ทุกคนที่เห็นฉากนี้ต่างก็รู้สึกว่าหัวของตนกำลังชาหนึบ พวกเขาต่างก็เผลอขยับตัวถอยหนีด้วยความใ
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ข้าจะตายไม่ได้...”
ร่างที่เหลือเพียงครึ่งท่อนของจางจวีตะเกียกตะกายอยู่บนพื้น เขานำขวดยาอายุวัฒนะออกมาจากแหวนเชียนคุน ก่อนจะรีบกลืนยาทั้งหมดเข้าปากอย่างลนลาน
วรยุทธ์ระดับหยวนตานนั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้นจนกระทั่งถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ตายเสียที แต่เขากลับยังมีความรู้สึกเ็ป ทำให้เวลานี้เขาทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีก
ร่างของมู่เฟิงร่อนตัวลงมาจากท้องฟ้าก่อนมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของจางจวี จากนั้นเด็กหนุ่มก็ง้างดาบโลหิตชูร่าขึ้นอีกครั้ง
“ท่านอาจง ขอให้ท่านเดินทางไปสู่ภพภูมิที่ดีเถิด!”
ั์ตาของมู่เฟิงแดงก่ำ ไม่นานหยดน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา
“ตายเสีย!”
มู่เฟิงแทงคมดาบลงไปอย่างดุดัน
“อย่า!”
ฉึก!
คมดาบแทงทะลุศีรษะของจางจวี ทำให้เขาหลุดพ้นจากความเ็ปในที่สุด
ทันใดนั้น พลังเืและแก่นโลหิตจากร่างไร้ิญญาของอีกฝ่ายก็ถูกดูดซับเข้าสู่ดาบโลหิตชูร่า ทำให้ร่างกายของจางจวีแห้งเหี่ยวขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“ใต้เท้าจางตายแล้ว!”
เมื่อเห็นฉากนั้น เหล่ามือสังหารคนอื่นๆ ต่างก็รีบถอยหนีออกมาด้วยความหวาดผวา พวกเขาจ้องมองเด็กหนุ่มที่กำลังถือดาบเปื้อนเื โดยเฉพาะปีกสีโลหิตที่กำลังแผ่สยายอยู่กลางหลังนั่นยิ่งขับให้เขาดูน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นไปอีก
“ผู้บุกรุกในวันนี้ มันต้องตายทั้งหมด!”
มู่เฟิงแผดเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง เขายกดาบขึ้นพร้อมกับพุ่งกระโจนเข้าหากลุ่มมือสังหารในทันที เมื่อเขาตวัดดาบ ปราณดาบสีโลหิตก็กวาดออกไปเบื้องหน้า พุ่งตัดผ่านร่างของมือสังหารมากกว่าสิบคนทันที ร่างของพวกเขาขาดออกเป็สองส่วน และตะเกียกตะกายกลิ้งไปตามพื้น เป็ฉากการสังหารหมู่ที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
“รีบหนีเร็วเข้า!”
เหล่ามือสังหารคนอื่นๆ ที่เหลือล้วนหวาดกลัวจนไม่มีใครมีใจคิดจะสู้อีก แต่ละคนต่างก็รีบหลบหนีอย่างแตกตื่น
ในเวลานี้มู่เฟิงกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคั่งแค้น เขาจะล้างบางศัตรูตรงหน้าไม่ให้เหลือรอดไปได้แม้แต่คนเดียว เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบกระพือปีกบินตามมือสังหารที่กำลังหลบหนีไปในทันที
ฉัวะ!
คมดาบถูกกวัดแกว่งออกมาอีกครั้ง ศีรษะของมือสังหารสามคนล่วงตกลงบนพื้นในทันใด มู่เฟิงบินทะยานไปหาคนข้างหน้าต่ออย่างรวดเร็ว ทำให้มือสังหารผู้นั้นหวาดกลัวมากเสียจนไร้เรี่ยวแรงที่จะหลบหนี
“อย่า อย่าสังหารข้า”
มือสังหารผู้นั้นรีบถอยหนีด้วยความใ มู่เฟิงไม่รอช้าฟันดาบลงไปยังร่างของอีกฝ่ายอย่างไร้ความปรานี
“อ๊าก…!”
ร่างไร้ศีรษะเปรอะเปื้อนไปด้วยเืที่สาดกระเซ็น ส่วนศีรษะของเขาก็กลิ้งตกไปทางด้านข้าง
เวลานี้มู่เฟิงได้กลายเป็ปีศาจกระหายเืที่โผล่ออกมาจากขุมนรกแล้ว บนลานกว้างของจวนตระกูลมู่เขากำลังลงมือเข่นฆ่าศัตรูอย่างบ้าคลั่ง
มู่ไห่ มู่ฝูและเหล่าผู้าุโคนอื่นต่างก็ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์นี้ โดยเฉพาะเหล่าศิษย์ของตระกูลมู่ที่เบิกตากว้างจ้องมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความใ
“อา ทะ ท่านลุงฝู นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน เหตุใดเสี่ยวเฟิงถึงกลายเป็เช่นนั้นไปได้?”
มู่ไห่เหม่อมองมู่เฟิงที่กำลังคุ้มคลั่งจนถึงขีดสุด แววตาของเขาในตอนนี้มีร่องรอยของความหวาดกลัวปรากฏขึ้น
“ไม่ทราบขอรับ เหตุการณ์เช่นนี้ ข้าที่อยู่มาเกือบร้อยปีก็ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน คนผู้นี้ เหตุใดจึงมีปีกงอกออกมาได้!”
ท่านลุงฝูส่ายหน้าด้วยความใ ในตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมู่เฟิง ยกเว้นเพียงแต่ซีเยว่
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายเฟิงกัน? เขากลายเป็คนน่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?”
"โอ้ ์ ความแข็งแกร่งของเขาช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เขาตามล่าสังหารเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ราวกับสังหารสุนัข”
บรรดาศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็ตื่นใเช่นกัน
เพียงไม่นานเหล่ามือสังหารจำนวนหลายสิบคนก็ถูกสังหารจนหมด เหลือแต่เพียงหวงปิ่งเท่านั้น
มู่เฟิงถือดาบย่างเท้าเข้าไปหาหวงปิ่งอย่างใจเย็น
หวงปิ่งชี้คมกระบี่ในมือไปทางมู่เฟิง ทว่าเพียงมองเห็นร่างไร้ิญญามากมายที่นอนกองบนพื้น ขาของเขาก็เกิดสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย
“มู่เฟิง เ้าสังหารบิดาและคนในตระกูลของข้า ข้า้าให้เ้าชดใช้!”
หวงปิ่งแผดเสียงคำรามออกมาด้วยความเคียดแค้น และความแค้นนี้ก็ทำให้ตัวเขามีความกล้าขึ้นมา จากนั้นเขาจึงตวัดกระบี่ไปทางมู่เฟิงทันที
เมื่อตวัดคมกระบี่แล้ว ปราณกระบี่สีทองก็พุ่งทะลวงผ่านอากาศกวาดออกไปทางมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
ดวงตาสีโลหิตของมู่เฟิงจ้องมองหวงปิ่งอย่างไม่แยแส ก่อนจะเหวี่ยงดาบในมือออกมา ปราณดาบสีโลหิตกวาดออกไปทำลายปราณกระบี่เล่มนั้นในทันที
ร่างของมู่เฟิงเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนกลายเป็ลำแสงสีโลหิตในชั่วพริบตา แค่ครู่เดียวเขาก็บินมาอยู่ตรงหน้าหวงปิ่งแล้ว และคมดาบของดาบโลหิตชูร่าก็เจาะทะลุร่างของหวงปิ่งในทันใด
“อึก…!”
ร่างของหวงปิ่งและกระบี่ในมือล่วงตกลงบนพื้นในทันที เมื่อครู่เขาเพียงรู้สึกเย็นวาบตรงทรวงอกเท่านั้น ไม่ทันรู้ตัวคมดาบสีโลหิตก็แทงทะลุร่างของเขาเสียแล้ว
ในวินาทีถัดมา แก่นโลหิตและพลังเืของหวงปิ่งก็ถูกดูดซับเข้าสู่ดาบโลหิตชูร่าในทันที
ไม่นานดาบโลหิตชูร่าก็กลับคืนสู่สภาพเดิมกลายเป็หยกเทพชูร่า จากนั้นก็ลอยเข้าสู่หัวใจของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
หลังจากศพของหวงปิ่งเปลี่ยนเป็แห้งเหี่ยวแล้วมู่เฟิงก็เดินกลับไปหาร่างไร้ิญญาของมู่จง
ปีกบนแผ่นหลังของเด็กหนุ่มเปล่งประกายสีโลหิตจากนั้นมันก็หดกลับเข้าไปในร่างกาย กระทั่งเกล็ดโลหิตบนผิวกายก็หายไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้หลงเหลือเพียงตราสัญลักษณ์สีโลหิตตรงหว่างคิ้วของเขาที่ยังไม่ได้หายไปเท่านั้น ส่วนั์ตาของเขาก็กลายเป็สีแดงเข้ม
มู่เฟิงประคองร่างที่เย็นชืดของมู่จงเอาไว้ในอ้อมแขน เด็กหนุ่มแหงนหน้าขึ้นฟ้าก่อนจะกรีดร้องคร่ำครวญออกมา แต่เพียงไม่นานร่างของเขาก็ฟุบลงบนพื้นและสลบไสลไป ิัของเขาเหี่ยวเฉาราวกับลูกบอลที่ถูกปล่อยลม ส่วนเส้นผมของเขาก็เปลี่ยนสีกลายเป็สีขาวราวกับหิมะ
ร่างของเด็กหนุ่มกลายเป็ชายชราที่ใกล้ตายในทันใด
เดิมทีในร่างกายของเขามีแก่นโลหิตจำนวนแปดหยด ในตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งหยดที่ยังพอประคองชีวิตของเขาต่อไปได้ ส่วนแก่นโลหิตอื่นๆ ล้วนถูกเผาผลาญให้กลายเป็พลังปราณไปแล้ว
ไม่ว่าใครที่้าที่จะได้รับพลังปราณอันแข็งแกร่งที่ไม่ใช่พลังของตน แน่นอนว่าย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทนราคาแพง ตอนนี้มู่เฟิงกำลังจะตาย
“พี่เฟิง”
“คุณชายเฟิง”
บรรดาศิษย์ในตระกูลมู่ต่างก็รีบรุดเข้าไปหามู่เฟิงในทันที
เมื่อมู่ไห่อุ้มร่างของมู่เฟิงขึ้นมาเขาก็ผงะไปทันที เพราะสภาพของมู่เฟิงในตอนนี้น่ากลัวเกินไป ร่างกายผอมแห้ง เส้นผมกลายเป็สีขาวโพลนราวหิมะ
“เร็วเข้า ไปเชิญท่านหมอที่ดีที่สุดในเมืองอันหนานมา!”
มู่ไห่ตวาดออกมาทันที จากนั้นเขารีบส่งพลังปราณของตนเข้าสู่ร่างกายของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว ทำเช่นนี้เพื่อรักษาชีวิตของมู่เฟิงเอาไว้ จากนั้นเขาก็รีบอุ้มมู่เฟิงกลับไปยังเรือนพัก
ส่วนศิษย์ของตระกูลมู่บางส่วนก็ออกไปตามหมอยา ส่วนคนที่เหลือก็จัดการเก็บกวาดศพและทำความสะอาดพื้นที่
หลังจากผ่านไปเพียงไม่นาน มู่ฝูก็พาตัวหมอยาผู้หนึ่งเข้ามาตรวจสอบอาการาเ็ของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
หลังจากเห็นสภาพของมู่เฟิง หมอยาผู้นั้นก็ถึงกับใ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ท่านหมอเจิ้ง เหตุใดท่านถึงถอนหายใจเล่า หลานชายของข้าเป็อย่างไรบ้าง?”
มู่ไห่ถามอย่างเป็กังวล
“ผู้นำตระกูลมู่ นี่... เอ่อ... ชายชราท่านนี้ แก่นโลหิตในร่างของเขาแห้งเหือดไปแล้ว ทั้งยังสูญเสียพลังเืไปเป็จำนวนมาก เกรงว่าคงยากที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ข้าว่าพวกท่านเตรียมทำพิธีศพเถิด”
ท่านหมอเจิ้งกล่าวอย่างทอดถอนใจ
“มารดามันเถอะ เ้าหมอต้มตุ๋น เ้าว่าอย่างไรนะ เตรียมทำพิธีศพอะไร เ้ายังไม่ทันตรวจดูให้ดีด้วยซ้ำ”
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้มู่ขวงเดือดดาลขึ้นมาทันที เขาคว้าคอเสื้อของหมอเจิ้งก่อนจะด่าทอออกมา
“ปล่อย!”
หมอเจิ้งผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ในขอบเขตเทียนเว่ยระดับสูง เขาเหลือบมองไปทางมู่เฟิงก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเ็า “ตาเฒ่าอย่างข้าเป็ถึงหมอยาขั้นสอง ข้าจะดูผิดไปได้อย่างไร”
“พี่เฟิง...!”
เมื่อไป๋จื่อเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินคำกล่าวนี้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นมาทันที
ทุกคนต่างก็มีท่าทีโศกเศร้า
“ทุกคนวางใจเถอะ… ข้าพักผ่อนเสียหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว พะ พวกท่านออกไปก่อนเถิด”
ทันใดนั้น มู่เฟิงซึ่งนอนอยู่บนเตียงก็เปล่งเสียงออกมาอย่างอ่อนแรง
ทุกคนต่างก็รู้สึกดีใจเมื่อได้ยินดังนั้น มู่ขวงรีบเข้าไปจับมือที่เหี่ยวย่นของมู่เฟิง ก่อนจะกล่าวออกมาทั้งน้ำตาว่า “พี่เฟิง เกิดอะไรขึ้นกับท่านกันแน่ ท่านกลายเป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร พี่เฟิง ท่านจะเป็อะไรไปไม่ได้เด็ดขาดนะขอรับ”
“พี่เฟิง”
ไป๋จื่อเยว่คุกเข่าลงด้านข้าง
“ไม่ต้องห่วง เมื่อครู่ข้าเพียงใช้วิชาต้องห้ามออกมา ยังสามารถฟื้นตัวได้ ทุกคนออกไปก่อนเถิด ข้าอยากพักผ่อนให้เต็มที่หน่อย”
มู่เฟิงหรี่ตาลงอย่างอ่อนแรง กระทั่งน้ำเสียงของเขายังแผวเบา
“ตกลง ตกลง เ้าพักผ่อนให้เต็มที่เถิด เราออกไปกันได้แล้ว”
หลังได้ยินคำกล่าวของเด็กหนุ่ม มู่ไห่ก็ให้ทุกคนออกไปในทันที คนกลุ่มใหญ่จึงค่อยๆ ทยอยออกจากห้องของมู่เฟิง
ทันใดนั้น จี้หยกสีโลหิตชิ้นหนึ่งก็ลอยออกมาจากร่างของมู่เฟิง เพียงไม่นานเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นภายในห้อง
“ซีเอ๋อร์ สถานการณ์ของข้าในตอนนี้เป็อย่างไร?”
มู่เฟิงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มขื่น
ใบหน้าของซีเยว่ดูเคร่งขรึมและจริงจังเป็อย่างยิ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้