“พี่ตี๋ ท่านก็จะไปด้วยเหรอ ดี ยินดีเป็อย่างยิ่งเลย! ในสายตาของสัตว์ประหลาดเฒ่าของทั้งสองสำนักนั้น พี่ตี๋เป็คนที่พวกเขาครั่นคร้ามที่สุดในหมู่พวกเราแล้ว! หากมีพี่ตี๋อยู่ด้วย พวกเราก็ไม่ต้องลำบากในการเจรจากับทั้งสองเ้าสำนักนั้นแล้ว!” จูเหวินฝูพูดด้วยรอยยิ้มและต้อนรับตี๋จั๋วรื่อที่เดินทางมาหลายพันลี้พร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งอย่างจริงใจ!
เพียงแต่เด็กหนุ่มคนนั้น แม้ว่าลมปราณจะค่อนข้างมั่นคงดี แต่ไม่ว่าจะมั่นคงมากแค่ไหน หรือพลังิญญาจะอัดแน่นมากเพียงใด แต่ก็ยังเป็แค่ขั้นต้นอยู่ดี จะเทียบกับเหล่าผู้ใช้พลังิญญาขั้นสูงของสำนักรวมสมบัติิญญาเราได้อย่างไร?
ครั้งนี้ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าสำนักิญญาเมฆากำลังคิดอะไรอยู่ พวกเราสองสำนักต่างก็ส่งผู้ใช้พลังิญญามาห้าสิบคน ซึ่งล้วนแต่เป็ขั้นสูงทั้งสิ้น ต่ำที่สุดก็ยังเป็ถึงศิษย์อัจฉริยะที่เปิดขดพลังิญญามาได้เจ็ดขด แต่พวกเขากลับส่งผู้ใช้พลังิญญาขั้นกลางมาถึงสามคน แถมยังยัดผู้ใช้พลังิญญาขั้นต้นมาด้วยอีกสองคน นี่จะส่งไปฝึกฝนหรือว่าพาไปเป็ตัวถ่วงกันแน่?
และที่น่าขันที่สุดคือ ศิษย์สำนักิญญาเมฆาที่มีพลังยุทธ์ต่ำที่สุดในหมู่พวกเขา เหมือนจะเป็ผู้นำกลุ่มอีกด้วย
ตี๋จั๋วรื่อยิ้มจางๆ แล้วกล่าว “ชิงไห่เ้าช่วยไปตามเทียนเซี่ยวมาให้หน่อย พี่จูรออยู่ที่นี่ก่อน ข้าคิดว่าข้ามีบางเื่ที่ควรจะบอกพวกท่านไว้ก่อน!”
ตี๋จั๋วรื่อคิดอยู่นานหลายวัน และในที่สุดตัวเขาก็ตัดสินใจที่จะบอกเื่ใหญ่ที่ค้างคาใจให้กับทั้งสองสำนักที่สนิทกัน
ครึ่งชั่วยามต่อมา!
จูเหวินฝูกับจางเทียนเซี่ยว สองผู้แข็งแกร่งในระดับาาิญญามานั่งเงียบๆ อยู่สักพักใหญ่ใน ‘เรือหอท่องนภา’ อันเป็เรือเหาะของสำนักิญญาเมฆา จนในที่สุดจางเทียนเซี่ยวก็เอ่ยปาก “ขอบคุณพี่ตี๋มาก ทั่วทั้งสำนักคุมสัตว์ิญญาเรา ไม่สิ มนุษย์ทั้งอาณาจักรซินโยวต่างก็จะจดจำความเมตตานี้ของพี่ตี๋เอาไว้ ทำให้พวกเรามีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้าเป็สิบปี!”
จูเหวินฝูถอนหายใจยาวๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ “พี่ตี๋ ถ้าหากจะบอกว่าทั่วทั้งอาณาจักรซินโยวนี้ จูเหวินฝูคนนี้จะนับถือและเคารพใครจริงๆ สักคน ก็คงจะมีแค่พี่ตี๋เท่านั้น ข้าจะเขียนจดหมายกลับไปที่สำนัก ใน่เวลานี้พวกเราจะทุ่มเทกำลังทั้งหมดในการปรุงยา และตีอาวุธิญญา! ยาและอาวุธิญญาที่พวกท่านทั้งสองสำนัก้า สำนักรวมสมบัติิญญาของเรายินดีลดราคาให้สี่ส่วนจากราคาเดิม!”
“โอ้โห ได้เห็นพี่จูใจป้ำขนาดนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง แต่...ลดสี่ส่วนเนี่ยนะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสำนักรวมสมบัติิญญาของพวกท่านถึงได้รวยล้นฟ้า รู้สึกเหมือนพวกท่านได้เงินจากสำนักอื่นๆ ไปไม่น้อยเลยนะ!” ิ่ชางไห่พูดด้วยรอยยิ้ม
“พี่ตี๋ เื่ใหญ่เช่นนี้ ไม่ใช่แค่เื่ของพวกเราสามสำนักใหญ่แล้วนะ ข้าคิดว่าอีกสองสำนักใหญ่ก็ควรจะรู้เื่ไว้ด้วยเช่นกัน หากรังนกถูกพลิกคว่ำ ไฉนเลยจะมีไข่รอดได้! อย่างไรเสียพวกเราต่างก็เป็ตั๊กแตนที่ถูกมัดด้วยเชือกเส้นเดียวกันแล้ว ถ้าเกิดเื่โกลาหลขึ้นมาจริงๆ จะยังมีใครรอดอยู่ได้!” จางเทียนเซี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“อืม ข้าเองก็คิดแบบเดียวกัน นั่นจึงเป็เหตุผลที่ข้าตามมา!” ตี๋จั๋วรื่อพยักหน้า
“ศิษย์พี่ เื่การเดินทางไปสำรวจเมืองโบราณหลิงกุยครั้งนี้ ควรจะทำอย่างไรดี?” แล้วิ่ชางไห่ก็โยนคำถามใหม่ขึ้นมา
“เื่นี้ข้าว่าพวกเราทั้งสามสำนักใหญ่กับอีกสองสำนักใหญ่ก็ควรจะปรึกษากันให้ดี โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการฝึกในโลกเร้นลับครั้งนี้มากจนเกินไป และยังต้องพยายามหลีกเลี่ยงการสูญเสียครั้งใหญ่ของทั้งสองฝ่ายให้ได้มากที่สุด เพราะหนุ่มสาวจำนวนห้าร้อยคนนี้ล้วนแต่เป็ความหวังของแต่ละสำนักทั้งสิ้น!”
“ใช่ๆๆ! หากประมือกันบ้างก็ไม่เป็ไร แต่จะดีที่สุดคืออย่าลงมือกันถึงตาย! ตอนนี้พวกเราควรถนอมกำลังคนเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะอาจจะส่งผลต่อบทบาทสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่มากก็น้อย!” จูเหวินฝูกล่าวอย่างเห็นด้วย!
“พวกเราสามสำนักใหญ่ย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน ปัญหาคืออีกสองสำนักใหญ่ต่างหาก!” จางเทียนเซี่ยวกล่าว!
ตี๋จั๋วรื่อเงยหน้ามองฟ้าแล้วกล่าว “ข้าจะลองเจรจากับพวกเขาเอง!”
...
ในขณะที่บรรดาผู้าุโกำลังพูดคุยกัน ลูกศิษย์ของสามสำนักใหญ่ก็กำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารกันอย่างออกรส!
ใน่เวลาหลายวันที่อยู่ในสำนักิญญาเมฆา บรรดาลูกศิษย์ของทั้งสามสำนักใหญ่ต่างก็มีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันบ้าง บ้างเพื่อสืบหาข้อมูลหรือโม้ก็คุยโม้โอ้อวดกันเอง บอกทั้งจุดแข็งและจุดเด่นของตัวเองกันอย่างหมดเปลือก
รอบตัวเซียวหลิงอวิ๋นมีคนนั่งล้อมอยู่หกคน ฉินหรูเยียน หม่าิฮุ่ย และจ้าวหนีอิ่ง ซึ่งยังคงเป็สามสาวงามเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากหยางลู่เป็หม่าิฮุ่ยแทน และที่เพิ่มเติมเข้ามาคือหยวนอิ่ง เฉียนหม่านควง และอูเสี่ยวหมิน
หม่าิฮุ่ยกับอูเสี่ยวหมิน ทั้งสองเป็ผู้ใช้พลังิญญาขั้นสูงที่เปิดขดพลังิญญาได้แล้วเก้าขด ซึ่งคนแรกเป็หลานสาวของหม่าหัวอวิ๋น ส่วนคนหลังเป็หลานชายของอูิ
และทั้งสองคนนี้ยังเป็ผู้นำของเหล่าผู้ใช้พลังิญญาขั้นสูงทั้งห้าสิบคนของสำนักิญญาเมฆาในนาม แต่ทั้งคู่กลับไม่ค่อยอยู่กับคนอื่นๆ เท่าไรนัก กลับมาปะปนอยู่กับกลุ่มของเซียวหลิงอวิ๋นแทน ซึ่งในฐานะที่ลูกหลานสายตรงของคนใหญ่คนโตของสำนักแล้ว ย่อมรู้ดีว่าผู้นำที่แท้จริงของสำนักคือใคร
ส่วนหยวนอิ่งกับเฉียนหม่านควง ทั้งสองเป็ผู้ใช้พลังิญญาระดับกลาง เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้รับความสนใจจากคนอื่นมากนักในกลุ่มผู้ใช้พลังิญญาระดับสูง อีกทั้งคู่ยังเคยสู้กับเซียวหลิงอวิ๋นในการประลองชิงเก้าอี้ศิษย์ก้นกุฏิมาแล้ว จึงถือได้ว่าเป็คนรู้จักกันอยู่บ้าง
ที่สำคัญที่สุดคือเซียวหลิงอวิ๋น หยางลู่ และฉินหรูเยียน ทั้งสามต่างก็ยอมรับในความสามารถของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็หยวนอิ่งหรือเฉียนหม่านควง พวกเขาต่างก็มีความสามารถพิเศษที่คนอื่นไม่มี
เซียวหลิงอวิ๋นมองว่าความพิเศษเช่นนี้มีค่ามากกว่าผู้ใช้พลังิญญาขั้นสูงทั่วๆ ไปเสียอีก! ลำพังความสามารถพิเศษที่หาได้ยากของทั้งสองคนนี้เพียงอย่างเดียว ก็สามารถรับมือกับผู้ใช้พลังิญญาขั้นสูงได้แล้ว
ในเวลานี้เซียวหลิงอวิ๋นกับคนอื่นๆ กำลังฟังอูเสี่ยวหมินเล่าเื่ยอดอัจฉริยะของสำนักอื่นๆ อยู่
สำนักรวมสมบัติิญญามีผู้ที่มีความสำคัญมากที่สุดในสำนักเวลานี้ทั้งหมดห้าคน ได้แก่จูเหว่ยเจีย เฉียนเจียซิน หลิ่วเฉิงอวิ๋น เหยาเฉิงหลง และชิงอวิ๋น! ทั้งห้าคนนี้ นอกจากชิงอวิ๋นที่เปิดขดพลังิญญาได้แปดขด อีกสี่คนล้วนเป็ผู้แข็งแกร่งที่เปิดขดพลังิญญาได้แล้วเก้าขด
ส่วนสำนักคุมสัตว์ิญญา ก็มีสุดยอดอัจฉริยะห้าคนเช่นกัน หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็เมล็ดพันธุ์ที่สำคัญของสำนักเลยก็ว่าได้ ได้แก่ หลงเจียง เซวียนิเซวียน เยี่ยิ่ เจียงอวิ๋นจิ้น และสือเจี้ยนหยง! และในจำนวนนี้มีเพียงคนเดียวที่เปิดขดพลังิญญาได้แปดขด นั่นคือ หลงเจียง!
บังเอิญที่เหล่าเมล็ดพันธุ์ของสำนักอื่นๆ ก็พูดถึงสำนักิญญาเมฆาเช่นกัน
จูเหว่ยเจียที่มีใบหน้ากลมเป็เอกลักษณ์ของตระกูลจู ขมวดคิ้วแล้วกล่าว “ข้ารู้จักหม่าิฮุ่ยกับอูเสี่ยวหมิน พวกเขาเป็ลูกหลานสายตรงของผู้าุโในสำนักิญญาเมฆา แต่ฉินหรูเยียนกับเซียวหลิงอวิ๋น คนหนึ่งอยู่ขั้นกลาง อีกคนหนึ่งอยู่ขั้นต้น กลับได้เป็เมล็ดพันธุ์ที่สำคัญของสำนักได้อย่างไร ทำไมลูกศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาเมฆาถึงได้ตกต่ำขนาดนี้ ตกต่ำถึงขนาดต้องให้ผู้ใช้พลังิญญาขั้นกลางและขั้นต้นมาเป็ผู้นำ”
แต่หลงเจียงจากสำนักคุมสัตว์ิญญากลับหรี่ตาลง และเตือนเมล็ดพันธุ์คนอื่นๆ “เซียวหลิงอวิ๋นและฉินหรูเยียน สองคนนี้ควรพึงระวังเป็พิเศษ ผู้ที่สามารถข่มผู้ใช้พลังิญญาขั้นสูงจำนวนมากมายและก้าวขึ้นมาเป็ผู้นำได้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา!”
เซวียนิเซวียนก็มองไปที่หลงเจียงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง พูดด้วยเสียงเกียจคร้านและเย้ายวน “หลงเจียง ท่านว่าหลงเหอจะมาหรือไม่?”
หลงเจียงมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา “สำหรับสำนักแม่มดเพลิงร้อนแล้ว พวกเขาเหมือนกับเป็เ้าของเมืองโบราณหลิงกุยครึ่งหนึ่ง อีกทั้งคนคนนั้นก็มีความสามารถที่น่าทึ่ง ซ้ำยังสามารถเปิดเส้นลมปราณได้เร็วกว่าข้าครึ่งปี ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด หลงเหอจะต้องมาอย่างแน่นอน และจะต้องเป็หนึ่งในเมล็ดพันธุ์ของสำนักแม่มดเพลิงร้อนแน่ หรืออาจจะเป็คนที่แข็งแกร่งที่สุดเลยก็ย่อมได้!”
“ถ้าหากเป็เช่นนั้นจริง ทุกคนก็ต้องระวังให้มาก คนคนนั้นอาจจะระบายความแค้นใส่พวกเ้าเพราะตระกูลหลงของข้าก็เป็ได้!”
“หัวหน้า ท่านไม่ต้องกลัวไปหรอก ถ้าเขากล้ามาหาเื่ พวกเราก็จะทำให้เขามาได้แต่กลับไปไม่ได้เอง!” สือเจี้ยนหยงพูดเสียงดัง
“ใช่แล้ว หัวหน้า ความสามารถของท่านได้รับการยกย่องว่าเป็เลิศที่สุดในสำนักคุมสัตว์ิญญาของเราในรอบห้าร้อยปี หลงเหอจะน่ากลัวขนาดไหนกันเชียว” เจียงอวิ๋นจิ้นก็พูดตามอย่างเห็นด้วย
สีหน้าของหลงเจียงก็แสดงออกถึงความเขินอายเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าก็จริงจังขึ้นมาก “ทุกคน อย่าได้ประมาท ความสามารถด้านธาตุไฟของหลงเหอนั้นแข็งแกร่งมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถทำให้เ้าสำนักของสำนักแม่มดเพลิงร้อนมาเอาตัวไปได้ ข้าคิดว่าสถานะของเขาในสำนักแม่มดเพลิงร้อนก็น่าจะใกล้เคียงกับสถานะของข้าในสำนักเรา! และมีความเป็ไปได้สูงมากกว่าเขาจะเปิดขดพลังิญญาได้แล้วเก้าขด เพียงเท่านี้เขาก็นับว่าเหนือชั้นกว่าข้าแล้ว”
ซื้ด เมื่อเหล่าลูกศิษย์เมล็ดพันธุ์ของสำนักคุมสัตว์ิญญาได้ยินที่หลงเจียงพูดเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
