ตรงกันข้ามกับสถานการณ์ในห้องของสองสามีภรรยา ฟางเฉาที่กำลังจะเข้านอนกลับต้องเผชิญกับความสับสนอีกครั้ง
เดิมทีในเวลานี้ดึกมากแล้ว เพื่อประหยัดไฟ ทุกคนจึงนอนเร็วเป็ปกติ
ในห้องนอนนั้นมืดสนิทจนแทบจะมองไม่เห็นนิ้วตัวเอง ดังนั้นเมื่อรู้สึกถึงแสงเจิดจ้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เด็กสาวก็ใจนแทบเสียหลัก
เมื่อปรับสายตาได้ ฟางเฉาก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนอีกต่อไป สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือโกดังขนาดใหญ่ที่เธอเคยเห็นมาก่อนเมื่อตอนกลางวัน และ..
ดูเหมือนว่าสถานที่นี้ไม่ใช่เพียงภาพลวงตาในจินตนาการที่เธอคิดไปเอง!
ฟางเฉาหยิกแขนตัวเองเบาๆ ความเ็ปที่ััได้ยืนยันว่าสิ่งที่เธอเห็นเป็เื่จริง
เธอทรุดตัวลงนั่งบนพื้นด้วยความสับสน
ทำไมเธอถึงเข้ามาที่นี่ได้ แล้วเธอจะออกไปอย่างไร?
ทันทีที่เธอคิดเกี่ยวกับการออกไป ร่างของเธอก็กลับมาปรากฏอยู่ในห้องนอนที่มืดมิดอีกครั้ง
ฟางเฉาลองคลำหาสิ่งรอบตัวและพบกับร่างเล็กๆ ของหลินเซียงฉิน จึงถอนหายใจโล่งอกเมื่อรู้ว่าตัวเองกลับมาแล้ว
เด็กสาวขบริมฝีปากและลองคิดถึงสถานที่เมื่อครู่อีกครั้ง จากนั้นร่างของเธอหายไปจากห้องนอนและกลับมาโผล่ในโกดังขนาดใหญ่อีกหน
“ทำไมล่ะ? เป็เพราะฉันคิดถึงสถานที่นี้ก่อนที่ฉันจะตายเมื่อชาติก่อนงั้นเหรอ?” เธอพึมพำกับตัวเอง แต่แม้จะมีการคาดเดามากมายในใจ แต่ก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับเื่นี้
โชคดีคือ ในขณะที่เธอค้นพบโกดังต่างมิตินี้ ล้วนไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะใแทบตายที่เห็นคนหายตัวไปต่อหน้าต่อตา
แม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดเธอถึงได้พื้นที่แห่งนี้ แต่ฟางเฉาก็รู้สึกได้ถึงสายสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ราวกับโกดังนี้เป็ส่วนหนึ่งของตัวเธอเอง และจะอยู่กับเธอแบบนี้ตลอดไป
ในเมื่อไขปริศนาไม่ได้ ฟางเฉาจึงไม่ได้คิดหาคำตอบให้มากความอีก ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบด้านลบต่อตัวเธอ
บางทีมันอาจจะเป็ของขวัญที่พระเ้าอยากจะชดเชยให้เธอก็เป็ได้ ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่ได้กลายเป็ิญญาเร่ร่อนหลังจากรถคว่ำ แต่กลับได้มีชีวิตอีกครั้งพร้อมกับพื้นที่แห่งนี้
เด็กสาวเดินไปรอบๆ อย่างสำรวจ และพบว่าอุปกรณ์ไฟฟ้ายังคงสามารถใช้ได้ อย่างน้อยจากที่สังเกต ห้องเย็นหรือตัวควบคุมอุณหภูมิก็ยังทำงานอยู่
อย่างไรก็ตาม ความง่วงที่เพิ่มขึ้นทุกทีทำให้เธอตัดสินใจหยุดสำรวจในคืนนี้ เธอรู้ว่าพื้นที่นี้จะอยู่กับเธอตลอดไป จึงไม่ต้องรีบเร่งค้นหาเพราะยังมีเวลาอีกนาน เด็กสาวจึงตั้งใจจะออกจากโกดังและกลับไปพักผ่อนก่อน
เมื่อกลับมายังห้องนอน เธอรีบตรวจดูว่าน้องชายยังห่มผ้าอยู่และไข้ไม่ได้ขึ้นอีก ฟางเฉาจึงพลิกตัวลงนอนหลับด้วยความสบายใจ
ทันทีที่แสงแดดแรกเริ่มลอดผ่านหน้าต่าง หลินฟางเฉาก็ลุกขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว เธอรีบเก็บผ้าห่มให้เรียบร้อย ก่อนจะตรวจดูน้องชายที่ยังคงหลับอยู่ จากนั้นจึงเดินไปยังห้องครัวเพื่อช่วยหลินเหมยเตรียมอาหารเช้า
หลินเหมยกำลังจัดการหุงข้าวและเตรียมอาหารสำหรับทั้งครอบครัว เมื่อเห็นหลานสาวก็พูดว่า “ตื่นเช้าจังเลยเสี่ยวเฉา”
“หนูช่วยนะคะ” ฟางเฉาเอ่ย จากนั้นก็เริ่มลงมืออย่างว่องไว
หลินเหมยแอบพยักหน้าอย่างพอใจ เมื่อเห็นฟางเฉานั่งลงที่มุมครัวและมือเล็กๆ ของเธอคล่องแคล่วมาก
เมื่ออาหารเช้าถูกจัดเตรียมเสร็จ หรงเทียนเจี๋ยกับเด็กๆ ก็ทยอยตื่นขึ้นมาทีละคน พวกเขาดูแปลกใจที่อาหารเช้าเสร็จเร็วมาก แต่เมื่อเห็นหลินฟางเฉาที่กำลังสาละวนอยู่ในครัว ทุกคนก็เข้าใจ
โจ๊กมันเทศร้อนๆ และแพนเค้กไม่กี่ชิ้นถูกเสิร์ฟบนโต๊ะอย่างเรียบง่าย ฟางเฉาเข้าใจว่ากองมันเทศที่เธอเอาติดตัวมาจากบ้านย่าจะกลายเป็วัตถุดิบหลักสำหรับมื้ออาหารไปอีกหลายวัน จนกว่าสิ่งนี้จะหมดไป ดูเหมือนว่าภายในบ้านอาหญิงเองก็ค่อนข้างลำบากไม่แพ้กัน
หลังจากมื้อเช้า หรงเทียนเจี๋ยออกไปทำงาน ส่วนเด็กๆ ก็เตรียมตัวไปโรงเรียน ฟางเฉาตรวจดูแล้วพบว่าน้องชายตัวไม่ร้อนแล้ว เธอจึงวางใจ ก่อนจะกลับมาช่วยหลินเหมยทำงานบ้าน
หลังจากงานบ้านเสร็จก็สายแล้ว ฟางเฉาก็นั่งลงข้างหลินเซียงฉิน เด็กชายยังดูอ่อนแอ แต่สีหน้ากลับสดใสขึ้นเล็กน้อย ฟางเฉาเอื้อมมือลูบหัวน้องชายก่อนจะยิ้มให้ “เสี่ยวฉิน พี่สาวจะออกไปหางานทำ อยู่บ้านกับคุณป้าก่อนนะ”
ใบหน้าเล็กๆ หม่นหมองลงอย่างรวดเร็ว “พี่สาวจะไปข้างนอกเหรอ? ฉินฉินไปด้วยได้ไหม?” อาหญิงปฏิบัติกับพวกเขาค่อนข้างดี และยังให้พวกเขากินข้าวได้อิ่มมากกว่าป้าใหญ่ เขาคิดว่าตนเองและพี่สาวจะได้มีความสุขกว่าเดิม แต่กลับพบว่าเธอจะจากเขาไป
ฟางเฉาส่ายหน้าเบาๆ เธอไม่สามารถพาเขาไปด้วยได้ “เชื่อฟัง รอพี่อยู่ที่บ้านนะ พี่สาวจะไม่ไปนาน แล้วตอนกลับมาจะซื้อลูกกวาดหวานๆ มาให้เสี่ยวฉินด้วย ตกลงไหม?”
“ไม่อยากได้ลูกกวาด...” เด็กน้อยเสียงสั่น แน่นอนว่าเขาชอบลูกกวาดหวานๆ และอยากชิมมันมาตลอด แต่เขาไม่อยากแยกจากพี่สาว
เื่นี้ค่อนข้างน่าลำบากใจ เด็กสองคนแทบไม่เคยห่างกันเลย แต่ตอนนี้ฟางเฉา้าออกไปหาเงิน เธอจึงไม่มีทางเลือกจริงๆ
แม้ว่าอาหญิงจะปฏิบัติกับพวกเขาอย่างดี แต่จะรบกวนคนอื่นตลอดไปไม่ได้ ดังนั้นควรรีบหาเงินและสร้างความมั่นคงให้ตัวเองและน้องชายคือจะดีกว่า
ด้วยความไม่เต็มใจของหลินเซียงฉิน ฟางเฉายังคงไปบอกหลินเหมยเกี่ยวกับเื่นี้ และขอให้เธอช่วยดูแลน้องชาย
หลินเหมยชะงัก มองหลานสาวด้วยความกังวล “เพิ่งมาถึงเมื่อวานเองนะ นี่จะไม่รีบร้อนเกินไปเหรอ?”
“หนูคิดว่ายิ่งหางานได้ไวก็ยิ่งดีค่ะ” ฟางเฉาตอบ “อีกอย่าง หนูอยากดูแลน้องชายให้แข็งแรงกว่านี้ อาก็เห็นว่าเขาอ่อนแอมาก” พูดตามตรงคืออยากหาเงินซื้ออาหารเสริมให้หลินเซียงฉิน
หลินเหมยถอนหายใจ แม้เธอจะสงสารหลาน แต่ครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวย เธอไม่สามารถอวดตัวและช่วยพวกเขาได้มากขนาดนั้น เพราะแม้แต่ลูกๆ ของเธอเองก็ยังไม่ได้กินอาหารเสริมเลย หากเธอกล้าเลี้ยงพวกเขา แม่สามีก็คงกล้าบุกมาแหกอกเธอถึงบ้านแน่
“แต่เธอยังเด็กมาก จะไปหางานอะไรได้?” เธอพูดอย่างลังเล “อีกอย่างตอนนี้งานในเมืองก็หาไม่ง่ายเลย...”
“หนูเข้าใจค่ะ” ฟางเฉากล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “หนูแค่อยากลองดูก่อน อย่างน้อยถ้าหางานไม่ได้ ก็ยังได้เห็นว่าเมืองนี้มีอะไรบ้าง จะได้หาลู่ทางในอนาคต”
หลินเหมยมองเด็กสาวตรงหน้าแล้วก็ถอนหายใจ “เอาเถอะ ถ้าเธอคิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว ฉันจะดูแลเซียงฉินให้เอง ไปลองดูเถอะ”
ฟางเฉาโค้งตัวขอบคุณ “ขอบคุณค่ะอาหญิง” หากไม่มีหลินเหมยช่วยดูแลเด็กชายให้ เธอก็คงวางใจไม่ได้
สุดท้าย เธอจึงเดินออกจากบ้าน พร้อมด้วยสายตาของหลินเซียงฉินที่มองตามมาจากกรอบประตูอย่างอาวรณ์ เขาเม้มปาก แววตาเศร้าสร้อย ดูแผ่นหลังของพี่สาวหายไปจนลับตา
ฟางเฉาก้าวลงไปยังลานบ้าน เสียงลมพัดผ่านต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านเหนือศีรษะ ลานบ้านของหลินเหมยเป็พื้นที่เล็กๆ ที่ปูด้วยหินตัด ด้านนอกยังดูดีและใหม่มาก เนื่องจากเป็ที่อยู่ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้คนงานอยู่อาศัย ทุกครอบครัวในลานเดียวกันล้วนมีสมาชิกครอบครัวเป็พนักงานของโรงงานรัฐ
ตอนนี้หลายครอบครัวยังยุ่งอยู่กับงานในบ้าน จึงไม่มีคนออกมานั่งเล่นจับกลุ่มเหมือนเมื่อวาน ฟางเฉาไม่ได้พบใครเป็พิเศษและมุ่งตรงออกไปทันที
ก่อนออกมา เด็กสาวมีเป้าหมายของเธออยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงถามหลินเหมยล่วงหน้าถึงจุดที่ตั้งของตลาดว่าอยู่ที่ไหนบ้าง
พื้นที่ที่เธออยู่ตอนนี้เป็เทศมณฑลเล็กๆ แต่ก็มีความเจริญรุ่งเรืองกว่าหมู่บ้านบนเขามาก และสถานที่อย่างตลาดก็มีผู้คนพลุกพล่านตลอดทั้งวัน ดังนั้นจึงน่าจะเป็สถานที่ที่สามารถหางานชั่วคราวได้เร็วที่สุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้