เล่มที่ 10 บทที่ 295 ยอดกระบี่พลังหยิน
“หึหึ ข้าผู้เฒ่าเป็เพียงิญญาเร่ร่อน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อใด?”
“…”
“สงสัยว่าน่าจะเมื่อหลายพันปีก่อนกระมัง…” ผู้เฒ่าชราพยายามรำลึกความหลังอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก
“ดูเหมือนดอกไม้พันปีในสุสานได้เบ่งบานและโรยราไปสามครั้งได้…”
“คิดว่าน่าจะประมาณเจ็ดพันสองร้อยปีก่อน” หลินเฟยเอ่ยตอบเพราะรู้ดีว่าดอกไม้พันปีจะเบ่งบานทุกหนึ่งพันสองร้อยปี และจะใช้เวลาโรยราลงไปอีกหนึ่งพันสองร้อยปี เช่นนั้นการเบ่งบานและโรยราหนึ่งครั้งจะต้องใช้เวลาสองพันสี่ร้อยปี
‘ช้าก่อน…’
เมื่อคิดได้ดังนั้นหลินเฟยก็ใจกระตุกขึ้นทันที
‘เจ็ดพันสองร้อยปีก่อนงั้นหรือ?’
‘เวลานั้นเป็่ที่สามสำนักใหญ่ย่างกรายเข้ามาที่ทะเลอูไห่ไม่ใช่หรือ?’
‘เช่นนั้นผู้บำเพ็ญหนุ่มที่ว่านั่น…’
‘หรือว่าจะเป็หนึ่งในปรมาจารย์ของสามสำนักใหญ่?’
ขณะที่หลินเฟยกำลังจมอยู่ในภวังค์นั้น ผู้เฒ่าชราก็เอ่ยออกมาอย่างช้าๆ
“ในอดีต ขณะที่ผู้บำเพ็ญหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามา เพราะเห็นว่าเขาคนนั้นมีพร์ที่ไม่ธรรมดา จึงทำให้เกิดใจคิดเอ็นดูขึ้น หลังจากได้พูดคุยกันอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ข้าผู้เฒ่าก็รู้สึกเสียดายที่ได้เจอคนผู้นั้นช้าเกินไป เพราะคุยกันถูกคอเป็อย่างมาก ตอนที่ผู้บำเพ็ญหนุ่มกำลังจะจากไปนั้น ข้าเองยังมอบกระบี่หันชือให้ด้วย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากได้รับกระบี่ไปแล้ว ผู้บำเพ็ญหนุ่มคนนั้นกลับสะบั้นใส่โคมเขียวและโลงศพหิน…”
“ช้าก่อนนะ…” หลินเฟยได้ยินดังนั้นก็ชะงักลง
“กระบี่หันชืองั้นหรือ?”
“ถูกต้อง ในอดีตตอนที่ข้าผู้เฒ่ายังไม่บรรลุขั้นบำเพ็ญ ได้เคยไปเยือนทะเลน้ำแข็งและได้เหล็กจิ่วหยินกลับมา จากนั้นข้าผู้เฒ่าก็ตามหาปรมาจารย์หลอมอาวุธแทบพลิกแผ่นดิน สุดท้ายจึงได้หลอมกระบี่หันชือนี้ออกมา…”
“ไม่ถูกสิ…” หลินเฟยขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“กระบี่หันชือไม่ใช่สมบัติประจำสำนักกระบี่หลีซานที่ตกทอดสำหรับเ้าสำนักมารุ่นสู่รุ่นงั้นหรือ?”
“สำนักกระบี่หลีซาน สำนักกระบี่หลีซาน…” ผู้เฒ่าได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มขมขื่นขึ้น
“ที่แท้ผู้บำเพ็ญหนุ่มคนนั้นก็มาจากสำนักกระบี่หลีซานนี่เอง…”
“จริงสิ ผู้บำเพ็ญหนุ่มคนนั้นจุดเด่นพิเศษอะไรหรือไม่?”
“มีสิ!” ผู้เฒ่าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกมา
“มีผมสีขาว!”
“…” หลินเฟยถึงกับชะงักค้างทันที
‘บ้าเอ๊ย เป็นักพรตอิ๋นฟงงั้นหรือ?’
ว่ากันว่านักพรตอิ๋นฟงเป็ถึงยอดปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงของสำนักกระบี่หลีซาน เพราะนักพรตอิ๋นฟงถือเป็เซียนกระบี่กลับชาติที่แท้จริง เขามีผมขาวโพลนั้แ่อายุยังน้อย แต่กลับมีพร์แสนล้ำเลิศ เพียงอายุยี่สิบกว่าปีก็สามารถบรรลุขั้นฟ่าเซี่ยงได้แล้ว ตอนอายุได้สามสิบห้าก็ได้รับตำแหน่งเป็เ้าสำนักกระบี่หลีซาน หลังจากรับตำแหน่ง เขาก็ใช้ความสามารถตนเองสยบคำครหาทั้งหมดไปได้ จากนั้นก็นำพาความรุ่งโรจน์มาสู่สำนักได้ถึงเกือบหมื่นปี…
‘ใช่แล้ว…’
ในอดีตคนที่นำพาสำนักกระบี่หลีซานเข้ามายังทะเลอูไห่ ก็คือนักพรตอิ๋นฟงในวัยหนุ่มที่มีผมขาวโพลนนั่นเอง…
แถมทั่วทั้งเป่ยจิ้งยังรู้อีกว่าตอนที่พิชิตทะเลอูไห่นั้น นักพรตอิ๋นฟงได้รับกระบี่หันชือมาเล่มหนึ่ง…
‘หรือว่า…’
‘ผู้เฒ่าจะมอบกระบี่หันชือให้นักพรตอิ๋นฟงจริงๆ?’
‘แล้วเหตุใดหลังจากได้กระบี่มาแล้ว เขาถึงได้สะบั้นใส่โคมเขียวและโลงศพหินกันเล่า?’
“หึหึ…” หลังจากที่ผู้เฒ่าเห็นใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกของหลินเฟย เขาก็ไม่ได้เอ่ยเื่กระบี่หันชือออกมาอีก แต่กลับเอ่ยเื่ราวหลังจากนั้นแทน
“การสะบั้นใส่โคมเขียวและโลงศพหินก็เท่ากับการทำร้ายเจินหลิงของัทั้งสามตน นับจากนั้นมาจึงไม่สามารถสะกดสิ่งชั่วร้ายในโลงได้อีก ในคืนนั้นเองก็เกิดการเข่นฆ่าไปทั่วทั้งทะเลอูไห่ มารปีศาจต่างพากันบ้าคลั่งไปหมด…”
“แล้วหลังจากนั้น…”
“จากนั้นข้าผู้เฒ่าก็ไม่อาจทนเห็นสิ่งมีชีวิตล้มตายเป็จำนวนมากได้อีก ดังนั้นต่อให้มีร่างเป็เพียงเศษเสี้ยวิญญา แต่ก็ยังฝืนโคจรพลังใส่เจินหลิงัทั้งสามตนเพื่อบงการโคมเขียว เช่นนั้นจึงสามารถกดข่มสิ่งชั่วร้ายกลับเข้าโลงไปได้ และข้าผู้เฒ่าก็กลัวว่าจะมีผู้บำเพ็ญหนุ่มทะเล่อทะล่าปลดปล่อยสิ่งชั่วร้ายออกมาอีก เลยทุ่มพลังอันน้อยนิดที่มี ล่มโลงศพหินให้จมลงลงใต้ทะเลไปเสีย และคิดไม่ถึงเลยว่าเกือบหมื่นปีให้หลัง จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นมา…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้เฒ่าชราก็ถอนหายใจก่อนจะกล่าวเสริมออกมา
“แต่ครั้งนี้ข้าผู้เฒ่าหมดกำลังที่จะสะกดข่มสิ่งชั่วร้ายเอาไว้อีกแล้ว เกรงว่าอีกไม่นานมันคงจะพุ่งออกมาได้ เมื่อถึงตอนนั้นจะต้องเหตุร้ายเป็แน่…”
“เป็เช่นนั้นจริงๆด้วย…” หลินเฟยได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะเจิงหลิงของัเทียบได้กับแร่ไท่อี๋ ซึ่งถือเป็สิ่งที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ สามารถกดข่มสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดทั้งปวงได้ ผู้เฒ่าชราเบื้องหน้าเองก็เป็เพียงเศษเสี้ยวิญญา แต่กลับฝืนโคจรพลังใส่เจินหลิงั หลังจากนั้นดวงิญญาไม่แตกซ่านก็ไปก็ดีแค่ไหนแล้ว มีหรือที่จะสำแดงพลังได้อีก?
ขณะที่หลินเฟยกำลังรู้สึกห่อเหี่ยวอยู่นั้น ผู้เฒ่าก็แทรกขึ้นมา
“นอกเสียจาก…”
“นอกเสียจากอะไร?”
“นอกเสียจากมียอดปรมาจารย์หลอมอาวุธสร้างยอดกระบี่ที่เต็มไปด้วยพลังหยินขึ้นมา จากนั้นก็สะบั้นตัดความสัมพันธ์ของข้ากับสิ่งชั่วร้ายนั่นออกไปเสีย หลังจากนี้ข้าจะได้อยู่ส่วนข้า ไม่เกี่ยวข้องกับเ้าสิ่งชั่วร้ายนั่นอีก เื่ราวในอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไป เช่นนั้นแล้ว เ้าสิ่งชั่วร้ายก็จะเป็เหมือนไม้ไร้ตอ ไม่หลงเหลือพลังรุนแรงอีกต่อไป…”
“หือ?”
หลินเฟยได้ยินดังนั้น ก็เข้าใจหลักการนี้ทันที มิน่าล่ะ เมื่อครู่ผู้เฒ่าถึงเอ่ยปากบอกว่ามีเื่อยากให้ช่วย ที่แท้ก็เพราะสนใจวิชาหลอมอาวุธของตนเอง…
ส่วนเื่ที่ว่าทำไมถึงรู้ว่าตนเองเชี่ยวชาญวิชาหลอมอาวุธนั้น…
เื่นี่ก็เดาได้ไม่ยากเลย…
เพราะถึงอย่างไร ผู้เฒ่าชราก็เป็เศษเสี้ยวิญญาของอดีตเ้าสำนักตงจี่ แม้จะถูกกักขังอยู่ที่นี่นับพันนับหมื่นปี แต่หากพูดถึงพลังแล้วละก็ จะต้องไม่ด้อยไปกว่าสิ่งชั่วร้ายนั่นเป็แน่ ดีไม่ดีอาจจะเก่งกาจกว่าด้วยซ้ำ…
ห้วงมิติแห่งนี้ เดิมทีก็เกิดจากสุสานของอดีตเ้าสำนักตงจี่ เื่ภายนอกคงไม่อาจหลุดรอดสายตาผู้เฒ่าชราไปได้หรอก…
แต่ควรจะหลอมยอดกระบี่พลังหยินให้ดีหรือไม่ล่ะ?
หลินเฟยนิ่งเงียบอยู่นาน โดยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธออกมาเลยสักคำ เขาเอาแต่จดจ้องไปที่ผู้เฒ่าชราอย่างเดียว เหมือนกับกำลังพิจารณาสิ่งที่ผู้เฒ่าพูดออกมาว่าเป็ความจริงหรือไม่…
ผู้เฒ่าเห็นดังนั้นก็ไม่คิดเร่งแต่อย่างใด กลับยกยิ้มออกมาพลางจ้องมองกลับ…
และก็เป็เช่นนี้อยู่ประมาณหนึ่งก้านธูป ในที่สุดหลินเฟยก็ถอนหายใจออกมา
“ในเมื่อต้องหลอมกระบี่ เช่นนั้นก็เอาวัตถุดิบออกมาเถอะ…”
“หึหึ…” ดูเหมือนผู้เฒ่าชราจะเดาได้ั้แ่แรกแล้วว่า หลินเฟยต้องตอบตกลง ดังนั้นตอนที่ได้ยินจึงไม่มีความตื่นเต้นปรากฏออกมาแม้แต่น้อย ก่อนจะชี้ไปยังบึงน้ำที่กว้างใหญ่ตรงหน้า
“น้ำในบึงนี้เกิดจากไอหยิน ยิ่งผ่านมานับหมื่นนับพันปี จึงเกือบจะกลายเป็ขั้นเซียนเทียนเลยทีเดียว และสิ่งวิเศษมากมายในสุสานแห่งนี้ เ้าสามารถหยิบใช้ได้ตามที่ชอบเลย…”
สิ้นเสียง ผู้เฒ่าชราก็กระแอมไอออกมาเบาๆ
จากนั้นน้ำในบึงก็ปั่นป่วนรุนแรง ราวกับถูกลมพายุโหมกระหน่ำก็มิปาน สุดท้ายก็เกิดเป็พายุหมุนสูงเทียมฟ้า ตอนแรกยังมีขนาดที่ไม่รุนแรงมาก แต่หลังจากผู้เฒ่าชราชี้มือออกไป ทันใดนั้นพายุหมุนก็ขยายออกเป็ขนาดใหญ่ กระทั่งกลายเป็ัดำยาวนับพันจ้าง…
“มานี่!” ผู้เฒ่าชรากวักมือเรียก ไม่นานเ้าัดำก็ทะยานเข้ามาทันที ก่อนจะสลายตัวกลายเป็หมอกควันดำยาวประมาณสามฉื่อ คล้ายกับอสรพิษตัวน้อยปรากฏขึ้นบนมือผู้เฒ่าชรา
“ที่แห่งนี้มีไอหยินเข้มข้นที่สะสมมาหลายหมื่นปี เพียงพอที่หลอมยอดกระบี่พลังหยินได้แล้วล่ะ…”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------