ที่ดินแห้งแล้งแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็แกนหลักพระอาทิตย์สำหรับตี้หวางเท่านั้น แต่ยังเป็ถึงองค์ประกอบด้านหน้าของถางเฉินจี๋พิ่นในอนาคตอีกด้วย
เหล่าเ้าสัวรู้สึกเสียดายเจียนตาย ยิ่งได้เห็นท่าทางเหม่อลอยของผู้เฒ่าถาง พวกเขารู้ทันทีถึงความ้าเจรจาซื้อขายสัญญากับเฉินเฟิงในที่ลับด้วยราคาที่สูงยิ่งกว่า
ไม่อย่างนั้นต่อให้ผู้เฒ่าถางจะได้ตี้หวางมาครองในราคาห้าร้อยหกสิบล้าน แต่การจะสร้างอะไรก็ตามคงจะกลายเป็เื่ยาก ถ้าไม่มีแกนหลักทางฮวงจุ้ยมาด้วย
ด้วยเหตุนี้เอง คนอื่นๆ ในงานประมูลจึงรีบขอตัวกลับ
พวกเขายังมีเื่สถานที่จัดงานเลี้ยงใหม่ให้หารือกับหัวหน้าฝ่ายบริหารเมือง เพราะสถานที่ก่อนหน้านี้เป็ของเฉินเฟิง และตัวเฉินเฟิงเองก็ไม่้ามีส่วนร่วมในงานเลี้ยงนี้
ฝ่ายบริหารเมืองจะมอบสัญญาการซื้อขายอย่างเป็ทางการให้ผู้ชนะประมูลที่งานเลี้ยง
อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าหวังแห่งเฉียนต๋ากรุ๊ปยังไม่ปลีกตัวไปไหน ดูท่ากำลังรอ ‘น้องชาย’ เฉินเฟิงอยู่
“คนอื่นกลับกันเกือบหมดแล้ว ตี้หวางก็ได้มาแล้ว” ในที่สุดผู้เฒ่าถางก็พูดกับเฉินเฟิงด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉัน้าซื้อที่ดินแห้งแล้งของนาย บอกราคาที่้ามา”
“สี่สิบล้านขาดตัว!” ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าถาง เฉินเฟิงก็ไม่รีรอบอกราคาด้วยรอยยิ้ม
“ผมรู้ ถ้าผมไม่มาที่นี่ คุณคงใช้หกร้อยล้านเพื่อให้ได้ตี้หวางมาครอง นั่นก็หมายความว่า ตอนนี้คุณมีเงินอยู่กับตัวสี่สิบล้าน เพื่อใช้ซื้อที่ดินแกนหลักทางฮวงจุ้ยที่ผม”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฟิง ผู้เฒ่าถางรู้สึกแพ้ราบคาบ ไม่รู้จะขำหรือร้องไห้ดี
“นายเป็ใครกันแน่ เป็ลูกของใครบางคนจากสมาคมไม่ระบุนามหรือเปล่า? อย่าแกล้งกันแบบนี้อีก โอเคไหม!”
ผู้เฒ่าถางรู้สึกอับจนหนทาง มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเขารวบรวมเงินหกร้อยล้านเพื่อประมูลตี้หวาง
พวกขาใหญ่ในวงการหลายคนในที่ประมูลยังไม่รู้เื่นี้เลย
แต่ไอ้หนุ่มที่มาจากไหนไม่รู้กลับรู้เื่นี้เป็อย่างดี
ผู้เฒ่าถางจึงสรุปเอาเองว่าเฉินเฟิงเป็ลูกของใครสักคนจากกลุ่มนายทุนไม่ระบุตัวตน
ยิ่งไปกว่านั้น!
ผู้เฒ่าถางเห็นเฉินเฟิงมองหัวหน้าฝ่ายบริหารเมืองด้วยสายตาแน่วแน่
เฉินเฟิงไม่เห็นหัวเ้าหน้าที่รัฐด้วยซ้ำ! ราวกับมีผู้มีอำนาจระดับหลายแสนล้านหนุนหลัง จุดที่แม้แต่ผู้เฒ่าถางและผู้เฒ่าหวังซึ่งอยู่วัยสี่สิบก็ไม่อาจเอื้อมถึง
ท้ายที่สุดแล้ว ตอนนี้ก็เป็ปี 1995 ผู้เฒ่าหวังแห่งเฉียนต๋ากรุ๊ปยังไม่กลายเป็ชายที่ร่ำรวยที่สุด ในปัจจุบันเขามีสินทรัพย์ในสุทธิเพียงไม่กี่ร้อยล้านเท่านั้น
ผู้เฒ่าถาง ผู้ริเริ่มทำธุรกิจจากฮ่องกง อาจมีสินทรัพย์ในมากกว่าผู้เฒ่าหวังก็จริง แต่ก็มากกว่าเพียงสามหมื่นถึงหนึ่งแสนล้าน
เป้าหมายหนึ่งแสนล้านเป็เป้าหมายอันห่างไกลอีกหลายปีกว่าจะไปถึง
“ผมก็แค่...เด็กมหาลัยปีสามธรรมดาคนหนึ่ง ถูกรักแรกกับเพื่อนสนิทสวมหมวกเขียวให้ ผมเลยใช้เงินก้อนสุดท้ายในกระเป๋าสตางค์ยี่สิบหกหยวนซื้อลอตเตอรี่สิบสามใบ แล้วก็ถูกแจ็คพอตใบละห้าล้าน หักภาษีรวมสุทธิเหลือห้าสิบสองล้าน ผมกว้านซื้อกิจการโรงแรมเฉียนต๋าในเมืองโม๋ตู โรงแรมที่ขาดทุนสองปีติดด้วยเงินยี่สิบล้าน อีกสามสิบล้านผมใช้ซื้อที่ดินรอบเฉียนต๋ากว่าเจ็ดตารางกิโลเมตรจากรองผู้ว่าฯ ผู้รับผิดชอบด้านการเงิน บวกกับอีกหนึ่งล้านซื้อร้านอาหารมิชลินสามดาวในโรงแรมเฉียนต๋า ตอนนี้ผมใช้อีกเก้าแสนหนึ่งหมื่นเพื่อซื้อที่ดินแห้งแล้งแปลงเล็กๆ ถัดจากตี้หวาง ทั้งตัวผมตอนนี้เหลือแค่เก้าหมื่น ผมค่อนข้างชอบการลงทุนในพื้นที่แห้งแล้งหรือโรงแรมใกล้เจ๊ง ยังไงตัวผมก็เรียนการจัดการการเงินและธุรกิจในมหาวิทยาลัย จะบอกว่าผมเป็แค่ลูกวัวไม่กลัวเสือ กล้าลงพนันในการพนันที่ขาใหญ่ทั้งหลายไม่กล้าก็ได้
ในเมื่อผู้เฒ่าถางไม่ตอบตกลงซื้อสัญญาในราคาสี่สิบล้านในประโยคแรก เช่นนั้น ผมขอขึ้นราคาสัญญานิดหน่อย ตอนนี้ผมจะไม่ขายแค่สี่สิบล้าน แต่ผมจะขอส่วนแบ่งของถางเฉินกรุ๊ปสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่ายังไงทั้งคุณทั้งผมก็รู้ดีถึงมูลค่าของที่ดินแห้งแล้งในมือผมนี้ว่ามีค่าขนาดไหน หากไม่มีที่ดินแปลงเล็กๆ นี้ ตี้หวางที่คุณเพิ่งจ่ายไปห้าร้อยหกสิบล้านก็เปล่าประโยชน์ จะเอาไปทำอะไรได้มากกันเชียว”
เฉินเฟิงแนะนำตัวเองอย่างช้าๆ ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขามองผู้เฒ่าถางที่ใกล้จะร้องไห้และยื่นข้อเสนอแสนจะหน้าด้าน
ยังไงก็ตาม การแนะนำตัวเองของเฉินเฟิงต่อหน้าขาใหญ่ทั้งสองไม่ทำให้ทั้งสองเชื่อเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่ผู้เฒ่าหวังก็ได้ข้อสรุปแบบเดียวกับผู้เฒ่าถาง นั่นคือเขาเข้าใจว่าเฉินเฟิงเป็ลูกของผู้มีอำนาจจากกลุ่มนายทุนที่ไหนสักกลุ่ม
“พอบอกความจริงดันไม่เชื่อกัน งั้นก็คิดว่าผมเป็เ้าชายจากกลุ่มนายทุนสักกลุ่มก็ได้ครับ”
เฉินเฟิงถอนหายใจ ทั้งไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเมื่อเห็นสีหน้าไม่เชื่อถือจากผู้เฒ่าทั้งสอง
บางครั้งชีวิตก็เป็แบบนี้
ผู้คนมักตัดสินคนอื่นด้วยมาตรฐานของตนเอง
เฉินเฟิงบอกความจริงทุกอย่าง กลับไม่มีใครเชื่อเขาสักคน
“อยากให้ฉันเชื่อเหรอ? งั้นขอส่วนแบ่งจากถางเฉินกรุ๊ปน้อยลงสักหน่อยไหม สักหนึ่งเปอร์เซ็นต์เป็ไง? ถึงฉันจะเป็ผู้ก่อตั้ง แต่ถางเฉินกรุ๊ปก็ไม่ใช่ของฉันคนเดียว”
ผู้เฒ่าถางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต่อรองราคา
“ยี่สิบเปอร์เซ็นต์! ถ้าต่ออีกผมจะขอสามสิบแล้วนะ... อย่าเพิ่งกังวล ผมไม่ได้ขอส่วนแบ่งไปเฉยๆ ผมจะใช้สิ่งที่ผมร่ำเรียนมาจากมหาลัยช่วยเหลือถางเฉินกรุ๊ปทางอ้อมในอนาคต โดยเฉพาะช่วยชีวิตคุณ! ถ้าคุณไม่เชื่อผม เรามาลองวางเดิมพันกันก็ได้...”
เฉินเฟิงไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังเพิ่มราคายิ่งขึ้นอีกด้วย สุดท้ายจึงเสนอการวางเดิมพันด้วยท่าทีมีลับลมคมใน
ผู้เฒ่าถางรู้สึกตื่นใกับความอยากของเฉินเฟิงเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าเฉินเฟิงจะขอส่วนแบ่งยี่สิบหรือสามสิบเปอร์เซ็นต์จากถางเฉินกรุ๊ป
ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าถางจึงถามด้วยความจริงจัง
“เดิมพันยังไง”
เฉินเฟิงยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยปากอย่างช้าๆ
“ผมสังเกตสีหน้าคุณ ผมคิดว่าคุณไม่น่าจะมีชีวิตผ่านปี 2004 ไปได้ ผมขอพนันว่าคุณจะป่วยหนักเป็โรครักษาไม่หายในปี 2004 และผมจะหาทางรักษาคุณให้
แต่ เพื่อเป็การแลกเปลี่ยน ทุกหนึ่งปีที่คุณมีชีวิตต่อหลังจากนั้น ต้องมอบส่วนแบ่งหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของถางเฉินกรุ๊ปให้ผม
แน่นอนว่าสี่สิบล้านหยวนกับส่วนแบ่งเก้าเปอร์เซ็นต์ที่ลดให้หนึ่งเปอร์เซ็นต์จากการต่อรองนั้น ต้องมอบให้ผมก่อน
ปีนี้เป็ปี 1995 คุณมีเวลาอีกเก้าปีจนกว่าจะ 2004
ถ้าภายในปี 2004 คุณไม่ป่วยหนัก ผมจะคืนสี่สิบล้านและส่วนแบ่งเก้าเปอร์เซ็นต์ให้คุณ
นอกจากนั้น ผมจะยอมรับต่อสาธารณะว่าคุณเป็บิดาของผม และขอโทษที่ผมแสดงความหยาบคายต่อคุณในวันนี้”
ในฐานะคนกลับชาติมาเกิดและผู้ที่ซื้อที่ดินในถางเฉินจี๋พิ่นในชาติก่อน เฉิงเฟิงรู้ดีเกี่ยวกับข่าวเื่อาการป่วยของประธานแห่งถางเฉินกรุ๊ป ถางจุนจ่านในวัยห้าสิบต้นๆ จะป่วยหนัก
ในอนาคตปี 2001 ถางจุนจ่านจะถอนตัวออกจากตำแหน่งประธานและผู้บริหารของถางเฉินกรุ๊ป โดยมีภรรยาและลูกชายทั้งสองเข้ามาบริหารจัดการแทน
ต่อมาในปี 2004 ถางจุนจ่านเสียชีวิตลงในฮ่องกงด้วยโรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน เมื่อเขาเสียชีวิต ภรรยาจึงมีอำนาจควบคุมบริหารบริษัทเบ็ดเสร็จ
แล้วจากที่เปิดเผยต่อสาธารณะในปีนั้น ถางเฉินกรุ๊ปมีสินทรัพย์ทั้งหมดกว่า สองหมื่นล้านหยวน!