ตอนแรกเขาคิดว่าการที่ตนเองไม่อยู่จะทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกเศร้าโศกเสียใจ
แต่ไม่รู้ว่านางไปร่ำเรียนวิชาเล่นไพ่แปลกประหลาดเช่นนี้มาจากที่ใดนางจึงเล่นกับผู้อื่นอย่างสนุกสนานเช่นนี้
หัวใจเริ่มรู้สึกผิดแผกจากปกติเล็กน้อย
เพราะเหตุใดกัน ใยพระชายาของเขาจึงมักจะมีพฤติกรรมที่ไม่อาจคาดเดาได้เสมอ?
“คุณหนูเ้าคะ คุณหนูเ้าคะ ท่านอ๋องจะแยกห้องบ่อยๆ ดังเช่นค่ำคืนนี้หรือไม่เ้าคะ?” หรูเยว่กระตุกแขนของหลินเมิ้งหยาดวงตาเปล่งประกาย
หากไม่มีเื่อันใด เขาคงไม่มาที่นี่หรอกกระมัง?
หลินเมิ้งหยานิ่งไป อ้าปากเอ่ย “อืม น่าจะใช่ หากวันใดท่านอ๋องไม่เสด็จมาเ้าก็มานอนกับข้าที่นี่เถอะ เขาไม่อยู่ พวกเราสามคนก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัด”
หืม?นี่มันหมายความว่าอย่างไร? นางรังเกียจเขาเช่นนั้นหรือ?
สีหน้าพลันเ็าขึ้นมาเล็กน้อย ั์ตาเผยให้เห็นความขุ่นเคือง
แต่ไหนแต่ไรมา ไม่มีผู้หญิงสติดีที่ไหนจะเป็ดั่งเช่นนางนี่นางถูกสามีทิ้งให้นอนคนเดียวแต่กลับรู้สึกมีความสุขอย่างนั้นหรือ?
“พวกเ้าไม่รู้หรอก เวลาท่านอ๋องอยู่ที่นี่ข้ามักจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ” ด้านล่าง บรรยากาศเปลี่ยนเป็ขมขื่นทว่า้าหลังคา เปลวเพลิงกำลังปะทุขึ้นในั์ตาทั้งสองข้าง
กินไม่ได้นอนไม่หลับ? เขาแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจมีคืนไหนบ้างที่เขาไม่ต้องไปนั่งฝึกฝนสมาธิบนตั่งและปล่อยให้ใครบางคนนอนหลับสนิท!
“อีกอย่าง ท่าทางของท่านอ๋องน่ากลัวเหลือเกิน ทุกครั้งที่เจอกันข้าแทบไม่กล้าสบตาเขา ตัวข้าสั่นงันงก เฮ้อ ข้านี่ช่างน่าสงสารเหลือเกิน”
ฮึ ตัวสั่นงันงก!
หลงเทียนอวี้รีบเดินจากไป เกรงว่าหากยังได้ยินมากกว่านี้เขาคงไม่อาจข่มใจไม่ให้เข้าไปฆ่านางตายได้
มีชีวิตอยู่มานานถึงยี่สิบเจ็ดปี ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะรู้สึกอยากฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งตายได้มากขนาดนี้!
ภายในห้องอ่านหนังสือ หลงเทียนอวี้ซึ่งกลับมายังที่นี่แล้วรู้สึกหดหู่ใจเหลือเกิน
ผู้หญิงคนนั้นริมฝีปากบางเล็กของนางทำให้เปลวไฟในหัวใจของเขาลุกโชน เมื่อมุมปากอ้ากว้างจนเผยให้เห็นรอยยิ้มมิรู้ว่าพุทราแห้งจะสามารถเข้าไปอุดปากนางเอาไว้ได้หรือไม่
“ท่านอ๋อง?ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ?” เย่ที่ยืนอยู่ข้างกายอดไม่ได้ที่จะร้องเรียกเ้านายของตนเอง
เขาเปรียบเสมือนเงาตามตัวของท่านอ๋องมาั้แ่เด็กแล้วแต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะได้เห็นร่องรอยของความหวาดกลัวบนใบหน้าของท่านอ๋องเช่นนี้
คุณหนูแห่งสกุลหลินเก่งกาจเหลือเกินไม่เสียแรงที่เป็บุตรสาวของเจิ้นหนานโหว
“โอ้?ไม่มีอะไร เ้ากลับไปก่อนเถิด” เขาเพิ่งพบว่าตนเองนิ่งเงียบไปอยู่นานพอควรนี่เขาถึงขั้นเหม่อลอยเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ
ไม่ บางทีอาจเพราะ่นี้มีเื่ราวมากมายเกิดขึ้นอีกทั้งยังยากที่จะรับมือ ฉะนั้นเขาจึงมีอาการประหลาดเช่นนี้...ใช่ไหมนะ?
หลังจากตั้งสมาธิอยู่หลายครั้ง หัวใจของเขาจึงสงบลงมากขึ้น
ปกติแล้วเขาเป็คนที่แทบจะไร้ความรู้สึกต่อสิ่งใดอีกทั้งเขายังเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็เพียงเครื่องมือเท่านั้น
ตอนนี้หรูเยว่กำลังเปลี่ยนผ้าปูเตียงเป็ผ้าไหมนุ่มนิ่มให้กับคนที่ไม่รู้เื่รู้ราวเลยว่าตนเองถูกดักฟังเข้าให้แล้วอย่างหลินเมิ้งหยา
แสงจันทร์อาบชโลมร่าง หลังจากได้เล่นสนุกเกือบครึ่งคืนหลินเมิ้งหยารู้สึกได้ถึงพลังในกายที่เพิ่มมากขึ้น
นางพิงขอบหน้าต่าง นิ้วมือยกขึ้นพันม้วนเส้นผมสีดำขลับดั่งขนอีกาดวงตาจ้องมองพระจันทร์ทรงกลมเต็มดวง อยู่ๆ ก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมา
“คุณหนู นอนไม่หลับหรือเ้าคะ?” นางยกเก้าอี้ทรงกลมเข้ามาแล้วนั่งลงบริเวณปลายเท้าของหลินเมิ้งหยาก่อนจะบีบนวดขาเรียวเล็กของนายตนเองด้วยความคุ้นเคย แรงที่ไม่หนักหรือเบาจนเกินไปทำให้ความเมื่อยล้าเริ่มผ่อนคลายลง
“ไม่ใช่หรอก แค่อยู่ๆ ก็เกิดนึกถึงเื่ในอดีตขึ้นมาเท่านั้น”หรืออาจจะพูดว่านางกำลังหวนนึกถึงความทรงจำในอดีตของหลินเมิ้งหยาคนก่อน
ตอนที่นางใช้ชีวิตในฐานะซูชิงเกอนางรู้สึกว่าชีวิตของตนเองช่างน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน
ชีวิตที่ถูกลิขิตให้อยู่บนทางเส้นเดียวทำให้นางกลายเป็คนเถรตรงดั่งนาฬิกาแม้จะไม่เคยเกิดความผิดพลาด แต่ชีวิตก็ยังคงหมุนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์นั้นเสมอ
เมื่อเทียบกับชีวิตในวัยสิบห้าปีของหลินเมิ้งหยาแม้จะต้องประสบพบเจอกับแผนร้ายและเล่ห์กลมากมาย แต่อย่างน้อยก็ยังมีสีสันกว่ามาก
“คุณหนูกำลังคิดถึงฮูหยินอยู่หรือเปล่าเ้าคะ?” ดวงตาของหรูเยว่เผยให้เห็นความคิดถึง“แม้ข้าจะไม่เคยพบฮูหยินมาก่อนแต่คนเก่าคนแก่ในจวนต่างเล่าว่าตอนที่ฮูหยินคนก่อนยังอยู่จวนสกุลหลินมีแต่ความผาสุกดั่ง์ชั้นฟ้า”
หลินเมิ้งหยาเป็คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ เพราะเหตุนี้จึงถูกซ่างกวนฉิงทำร้ายทว่าความทรงจำที่ฝังอยู่ภายใต้ก้นบึ้งในหัวใจกลับมีความสุขบางอย่างปะปนอยู่
แต่นางหาใช่คนที่จะปล่อยให้ชะตาชีวิตเป็ไปตามลิขิตฟ้าอย่างหลินเมิ้งหยาทว่านางคือวายร้ายจอมแก้แค้นซูชิงเกอ!
“หรูเยว่ ต่อจากนี้ไปพวกเราสองคนนายบ่าวจะต้องพึ่งพาอาศัยกันดังนั้นข้าจึงมีเื่บางอย่างที่ต้องบอกเ้า” หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด สุดท้ายนางเลือกที่จะเชื่อใจเด็กซื่อบื้ออย่างหรูเยว่
“เื่อันใดหรือเ้าคะ?” นางตั้งใจฟัง สำหรับนางแล้วคุณหนูเปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต ดังนั้นนางจึงเคารพในคำพูดของคุณหนูเสมอ
“อีกไม่กี่วันอาจจะมีสาวรับใช้เพิ่มเข้ามาในตำหนักแห่งนี้แต่เ้าเป็เพ่ยเจี้ยเพียงคนเดียวของข้าเ้าจะต้องเก็บรักษาทรัพย์สินหรือแม้แต่ของสำคัญของข้าทุกชิ้นเอาไว้ข้างกายให้ดีห้ามพูดเื่นี้กับใครเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”
ทันทีที่ได้ยินเื่สำคัญที่คุณหนูมอบให้นางทำ หรูเยว่รีบพยักหน้าก้มหัวลงทันที
“อีกอย่าง ต่อจากนี้ไปเ้าจะไม่ได้ชื่อหรูเยว่ แต่เป็ป๋ายจื่อเ้าจะกลายเป็สาวใช้ระดับหนึ่งข้างกายข้า ส่วนเื่ในอดีตจงลืมมันเสียให้หมดั้แ่นี้เป็ต้นไปพวกเราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่”
หรูเยว่ ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่าป๋ายจื่อ
นางพยักหน้าลงอย่างแข็งขัน นายท่านเป็คนมอบชีวิตให้กับนางนับั้แ่ตอนที่นางอายุได้ห้าขวบ หลินเมิ้งหยาก็กลายเป็เ้านายของนางไปตลอดชีวิตแล้ว
แม้สมองของนางจะมิได้ฉลาดเฉลียวแต่นางฟังทุกเื่ที่ออกจากปากของคุณหนูได้อย่างถูกต้อง
ดีจริงๆ ตอนนี้คุณหนูกลายเป็คนฉลาดแล้วต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครรังแกพวกนางสองนายบ่าวได้อย่างง่ายดายอีก
เส้นทางนี้ลำบากยากเข็ญนักนางไม่อาจรับปากได้เลยว่านางจะสามารถยิ้มได้จนกระทั่ง่เวลาสุดท้ายหรือไม่
แต่คนที่เคยกลั่นแกล้งรังแกนางเ่าั้นางจะทำให้พวกเขาได้พบเจอกับฝันร้ายจนไม่อาจลืมเลือน!
ภายในห้องชั้นในของตำหนักหยาเสวียนพระสนมเต๋อเฟยที่หวีผมเสร็จเรียบร้อยแล้วทรุดกายนั่งลงบนที่ประทับ
เหตุเพราะที่นี่อยู่ในเขตตำหนักขององค์ชาย ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็ต้องสวมใส่ชุดของพระราชวัง
นางสวมเพียงชุดผ้าต่วนสีม่วงเข้ม กระโปรงสีแดงทับทิมลำคอสวมใส่สร้อยหยกฝังทอง เส้นผมถูกเกล้าขึ้นเป็มวยธรรมดา
หลินเมิ้งหยาพาป๋ายจื่อเข้ามาคุกเข่าถวายคำนับแก่พระสนมเต๋อเฟยด้วยท่าทางนอบน้อม
“ลุกขึ้นเถิด เ้าจะรู้เื่เกินไปแล้ว ไยต้องมาถวายคำนับเปิ่นกงทุกวันให้เหนื่อยเช่นนี้ถวายคำนับเพียงตอนหนึ่งค่ำและสิบห้าค่ำก็เพียงพอแล้ว”แม้พระสนมเต๋อเฟยจะกล่าวเช่นนี้ทว่าในหัวใจกลับชื่นชมความรู้เื่และเคารพเชื่อฟังของลูกสะใภ้เหลือเกิน
หลินเมิ้งหยาจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งยิ้มหวานพลางเข้าไปชงชาให้พระสนมเต๋อเฟยด้วยตนเอง
เมื่อเทียบกับพระสนมเต๋อเฟยแล้วหลินเมิ้งหยามีความอ่อนเยาว์และบริสุทธิ์กว่ามาก
เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ล้วนเป็สีสันสดใส อย่างเช่นสีเขียวอ่อนที่เปล่งประกาย
เหตุเพราะนางเป็ถึงพระชายาของพระตำหนักอีกทั้งยังมาถวายคำนับแก่แม่สามี ดังนั้นนางจึงต้องแต่งหน้าให้ครบองค์
เหตุเพราะเลือกสวมใส่กระโปรงบานสีแดงสดศีรษะจึงประดับปิ่นปักผมดอกโบตั๋น หลินเมิ้งหยาในเวลานี้ดูน่ารักน่าชังอีกทั้งยังมีความใจกว้างและเป็กันเอง หลินเมิ้งหยาจึงดูไม่เหมือนลูกสะใภ้แต่กลับเหมือนคุณหนูประจำพระตำหนักแห่งนี้
“หยาเอ๋อร์ยังเด็กจึงไม่รู้เื่เท่าที่ควร ดังนั้นจึง้าคำชี้แนะจากหมู่เฟยอีกมากมายเลยเพคะ”หลินเมิ้งหยาถกแขนเสื้อขึ้น ก่อนจะรับขวดลายครามมาจากน้าจิ่นเยว่จากนั้นหันไปรับถ้วยชาล้างปากของพระสนมเต๋อเฟย
“อีกอย่าง หยาเอ๋อร์มีเื่อยากให้หมู่เฟยช่วยตัดสินใจเพคะ”
ร่องรอยความเข้าใจอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นในดวงตาของพระสนมเต๋อเฟย
นางรู้จักลูกชายของตนเองดีทว่าเพิ่งจะแต่งงานเข้าห้องหอได้เพียงไม่กี่วันแต่กลับทิ้งสาวน้อยให้นอนเดียวดายอยู่เพียงผู้เดียว
แต่เพราะนี่เป็ความดื้อรั้นของเขา นางเองก็ไม่อาจทำอะไรได้
“เ้าพูดมาสิว่าจะให้หมู่เฟยตัดสินใจเื่อะไร”
“เมื่อวานหม่อมฉันได้รู้เื่ราวในพระตำหนักจากพ่อบ้านใหญ่มาบ้างแล้วพระตำหนักแห่งนี้นอกจากบ่าวรับใช้ที่เป็สาวแก่ก็ไม่มีทาสรับใช้หญิงอื่นใด หยาเอ๋อร์คิดว่านั่นอาจเป็เพราะท่านอ๋องใช้ชีวิตอยู่เพียงผู้เดียวทว่าตอนนี้เหนียงเหนียงเองก็ประทับอยู่ที่นี่ด้วยแม้ภายในพระตำหนักจะมีท่านน้าคอยรับใช้แต่งานบางอย่างก็มิควรถึงมือของพวกท่านน้ามิใช่หรือเ้าคะ? ดังนั้นหยาเอ๋อร์จึงอยากไปที่หยาหางเพื่อหาบ่าวรับใช้มาทำงานเ่าั้หมู่เฟยคิดเห็นเช่นไรเพคะ?”
พระสนมเต๋อเฟยคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะมิได้มาฟ้องนาง
ดังนั้นนางจึงพยักหน้าลงให้กับลูกสะใภ้ที่รู้เื่รู้ราวคนนี้ตอนแรกนางเองก็คิดเื่นี้เอาไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาเองก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน
ยิ่งมองก็ยิ่งชื่นชอบหลินเมิ้งหยา นางสามารถดูแลบ้านได้ต่อไปหากสั่งสอนนางให้ดี อีกหน่อยหยูเอ๋อร์คงมิต้องเป็ห่วงเื่ภายในบ้านอีกแล้ว
“ดี เ้าทำตามใจเ้าเถิด น้าจิ่นเยว่ของเ้าเข้ามาทำงานในวังหลวงแต่เล็กแต่น้อยนางจึงมีความสามารถในการมองคน ถ้าเช่นนั้นเ้าพานางไปกับเ้าด้วยแล้วกัน”
คำพูดของพระสนมเต๋อเฟยเป็สิ่งที่หลินเมิ้งหยาคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว
“หม่อมฉันเองก็คิดเห็นเช่นเดียวกันกับหมู่เฟยเพคะ” การมีน้าจิ่นเยว่เข้ามาช่วยเหลือนางเชื่อว่าตนเองจะสามารถหาคนที่ตัวเอง้าได้อย่างแน่นอน
บรรยากาศในเวลานี้ค่อนข้างอบอุ่นตอนที่พระสนมเต๋อเฟยยังมิได้ออกเรือน นางเองก็เป็คุณหนูใหญ่ประจำบ้านดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงเล่านิทานเกี่ยวกับคู่กิ่งทองใบหยกให้กับพระสนมเต๋อเฟยฟัง
นางเล่าั้แ่ต้นจนจบ น้ำเสียงหนักเบาสลับกันไปไม่นานทั้งพระตำหนักหยาเสวียนก็ถูกเื่เล่านี้ดึงดูดความสนใจไปจนหมดสิ้น
วันนี้หลินเมิ้งหยาเล่าเื่ความรักและโศกนาฏกรรมของโรมิโอกับจูเลียตให้กับพระสนมเต๋อเฟยฟัง
เล่าได้เพียงชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วยพระสนมเต๋อเฟยก็อดไม่ได้ที่จะจับผ้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา
“ครอบครัวของจูเลียตและโรมิโอล้วนโง่เง่า แต่ถึงกระนั้นการหลบหนีก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องแต่ไหนแต่ไรมาลูกล้วนต้องเชื่อฟังคำสั่งของพ่อแม่แม้จะถูกคลุมถุงชนก็ตามดีเหลือเกินที่เื่นี้เป็เพียงเื่เล่ามิเช่นนั้นการทำผิดประเวณีจะกลายเป็โทษทัณฑ์อันใหญ่หลวง”
หลินเมิ้งหยาไม่ได้แอบหัวเราะในใจ ที่เื่ราวการไล่ตามหารักแท้กลับกลายเป็เื่ผิดประเวณีในสายตาของพระสนมเต๋อเฟย
เฮ้อถ้าเชกสเปียร์รู้เื่นี้เข้าจะควงปืนมาประชันกับนางหรือเปล่านะ?
“หมู่เฟย หม่อมฉันขอเล่าเื่ราวต่อไปในวันพรุ่งนี้นะเพคะตอนนี้ถึงเวลาเสวยอาหารเช้าของพระองค์แล้ว หม่อมฉันไม่ขอรบกวนแล้วเพคะ” หลินเมิ้งหยาถวายคำนับนางพาป๋ายจื่อกลับไปยังตำหนักชิงหลานของตนเอง จิ่นเยว่เองก็ตามกลับมาเช่นกัน
ภายในห้องชั้นในจึงเหลือเพียงพระสนมเต๋อเฟยและบ่าวรับใช้คนสนิท
“เหนียงเหนียง” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นหญิงวัยกลางคนสวมใส่ชุดสีดำของพระราชวังจึงปรากฏกายอยู่ด้านหน้าพระสนมเต๋อเฟย
แม้อายุจะยังไม่เกินสามสิบสี่สิบปีแต่เมื่อเทียบกับจิ่นเยว่และพระสนมเต๋อเฟยที่บำรุงผิวพรรณเป็อย่างดีกลับดูแก่กว่ามาก
“มีเื่อันใด?” หลังจากได้ฟังเื่ของโรมิโอและจูเลียตจบแล้วพระสนมเต๋อเฟยที่ดำดิ่งเข้าไปกับเนื้อเื่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโศกเศร้าทว่านางกลับได้เห็นสีหน้าที่ไม่เป็มิตรของบ่าวรับใช้ของตนเอง
“เหนียงเหนียง หม่อมฉันเพียงแต่คิดว่าเหตุใดเื่นี้จึงคล้ายกับ...กับเื่ของท่านอ๋องจงซานมากเลยเพคะ?”