวลสงวนตัวเฉกเช่นสตรี เป็ตายก็ไม่ยอม
เสิ่นม่านถูฝ่ามือ อดไม่ได้ที่จะเริ่มควานหาไม้หน้าสามที่ยาวสี่สิบเิเและยิ้มอย่างเยือกเย็น “หึๆ เช่นนั้นเ้าก็อย่าหาว่าข้าเหี้ยมโหดก็แล้วกัน...”
ตู้ม!
นางพูดยังไม่ทันสิ้นเสียง ชายหนุ่มกลับชิงลงมือก่อน ความว่องไวนั้นรวดเร็วจนนางมองตามไม่ทัน เสิ่นม่านถูกกระแทกเข้าที่ด้านหลังศีรษะ จากนั้นชี้ไปทางชายหนุ่ม “เ้า…”
หนุ่มน้อย เ้าแน่มาก! ฉับพลันนั้น นางก็หมดสติไป
เมื่อเสิ่นม่านตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ก็ส่องก้นอวบอัดของนางแล้ว นางพลิกตัวยกมือขึ้นนวดศีรษะ
“ซี้ด...”
หัวโนเป็ลูกขนาดใหญ่! ข้ามมิติมานานจนกระทั่งถึงตอนนี้ นี่เป็ครั้งแรกที่นางเสียเปรียบใหญ่หลวง! เสิ่นม่านย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอย่างช้าๆ นางโมโหจนกัดฟันกรอด
“เ้าบ้าเอ๊ย ช้าเร็วข้าจะต้องจับเ้ามาถลกหนังให้ได้!”
“ท่านแม่ ตื่นแล้วหรือ!” ต้าเป่าวิ่งตุบๆ เข้าห้องมา เด็กน้อยวางผักป่าที่เก็บจากข้างนอกไว้บนโต๊ะ จากนั้นค่อยปีนขึ้นเตียงคั่ง
“ท่านแม่นอนนานเหลือเกิน ต้าเป่ากลัวว่าจะทำให้ท่านแม่ตื่น จึงอุ่นบะหมี่ที่เหลือเมื่อคืนกินเอง ท่านแม่หิวหรือไม่? ต้าเป่าไปอุ่นบะหมี่ให้ท่านแม่นะ”
รุ่งเช้าก็ได้รับความอบอุ่นใส่ใจจากลูกชายเช่นนี้ ความโกรธของเสิ่นม่านได้ลดทอนหายไปไม่น้อย นางลุกขึ้นนั่งบนเตียง จากนั้นมองเห็นตรงกลางห้องมีเงาดำร่างหนึ่งกำลังนั่งอยู่
มารดาเถิด ยังกล้ามาอีก? แล้วไม้สี่สิบเิเของข้าล่ะ? นางพลิกผ้าห่มลงจากเตียงด้วยอารมณ์หุนหัน ขณะกำลังจะวางก้ามขู่หนิงโม่ แต่อีกฝ่ายกลับตบตั๋วเงินบนโต๊ะ
“นี่คือค่าอาหารของข้าเป็เวลาหนึ่งเดือน หากยังไม่พอค่อยเพิ่มให้”
เสิ่นม่านตกตะลึงอยู่กับที่ นางหยิบตั๋วเงินบนโต๊ะขึ้นนับ อืม… หนึ่งร้อยตำลึง ถือว่าใจป้ำไม่เบา นี่เพียงพอให้นางซื้อบ้านก่ออิฐได้สองหลังแล้ว
เสิ่นม่านเอามือเท้าสะเอว ขณะที่มืออีกข้างก็ยัดเงินเข้าไว้ในอกเสื้อ ความน่าเกรงขามไม่มากเท่าก่อนหน้านี้อีกแล้ว
“ไม่ให้จับข้าก็ไม่จับ แต่เช่นนี้หมายความอย่างไร? คิดจะใช้เงินซื้อข้าหรือ?”
ชายคนนั้นขมวดคิ้วอีกครั้ง ใบหน้าของเขามีสีแดงระเรื่อ สตรีผู้นี้พูดจาหยาบกระด้างนัก ยังมีเด็กอยู่ด้วย
เห็นแก่ฝีมือทำอาหารของนาง เขาจึงจำต้องอดทน หนิงโม่เม้มริมฝีปาก “ไปทำอาหารให้ข้าที ข้าหิวแล้ว”
ั้แ่ได้กินอาหารของนาง เขารู้สึกอยากอาหารมากขึ้นกว่าเดิม
่ที่เสิ่นม่านกำลังเข้าครัว ผู้ใหญ่บ้านก็มาบ้านพอดี พอเข้าประตูก็ส่งยิ้มให้หนิงโม่
“อาจารย์หนิง นักเรียนในหมู่บ้านเรากำลังรออยู่ที่โถงบรรพชนแล้ว เ้าจะไปดูสักหน่อยหรือไม่?”
อะไรนะ? เรียนอะไร?
เสิ่นม่านซึ่งกำลังทําอาหารในครัว รีบวิ่งออกมาพร้อมกับตะหลิวในมือ “พวกเ้ากำลังพูดถึงอะไร?”
หนิงโม่กำมือยกขึ้นแสร้งทำเป็กระแอม พร้อมกับรอยยิ้มจางๆ “ญาติผู้น้อง ข้าบอกเ้าแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าจะมาเป็อาจารย์สอนหนังสือที่หมู่บ้านของเ้า หรือว่าเ้าลืมไปเสียแล้ว?”
ญาติผู้น้อง… เสิ่นม่านตัวแข็งค้าง
ผู้ใหญ่บ้านมองดูร่างใหญ่ของเสิ่นม่าน จากนั้นมองดูร่างผอมบางของหนิงโม่ เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะแสร้งยิ้มแล้วเอ่ย
“ที่แท้เ้าก็คือญาติผู้พี่ของม่านเหนียง นับว่าเป็เื่น่ายินดี พวกเ้าทั้งสองช่าง… เหมือนครอบครัวเดียวกันจริงๆ”
เสิ่นม่านดูสับสน ต้าเป่าเองก็สับสนเช่นกัน มีเพียงหนิงโม่ที่มีรอยยิ้มล้ำลึก จากนั้นเขาก็ออกจากบ้านไปพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน
เสิ่นม่านหยุดผู้ใหญ่บ้านไว้และสอบถามเื่หลานๆ แต่ผู้ใหญ่บ้านเพียงส่ายหน้าเบาๆ
“เราได้ค้นหาตามหมู่บ้านและรอบๆ ตำบล กระทั่งตำบลข้างเคียงก็ตามหาแล้ว แต่ไม่เห็นพี่สะใภ้กับหลานของเ้าเลย ม่านเหนียง ทางที่ดีเ้าก็เตรียมใจกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ด้วย”
แววตาของเสิ่นม่านมืดมนลง ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด นั่นหมายความว่าพวกเขาอาจถูกนางโจวขายไปแล้วสินะ?
หนิงโม่กลับมาในอีกหนึ่งชั่วยามให้หลัง สีหน้าของเขาซีดขาวเล็กน้อย คงเพราะเมื่อครู่เพิ่งอาเจียนไป
ในฐานะอาจารย์คนใหม่ในหมู่บ้าน หนิงโม่เพิ่งมาถึงโถงบรรพชนในตอนเช้าก็ถูกพ่อแม่ที่กระตือรือร้นของนักเรียนลากไปที่บ้าน แต่น่าเสียดาย ทันทีที่เขาเดินเข้าประตูบ้านไปก็ได้กลิ่นน้ำมันและควันจากการทำอาหาร เขาก็อาเจียนออกมาอย่างมิอาจทน
ในที่สุดก็ได้ข้ออ้างขอตัวกลับบ้าน ทว่าสิ่งที่รอเขาอยู่คือสายตาอันตรายของเสิ่นม่าน
“ตอนนี้ข้าควรถามเ้าแล้ว ตกลงเ้าคือใครกันแน่?”
หนิงโม่หลุดขำ จากนั้นโยนตำราบนโต๊ะจนฝุ่นคลุ้ง “ข้าคือญาติผู้พี่ของเ้า จําไม่ได้หรือ?”
ญาติผู้พี่บ้าบออะไรกัน!
ไม่รู้ว่าเ้านี่ใช้วิธีอะไร จึงทำให้คนในหมู่บ้านคิดว่าเขาคืออาจารย์สอนหนังสือคนใหม่ เสิ่นม่านกลอกตามองบน
ต้าเป่าเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเห็นหนิงโม่ก็หยุดชะงัก ดวงตาจรดไปที่ตำราและสายตาเผยความคาดหวัง
ทันใดนั้นเสิ่นม่านก็ได้ตระหนักว่า เด็กน้อยอายุสี่ขวบแล้ว สมควรหาอาจารย์่ปฐมวัยให้เขา จะได้เล่าเรียนดีๆ
นางกวักมือเรียกต้าเป่า “ลูกชายจ๋า มานี่! คำนับลุงใหญ่เร็ว วันรุ่งขึ้นให้เขาพาเ้าไปเรียนด้วย!”
ต้าเป่าเดินเข้ามาอย่างลังเล จากนั้นเอียงศีรษะมองเสิ่นม่าน “ท่านแม่ ข้าไม่อยากไปเรียน ข้าอยากอยู่บ้านช่วยท่านแม่ทำงาน”
“ไม่เอาไหน!” เสิ่นม่านตบหลังที่ยืดตรงของเขาเบาๆ
“แม่จะไปมีงานบ้านอะไรให้เด็กอย่างเ้าทำกัน? เ้าตั้งใจเล่าเรียนให้ดี ภายหน้าจะได้ไปสอบจ้วงหยวน แม่จะได้พึ่งบารมีของเ้าด้วย!”
หลังจากพูดจบ นางก็หันไปมองหนิงโม่ “เ้าเห็นว่าอย่างไร? ญาติผู้พี่?”
หนิงโม่เอามือลูบคางพลางเลิกคิ้วคมเข้มขึ้น “สอนหนังสือให้เขา ข้าจะได้ประโยชน์อันใด?”
ประโยชน์? เสิ่นม่านขบเล็บ จากนั้นชี้ไปทางห้องว่างที่อยู่ข้างๆ ดวงตาเปล่งประกาย
“ห้องว่างนี้ข้าจะให้เ้าอาศัยโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ถือเสียว่าเป็ค่าเล่าเรียนของลูกชายข้า และจะเพิ่มอาหารให้เ้ามื้อละหนึ่งอย่าง เป็อย่างไร?”
หนิงโม่เป็คนง่ายๆ จึงตอบตกลง
อย่างไรก็ตามการที่เขาตัดสินใจอยู่ที่หมู่บ้าน เหตุผลทั้งหมดไม่ใช่เพราะตัวเสิ่นม่านผู้เดียว หากแต่ยังมีเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่ง…
ด้วยเหตุนี้ ในหมู่บ้านจึงมีคนที่อ้างตัวว่าเป็ ‘อาจารย์หนิง’ เพิ่มมาหนึ่งคน
เพียงแค่หนึ่งวัน หมู่บ้านที่สงบเงียบมานาน จู่ๆ ก็มีข่าวลือสะพัดไปทั่ว ครอบครัวเกษตรกรในชนบทก็เช่นนี้ ชั่วชีวิตนี้เคยได้เล่าเรียนเพียงไม่กี่วัน
เวลาที่อาจารย์หนิงสอนอยู่ในโถงบรรพชน จึงมีผู้คนไม่น้อยไปแอบดูและอาศัยการครูพักลักจำ
โดยเฉพาะสตรีน้อยใหญ่ กระทั่งหญิงหม้ายในหมู่บ้านก็ทิ้งบ่อน้ำหน้าบ้านตนและหาข้ออ้างมาที่โถงบรรพชนในหมู่บ้าน เพียงเพื่อมาเชยชมรูปโฉมของ ‘อาจารย์หนิง’ ผู้นี้
-----