เย่เฟิงไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบโต้ ดาบเล่มยาวในมือของชายจากวิหารดาบ์ก็มาถึงเหนือศีรษะของคนตัดไม้ อีกไม่กี่เสี้ยววินาทีทั้งร่างคงถูกแบ่งเป็สองส่วน
ขณะนั้นเองอีกร่างหนึ่งะโออกจากพงหญ้าด้านข้างด้วยความเร็วเหมือนพายุ เพียงชั่วพริบตาก็ขวางอยู่ตรงหน้าคนตัดไม้
เป็คนแก่!
‘เร็วมาก!’ เย่เฟิงตะลึงไปชั่วขณะ ชายชราคนนั้นดูคลับคล้ายคลับคลา แต่ความเร็วนั้นจะเร็วเกินไปหรือเปล่า? เพียงพริบตาก็ผ่านไปต่อหน้าต่อตาแล้ว
เคร้ง!
ชายชราเอียงตัวยื่นมือประกบกัน พลังภายในอันทรงพลังรวมตัวกันในฝ่ามือ เขาเริ่มด้วยการปัดดาบยาวเล่มนั้นออกไปอย่างแม่นยำ ทำให้มันเลียบไปตามด้านข้างของคนตัดไม้แล้วแฉลบโดนก้อนหินริมแม่น้ำสร้างรอยแตกเป็ทางน่ากลัว เศษฝุ่นลอยฟุ้งบนอากาศ
เย่เฟิงลอบมองขณะซ่อนตัวในพงหญ้า ไม่นึกเลยว่าชายชราคนนั้นจะเป็ตาเฒ่าหวงซึ่งเคยพบกันที่งานประมูลสินค้าตระกูลหลง หรือก็คือหวงเผยหรงแห่งูเาเทียนจู้ผู้มีระดับพลังลมปราณแข็งแกร่งถึงสามสิบปีเต็ม!
นึกไม่ถึงเลยว่าตาเฒ่าคนนี้ก็มาเช่นกัน เย่เฟิงได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าดูการเผชิญหน้ากันของทั้งสองฝ่ายมากนักจึงเร่งเดินอ้อมไปตามทาง มุ่งหน้าไปต่ออย่างไม่รอช้า
ไม่ว่าจะเป็หวงเผยหรงหรือสองคนจากวิหารดาบ์ เย่เฟิงก็ไม่้าปะทะ ตอนนี้เขาแค่้าไปให้ถึงสุสานโบราณอย่างปลอดภัยเพื่อค้นหาร่องรอยของซูเฟยหยิ่ง
‘จากที่ดูตาเฒ่าหวงก็ไม่น่าใช่คนเลวร้ายอะไร แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงตามหาโม่จิ่วเกอ...’ เย่เฟิงคิดในใจ จำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนอยู่โรงแรมในเมืองหลางฝาง หวงเผยหรงขอให้เขาถ่ายทอดคำพูดต่อ ‘โม่จิ่วเกอ’ ถ้าพวกเขาได้พบกัน
ชายหนุ่มส่ายหัวไปมาอย่างคิดไม่ตก เดินเลียบไปตามทางบนูเาอย่างระวังเหตุการณ์รอบด้านทุกขณะ สถานการณ์ของูเาฉางไป๋ตอนนี้เต็มไปด้วยอันตราย เช่นเดียวกับเมื่อครู่ที่เย่เฟิงไม่รู้เลยว่ายังมีตาเฒ่าหวงซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ไม่ว่าจะเสี่ยงมากแค่ไหนก็ไม่อาจเปลี่ยนความตั้งใจที่จะไปสุสานโบราณได้
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาเย่เฟิงก็ขึ้นเขามาได้ครึ่งทาง บริเวณนี้เป็มีป่าไม้และวัชพืชขึ้นรกทึบ เมื่อมองด้านข้างผ่านแนวพงหญ้าก็พบทางบนูเาข้างหน้าทอดยาวคดเคี้ยวประมาณสองถึงสามกิโลเมตรก็จะถึงที่ราบขนาดใหญ่ของูเา เย่เฟิงขมวดคิ้วเพราะคิดไม่ถึงว่าบริเวณนั้นจะมีคนอยู่จำนวนมาก และต่างเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ทั้งสิ้น
หาก้าไปทางเข้าสุสานโบราณ บริเวณที่ราบตรงนั้นเป็ทางเดียวที่จะไปได้ แต่ตอนนี้เย่เฟิงแปลงโฉมซ่อนตัวตนที่แท้จริงไว้ใต้หน้ากาก แค่คิดจะผ่านกลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้นก็ถือว่าหลงผิดแล้ว
‘จะว่าไปคนพวกนี้มาที่นี่เพราะหญ้าหลิงซี หรือที่ราบตรงนั้นจะเป็สถานที่ประมูลหญ้าหลิงซีกันนะ?’
ทันใดนั้นเองเย่เฟิงก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกถึงเสียงฝีเท้ายุ่งเหยิงที่อยู่ข้างหน้า และพบหญิงสาวหอบหายใจแฝงกลิ่นอายเย้ายวน เขารู้สึกเหมือนเคยเห็นเหตุการณ์นี้มาก่อน
‘เหตุการณ์อะไรวะเนี่ย?’ เย่เฟิงชะงักฝีเท้าและ้าซ่อนตัวในพงหญ้าทันที แต่ก่อนจะเคลื่อนไหวก็มีร่างอรชรพรวดพราดออกจากพงหญ้าแล้วถลามาทางเขา
เย่เฟิงยกมือขึ้นตามจิตใต้สำนึก อยากจะดึงกระบี่เจินชี่ของแหวนกระบี่ัโบราณออกมาเพื่อจะได้ฆ่าคน! เพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่าย้าลอบโจมตีหรือมีเจตนาอย่างอื่นหรือไม่
แต่ท่ามกลางความรีบร้อนนั้นเขากลับเห็นอย่างชัดเจนว่าใครพุ่งถลามาหาตน ไม่คิดเลยว่าจะเป็หลงหว่านเอ๋อร์ ตอนนี้ใบหน้าของเธอแดงก่ำ
“คุณ! ฉัน...” ทันทีที่หลงหว่านเอ๋อร์วิ่งออกจากพงหญ้าก็ชนเย่เฟิง เมื่อเงยหน้าเห็นชายสวมหน้ากากก็ใ ร่องรอยความสิ้นหวังปรากฏในดวงตาคู่สวยของเธอ
ก่อนหน้านี้หลังจากมีการซุ่มโจมตีและทหารไล่ตาม นี่คงไม่ใช่สถานการณ์เดียวกับที่เย่เฟิงได้เผชิญหลังจากงานประมูลสินค้าที่เมืองหลางฝางใช่ไหม?
เพียงครู่เดียวเย่เฟิงก็มองออกว่าอีกฝ่ายอยู่ในสถานการณ์คับขัน ชนิดที่ว่าได้รับยาปลุกกำหนัดที่ทำให้คนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ซ้ำยังไม่รู้เช่นกันว่าใครวางยาเธอ
เมื่อได้เห็นเธอ เย่เฟิงก็มีความคิดแวบขึ้นมากะทันหัน ซึ่งเป็ความคิดที่ยอดเยี่ยมที่สุด เขาไม่ทันคิดอะไรก็ยื่นมือออกไปทันที ฉวยโอกาสคว้าร่างนุ่มนิ่มเข้ามาในอ้อมแขน กลิ่นหอมจางลอยเข้าจมูก ััอบอุ่นและนุ่มนวลซึมผ่านชุดกระโปรงสีขาวผ่านไปยังมือของเย่เฟิง ทำให้เขาร้อนรุ่มในใจอย่างอดไม่ได้ แต่ชายหนุ่มตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่เอาเปรียบสาวน้อยคนนี้
“ใครไล่ตามคุณอยู่?” เย่เฟิงกระซิบแ่เบาใกล้หูของอีกฝ่าย
“นี่คุณปล่อยฉันนะ!” หลงหว่านเอ๋อร์พยายามดิ้นให้หลุดจากเขา แก้มเธอแดงระเรื่อขณะพยายามตบตีเขา
น่าเสียดายที่ตอนนี้ระดับพลังของเย่เฟิงเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก จึงจับมือเธอไว้ได้อย่างง่ายดาย “ฉันกำลังช่วยเธออยู่นะ ถ้าเธอไม่้าก็ช่างมันเถอะ”
หลงหว่านเอ๋อร์หอบหายใจ ดวงตาคู่สวยฉายแววสงสัย
เธอไม่คิดเลยว่าชายสวมหน้ากากผู้น่ารังเกียจคนนี้จะใจดีขนาดยื่นมือช่วยเธอ คนคนนี้เ้าเล่ห์เพทุบาย เมื่อนึกถึงตอนที่อยู่เมืองหลางฝาง เหตุการณ์ที่ถูกหมอนี่กลั่นแกล้ง ทำให้เธอโกรธจนขว้างปาสิ่งของ ในที่สุดตอนนี้ก็ได้เจอกันอีกครั้ง น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถเอาคืนเขาได้ กลับถูกเขาทำก้อร้อก้อติก
ขณะหลงหว่านเอ๋อร์คิดในใจ ร่างกายก็รู้สึกร้อนผ่าว พิษที่เพิ่งได้รับคงไม่สามารถยับยั้งไว้ได้ เธอรีบโคจรพลังไปที่จุดตันเถียน ใช้พลังภายในจากเส้นลมปราณช่วยยับยั้งแรงปรารถนาที่น่าอับอายนี้
“ถ้างั้นก็ได้...” ดวงตาสวยหันมาสบกับเขาทันทีเมื่อคิดวิธีได้ เวลานั้นเธอไม่ดิ้นรนอีก ตรงกันข้ามกลับซบร่างเย่เฟิง “สองคนจากสำนักหมัดเทวาจงใจทำเื่น่าละอายกับฉัน นายช่วยฉันได้ไหม?”
เสียงหวานน่าฟังราวนกขมิ้น เปี่ยมล้นเสน่ห์ไม่สิ้นสุดดังขึ้นข้างหูของเย่เฟิง
สำนักหมัดเทวา?
ใจของเย่เฟิงเต้นรัวเมื่อนึกถึงงานประมูลที่เมืองหลางฝาง ชายผิวเข้มคนนั้นถูกลูกเตะของหลงหว่านเอ๋อร์เข้าไป นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็เขา เพียงไม่นานก็รู้ว่าตนคาดไม่ผิด
เสียงสั่นของพงหญ้าแสดงให้เห็นว่ามีคนอยู่ห่างออกไปกำลังใกล้เข้ามา เพียงไม่นานน้ำเสียงลำพองใจก็ดังขึ้นราวกับเดจาวู “หว่านเอ๋อร์ เธอยอมรับชะตากรรมชีวิตตัวเองแล้วยอมให้จับตัวเถอะ! ฉันอยากจะเห็นนัก สภาพอย่างเธอจะหนีไปถึงไหนได้ ทำไมไม่ยอมเชื่อฟังฉันดีๆ ล่ะ? ฉันกับศิษย์พี่จะปฏิบัติกับเธออย่างดีเลยนะ จะทำให้เธอผ่อนคลายจนรู้สึกดี...”
น้ำเสียงนี้ไม่ใช่เสียงของคนที่จงใจทะเลาะตอนอยู่ในงานประมูลเพื่อดึงดูดความสนใจจากหลงหว่านเอ๋อร์เหรอ? ตอนนั้นเขายังถูกหลงหว่านเอ๋อร์ทำให้อับอายมาก ศักยภาพอ่อนแออย่างนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้ถึงกับใช้วิธีสกปรกอย่างนี้ ทั้งยังเรียกศิษย์พี่มาช่วยทำเื่ไร้ยางอายกับหลงหว่านเอ๋อร์อีก
ยิ่งฝีเท้าเข้าใกล้มากเท่าไร เย่เฟิงก็รู้สึกได้ถึงระดับพลังของทั้งสองคน คนหนึ่งอยู่ในระดับที่ถือว่าอ่อนแอ ส่วนอีกคนเมื่อเทียบกับหลี่จวิ้นหลงระดับไม่ต่างกันมากนัก เมื่อคำนวณสถานการณ์ในใจแล้วก็ยิ่งไม่คิดหนี
เพียงไม่นานทั้งสองร่างก็แหวกพงหญ้าออกมาปรากฏตัวต่อหน้าเย่เฟิง ทั้งสองฝ่ายชะงัก
ฝ่ายตรงข้ามตกตะลึงเพราะหลงหว่านเอ๋อร์ผู้อยู่เหนือหมู่คนกลับอยู่ในอ้อมกอดของชายสวมหน้ากาก อีกทั้งยังดูใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก
ส่วนเย่เฟิงก็ประหลาดใจที่ไม่ใช่สองคนอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่กลับเป็สาม ชายคนหนึ่งถูกจับไว้โดยหนึ่งในสองคนนั้น หากไม่ใช่เ้าไก่อ่อนหลงเสียนแล้วจะเป็ใครได้อีก?
เย่เฟิงเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมหลงหว่านเอ๋อร์ถึงถูกวางยา ตามหลักแล้วแถวนี้มีคนจากตระกูลหลงอยู่ไม่น้อย เป็ไปไม่ได้เลยที่สองคนจากสำนักหมัดเทวาจะกล้าลงมือ น่าสลดใจที่พวกเขาใช้หลงเสียนเป็ไส้ศึก จึงสามารถดึงหลงหว่านเอ๋อร์ให้ออกมาตามลำพังอย่างง่ายดาย
หนึ่งในนั้นเป็ชายผิวเข้มที่เคยเจอกันที่งานประมูล พลังลมปราณของเขามากสุดก็คงอยู่แค่ระดับสามสี่ปี เย่เฟิงจึงไม่เห็นเขาในสายตา
ชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่จับหลงเสียนเอาไว้ดูแข็งแกร่งกว่าอย่างชัดเจน ใบหน้าท่าทางเ้าเล่ห์และขี้โกง บางทีแผนสกปรกที่คิดวางยาหลงหว่านเอ๋อร์ก็คงเป็เขาที่คิด ดูท่าคงเป็ศิษย์พี่ของชายผิวเข้ม
หลงเสียนที่อยู่ในมือของชายร่างสูงแสดงสีหน้าหวาดกลัว “หว่านเอ๋อร์ เื่นี้อย่าโทษฉันเลยนะ พวกเขาบอกว่าถ้าฉันไม่วางยาแล้วล่อเธอออกมาตามลำพัง พวกเขาจะฆ่าฉัน...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้