เสียงลมหายใจของธรรมชาติยังคงห้อมล้อมอยู่รอบตัว แมลงกลางคืนร้องระงมเบาๆ ผสานกับเสียงคลื่นน้ำในธารเล็กที่ไหลผ่านหน้ารีสอร์ตหรูสไตล์เรือนไม้ บรรยากาศหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว…สงบจนใจเต้นช้าลง
มารตีนั่งนิ่งอยู่ที่ระเบียงห้องพัก ไหล่เปลือยเพราะคลายสายเดรสตัวโปรดลงอย่างเหนื่อยล้า ร่างกายของเธออ่อนล้าจากกิจกรรมเร่าร้อนต่างๆ ในรีสอร์ตแห่งนี้ โดยเพราะค่ำคืนที่ผ่านมาจากห้าหนุ่ม...หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นเกือบเที่ยงวัน เหลือเพียงปพนต์ที่นั่งเผ้ามองด้วยความรักอยู่ข้างกาย แต่จิตใจต่างหาก…ที่หนักกว่านั้น
“เครียดเหรอ?” เสียงหวานเย็นของนุชจรา เอ่ยขึ้นเบา ๆ
มารตีหันไป นุชจรา อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวที่บางมาก จนเห็นแสงลอดผ่าน ยามที่ลมพัดกราวเบาๆ ผมชื้นๆ ทิ้งตัวลงข้างแก้ม นุชจรา เดินเข้ามาช้าๆ ไม่ถามอะไรเพิ่ม เพียงหย่อนตัวลงนั่งด้านหลังของมารตี แล้ววางมือเบา ๆ ลงบนไหล่เปลือยของเธอ
“ให้ฉันช่วยนวดไหม? เธอดูเกร็งมากเลยนะ”
มารตีไม่ตอบ เพียงแต่พยักหน้าเบาๆ นิ้วมืออุ่นๆ ของนุชจรา เริ่มขยับ…นวดลงที่ไหล่ทีละข้าง
แรงมือของเธอไม่มาก ไม่น้อย มันคือจังหวะที่ทำให้มารตีไม่ทันรู้ตัวเลยว่าลมหายใจของตัวเองเริ่มลึกขึ้นทีละนิด...ทีละนิดแล้ว
“รู้ไหม รตี…เธอเป็คนที่มีแรงต้านในตัวสูงมากเลยนะ” นุชจรา พูดเบาๆ ข้างหู เสียงกระซิบของเธอ…ไม่ได้แค่ััโสตประสาท แต่เหมือนะเืลงไปถึงหัวใจ มือที่นวดเลื่อนลงมาต่ำกว่าเดิม…แตะหลังไหล่ ลูบผ่านแนวกลางหลัง ััปลีก้นที่เหมือนจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้นนอกจากชุดเดรสตัวบาง
มารตีรู้สึกว่าทุกเส้นประสาทในร่างกายเริ่มตื่นตัว เธอหลับตาแน่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ “นุชจรา …เธอ…”
“ชู่ว์…” นุชจรา โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้…ริมฝีปากเธอแตะเบา ๆ บนบ่าของมารตี ราวกับจะถาม
ราวกับจะขออนุญาต ราวกับจะบอกว่า ไม่เป็ไรถ้าเธอจะรู้สึกอะไรบางอย่างกลับมา ภาพหนึ่งผ่านเข้ามาในห้วงความคิดของมารตี...ััจากริมฝีปากของปพนต์ สามีเธอ...
ััของชายห้าคนที่รุมล้อมโถมเข้าใส่ร่างเธอในรีสอร์ตสวิงกิ้งเมื่อวันก่อน ทุกคนให้ความสุขแบบรุนแรง เร่าร้อน กระชากลมหายใจ…จนเธอแทบละลาย
แต่ในวินาทีนี้ ริมฝีปากของ “นุชจรา ” ที่เบากว่าลม แต่มันกลับทำให้เธอ หวั่นไหว
ราวกับมีไฟลามช้าๆ ใต้ิั
“ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันทำต่อ…แค่พูดนะ” นุชจรา เอ่ย
แต่มารตีไม่พูด เธอเพียงเอนหลังพิงอกของนุชจรา และวางมือลงบนมือของเธอ ตอบกลับด้วยความเงียบที่เต็มไปด้วยความหมาย นุชจรา โอบกอดร่างเปลือยของมารตีไว้จากด้านหลัง เธอไม่รู้ว่าชุดเดรสที่เธอสวมอยู่หลุดออกไปตอนไหน แล้วยังบีกีนี่สีดำตัวน้อยนั่นอีกล่ะ นิ้วมือไล้ช้าๆ ที่เรียวแขน หน้าท้อง และแนบเข้าที่เอวของเธอ
ลมหายใจของทั้งคู่สอดประสานกันในความสลัวราง ไม่มีคำว่า “หญิง–หญิง” ไม่มีคำว่า “ผิด” หรือ “ถูก” มีเพียงแค่...“ฉันอยู่ตรงนี้…เพื่อเธอ”
ก่อนหน้านั้น...
เสียงเครื่องยนต์เบนซินของรถสปอร์ตคันเล็กดังเบาๆ เมื่อมันแล่นเข้าใกล้เขตรีสอร์ตท่ามกลางแมกไม้หนาทึบ นุชจรา เหยียบเบรกอย่างนุ่มนวล ก่อนที่รถจะชะลอจอดที่ลานหินหน้าล็อบบี้ไม้ไผ่ที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่าย
“ถึงแล้วเหรอครับพี่นุช รีสอร์ตที่พี่บอกไว้”
ชายหนุ่มรุ่นน้องที่นั่งข้างคนขับหันมายิ้มให้ เขาเป็เด็กหนุ่มรูปร่างดี ผิวแทน รอยสักเล็กๆ โผล่จากชายเสื้อยืดพอดีตัว ดูทะมัดทะแมงและเจือความดิบเล็ก ๆ อย่างมีเสน่ห์
“ขอบใจนะโอม” นุชจรา พูดพลางเอื้อมมือไปลูบแขนเขาเบา ๆ “ที่มาด้วยกัน”
โอมยิ้มจางๆ ในใจเขาอาจคาดหวังอะไรบางอย่างจากทริปนี้ แต่นุชจรา …เธอไม่ได้มาเพื่อเขา
ความจริงคือ…ั้แ่วันนั้นที่มารตีชวนเธอคุยเื่ "การเปิดใจ" เื่ "การลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ"
นุชจรา ก็หลุดจากภาพจำของมารตีไม่ได้เลย ใบหน้าของมารตีเวลาหัวเราะ แววตาของเธอเวลาพูดถึงศิลปะ
ความกล้าหาญแบบไม่รู้ตัวที่ทำให้นุชจรา ...ใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็มาก่อน
นุชจรา ไม่รู้ตัวว่าเธอเองก็รู้สึกแบบนี้กับ “ผู้หญิง” ด้วย ไม่เคยรู้ตัว จนกระทั่งชื่อของมารตี กลายเป็สิ่งที่วนอยู่ในหัวเธอทุกคืนก่อนนอน
รีสอร์ตแห่งนี้...
มารตีกับสามีมาพักเป็ประจำ นุชจรา ได้ยินจากกลุ่มเพื่อนของมารตี จึงเลือกใช้โอกาสนี้ “โผล่มาโดยไม่ได้นัดหมาย” เธอไม่ได้คิดจะรบกวน ไม่ได้คิดจะทำลาย เธอแค่อยาก “ใกล้ชิด” กับสิ่งที่ใจเธอเรียกร้อง...ก็แค่นั้น
เมื่อนุชจรา ลงจากรถ เธอสวมแว่นกันแดดสีดำ เสื้อลินินขาวปล่อยชาย กางเกงผ้าพลิ้วที่แนบกับสะโพกได้รูป เธอดูนิ่ง ดูเยือกเย็น และน่าค้นหา
“พี่นุชจรา แน่ใจนะครับว่าอยากพักคนละห้อง” โอมถามอีกครั้ง แม้จะแสร้งไม่ใส่ใจ แต่ความผิดหวังก็ยังซ่อนอยู่ในน้ำเสียง
“แน่ใจสิยะ…ฉันมีคนที่อยากเจอแล้ว” นุชจรา ตอบเรียบๆ และเดินเข้าล็อบบี้โดยไม่หันกลับไปมองหนุ่มน้อยที่มาด้วยอีกเลย
เธอทิ้งโอมไว้กับความสงสัย แต่หัวใจของเธอเองก็สั่นไหว เพราะไม่แน่ใจว่า เมื่อได้เจอกันอีกครั้ง...เธอจะควบคุมความรู้สึกตัวเองได้หรือไม่
พนักงานของรีสอร์ตเดินนำเธอไปยังห้องพักที่อยู่คนละฝั่งกับวิลล่าของปพนต์และมารตี แต่นุชจรา รู้ดี ว่าห้องพักของมารตีอยู่ที่ไหน เธอจำได้...แม้ไม่ได้มาพักด้วยกัน
และในคืนนี้ หลังจากปล่อยให้โอมหลับไปก่อน นุชจรา เดินเงียบ ๆ ไปยังระเบียงหลัง ของบ้านไม้หลังเล็กนั้น แสงไฟสลัวลอดผ้าม่าน เธอเห็นแผ่นหลังของมารตีที่เกือบเปลือย และแววตาที่เหม่อมองออกไปไกล…เหมือนแบกรับอะไรไว้ในใจ
นุชจรา เดินเข้าไปทันที เอื้อมมือแตะไหล่นั้น และพูดว่า “ฉันอยู่ตรงนี้”
ผ้าขนเช็ดตัวเนื้อนุ่มที่มารตีพันตัวไว้หลวมๆ หลุดลงบนเบาะนวดอย่างไม่ตั้งใจ หรืออาจตั้งใจโดยไม่รู้ตัว นุชจรา เบือนหน้าลงไปมองแผ่นหลังเปลือยนั้น ชั่ววินาทีหนึ่ง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่ริมขอบบางๆ ระหว่าง “เพื่อน” และ “ใครสักคนที่อยากััมากกว่าคำว่าเพื่อน”
มือของนุชจรา เคลื่อนไหวอย่างชำนาญ ไล่ตามแนวกล้ามเนื้อหลังและสะบักที่ตึงเครียด เธอค่อย ๆ ใช้น้ำมันหอมระเหยแตะลงที่แผ่นหลังอย่างแ่เบา กลิ่นลาเวนเดอร์จาง ๆ ลอยฟุ้ง
“อื้ม...” เสียงครางเบาๆ หลุดจากริมฝีปากงามของมารตี
นุชจรา กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เธอไม่เคยรู้ว่าเสียงของผู้หญิงอีกคน…จะทำให้หัวใจเธอเต้นแรงได้ขนาดนี้
“ทำไมต้องเป็เธอด้วยนะ...” นุชจรา เผลอคิดในใจ ขณะมือยังคงััลงบนผิวเนียนละเอียด อย่างช้าๆ ความรู้สึกนี้มันไม่ใช่แค่ ‘อยากรู้’ อีกต่อไปแล้ว
นุชจรา รู้ดี ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในตอนนี้…คือความโหยหา แต่ไม่ใช่เพียงแค่ทางกาย...เธอโหยหาทั้งหัวใจ เธอจำได้ว่าวันที่เธอตัดสินใจขับรถตามมารตีมาที่รีสอร์ตนี้ หัวใจเธอหนักหน่วงเหมือนคนกำลังจะสารภาพรัก แต่ก็ซับซ้อนยิ่งกว่านั้น
“นุชจรา …” เสียงเรียกเบาๆ จากหญิงสาวบนเบาะ ทำให้นุชจรา สะดุ้งตื่นจากความคิด มารตีหันหน้ามามองเธอ ดวงตาสีน้ำผึ้งของเธอคล้ายเปล่งประกายในแสงไฟสลัว “เธอกำลังสั่นอยู่หรือเปล่า…”
นุชจรา ไม่ตอบ แต่มารตีค่อยๆ เอื้อมมือมากุมมือของเธอไว้ แล้วพูดเบาๆ “ไม่ต้องฝืน...ถ้าเธออยากรู้สึกไปกับมัน ฉันก็อยากให้เธอรู้สึกด้วยเหมือนกัน”
นั่นเป็จุดเริ่มต้น...ที่มือทั้งสองคู่นั้น…ไม่หยุดอยู่ที่แผ่นหลังอีกต่อไป
มารตีดึงนุชจรา เข้ามาใกล้ ริมฝีปากของเธอแตะเบาๆ ที่ข้างแก้มนุชจรา ก่อนจะเลื่อนไปััที่ริมฝีปาก และลิ้นเรียวนุ่มก็ัักันอย่างอ่อนโยน นุชจรา ไม่ได้ผลักไส…เธอหลับตาและตอบรับ ัันั้นอ่อนโยน แต่แฝงความร้อนแรงไว้ใต้เปลวเพลิงที่ค่อยๆ ลาม อย่างช้าๆ
นี่ไม่ใช่การทดลองอีกต่อไป นุชจรา ไม่สามารถหลอกตัวเองได้แล้ว ว่าหัวใจของเธอยังนิ่งเฉยอยู่ เธอเคลื่อนตัวลงมาคร่อมร่างของมารตีไว้ จูบของเธอเริ่มรุนแรงขึ้น แต่มือยังอ่อนโยนราวกับกำลังกลัวว่าอีกฝ่ายจะละลายหายไป