แสงอรุโณทัยสีอ่อนในยามเช้า แผ่นดินใหญ่ขมุกขมัว ราวกับมีม่านบางเบาสีเงินเทาปกคลุมอยู่ ท้องนภาทิศตะวันออกมีเมฆสีชมพูเรืองรอง แต่งแต้มความสวยงามให้กับสรรพชีวิตที่กำลังฟื้นขึ้นมา
วันนี้ถูกลิขิตไว้แล้วให้เป็วันที่แสงแดดเจิดจ้าตระการตา สำหรับมู่จื่อหลิงแล้วจะต้องล้างมลทินให้ตนเองก่อนจึงจะสามารถวางใจไปใช้วันเวลาดีๆ ที่สวนจิ้งซินได้
แต่ว่า วันนี้มันจะราบรื่นเช่นนั้นจริงหรือ?
หลังจากกุ่ยเม่ยขอตัวไปแล้วมู่จื่อหลิงก็ไม่ได้ไปคิดเื่หลงเซี่ยวอวี่ในเื่ที่จะบอกกล่าวกับเล่อเทียนอีก คลี่คลายเื่ตรงหน้าให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน ดังนั้นนางกินข้าวอย่างเร่งรีบ จึงไปที่วังหลวง
รถม้าหยุดลงตรงหน้าประตูตำหนักหนานเหอ มู่จื่อหลิงยังไม่ทันเปิดผ้าม่านรถ ผ้าม่านรถก็ถูกมือกระดูกปูดโปนเปิดผ้าม่านออกจากข้างนอก สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาก็เป็ใบหน้ายิ้มแย้มเอ้อระเหยลอยชาย
“พี่สะใภ้สาม ท่านมาแล้ว” ใบหน้าหลงเซี่ยวเจ๋อเต็มไปด้วยรอยยิ้มแฉ่ง เผยให้เห็นฟันกระต่ายสองซี่อย่างน่ารัก
มู่จื่อหลิงกลัดกลุ้ม หลงเซี่ยวเจ๋อเ้าทารกผู้นี้ไม่มีเื่ทำ ว่างจนร้อนรนไปแล้วหรือ มาร่วมวงครึกครื้นั้แ่เช้า
“อืม” มู่จื่อหลิงตอบรับเรียบๆ ยกกระโปรงขึ้น เดินไปสองสามก้าวเตรียมจะะโลงจากรถ
“พี่สะใภ้สาม มา ช้าหน่อย ข้าจะพยุงท่าน” หลงเซี่ยวเจ๋อยิ้มระรื่นยื่นมือออกมา
มู่จื่อหลิงเหลือบมองเขาอย่างประหลาดใจ รู้ว่ามีความทะแม่งๆ บางอย่าง ทว่าไม่ได้คิดมาก เท้ามือเขาะโลงมา
หลังจากมู่จื่อหลิงลงจากรถ หลงเซี่ยวเจ๋อก็เข้ามาบีบไหล่นวดบ่าให้อย่างประจบประแจง สีหน้าเอาอกเอาใจ “พี่สะใภ้สาม นั่งรถม้ามาตั้งนานเหนื่อยหรือไม่?”
บัดนี้มู่จื่อหลิงจึงได้รู้ว่าหลงเซี่ยวเจ๋อมีตรงใดที่ไม่ถูกต้องจริงๆ วันนี้เขายิ้มสดใสเป็พิเศษ และยังประจบประแจงเป็พิเศษด้วย
แม้ยามปกติหลงเซี่ยวเจ๋อก็ไร้ยางอายเช่นนี้ แต่มู่จื่อหลิงก็รู้สึกว่าวันนี้หลงเซี่ยวเจ๋อประจบประแจงนางยิ่งกว่าเดิม
ถูกหลงเซี่ยวเจ๋อทุบเช่นนี้ มู่จื่อหลิงพลันรู้สึกว่าหัวไหล่ที่ถูกฝ่ามือซัดใส่เริ่มเจ็บขึ้นมาลางๆ แล้ว จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าไม่ได้ใส่ใจมาก
นางเบี่ยงกายหลบสองมือของหลงเซี่ยวเจ๋อที่สาละวนบนบ่านางไม่หยุด ดวงตางามหรี่ลงเล็กน้อย มองใบหน้ายิ้มแย้มของหลงเซี่ยวเจ๋ออย่างพิจารณา เอ่ยปากถามทันทีว่า “เ้าคิดจะทำสิ่งใด?”
ทำดีหวังผล!
วันนี้หลงเซี่ยวเจ๋อประจบสอพลอเพียงนี้ ใช้นิ้วเท้าคิดก็ยังรู้ว่าต้องมีจุดประสงค์อย่างแน่นอน
“เฮ้อ พี่สะใภ้สาม อย่ามองข้าเช่นนี้ ข้าจะทำอันใดได้! ข้าเพียงเห็นว่าท่านนั่งรถม้าอาจจะไม่สบายตัว เลยทุบไหล่ให้ท่าน” หลงเซี่ยวเจ๋อบิดริมฝีปากอวบอิ่มสีแดง แสร้งทำเป็พูดอย่างจริงจัง
“ไม่มีเื่จริงๆ? เช่นนั้นข้าเข้าไปแล้ว” เห็นได้ชัดว่ามู่จื่อหลิงไม่เชื่อ หรี่ดวงตาเหลือบมองหลงเซี่ยวเจ๋อ จากนั้นก็ยกเท้าเตรียมก้าวเข้าไปในตำหนักหนานเหอ
“พี่สะใภ้สามรอก่อน ได้ยินว่าวันนี้ท่านจะเข้าไปหาสิ่งของทีู่เาด้านหลัง พาข้าไปด้วยได้หรือไม่?” หลงเซี่ยวเจ๋อรีบร้อนตามมู่จื่อหลิงราวกับลมหอบหนึ่ง
มู่จื่อหลิง ชะงักฝีเท้า พูดอย่างอารมณ์เสีย “อยากจะไปก็ไปเสีย ไม่มีคนดึงเ้าไว้นี่! เ้ากับ...”
หลงเซี่ยวเจ๋อเห็นมู่จื่อหลิงพูดเช่นนี้ ก็รีบตัดบท “อืม พี่สะใภ้สามเป็ท่านให้ข้าไป มิอาจกลับคำได้แล้วนะ” พี่สามเพียงอนุญาตให้ข้าะโโลดเต้นอยู่ในวัง ไม่อาจก้าวออกจากวังได้แม้แต่ก้าวเดียว หลังจากเื่นี้ถ้าพี่สามมาหาข้า ข้าก็จะพูดกับเขาว่าท่านให้ข้าไป
คำพูดด้านหลังหลงเซี่ยวเจ๋อเพียงแค่คิดในใจเงียบๆ เท่านั้น เขาไม่กล้าพูดออกไป มิเช่นนั้นเขาจะออกจากวังได้อย่างไรเล่า
หลายวันนี้ที่เขาอยู่ในวังล้วนกล้ำกลืนนัก ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสออกไป เขาจะพลาดโอกาสดีๆ เพียงนี้ไปได้อย่างไร
หลังจากหลงเซี่ยวเจ๋อพูดคำนี้แล้ว ก็ราวกับว่ากลัวมู่จื่อหลิงจะถามสิ่งใดอีก ผิวปากอย่างร่าเริง ก้าวฝีเท้าอย่างยินดี ชิงเข้าไปในตำหนักหนานเหอก่อน
เ้าหมอนี่เป็ลมบ้าหมูอะไร แล้วกำลังเล่นลูกไม้ใดอยู่อีก?
มู่จื่อหลิงที่อยู่ด้านหลังถูกก่อกวนจนสับสน ขมวดคิ้วน้อยๆ
มาประจบสอพลอนางแต่เช้าตรู่เพียงนี้ แค่เพียงเพื่อไปูเาด้านหลัง?
เหตุใดนางจึงรู้สึกว่ากำลังถูกวางอุบายเล่า?
-
ในห้องโถงตำหนักหนานเหอมีเพียงนางกำนัลน้อยยืนถือน้ำชา และเสิ่นซือหยางในยามนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซื่ออย่างสงบนิ่ง เขาได้รับข่าวจากกุ่ยเม่ยั้แ่เช้า จึงมาเร็วกว่ามู่จื่อหลิงก้าวหนึ่ง
เสิ่นซือหยางเห็นมู่จื่อหลิงเข้ามา ก็ลุกขึ้น ทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ข้าน้อยคารวะหวางเฟย!”
“ใต้เท้าเสิ่นไม่ต้องมากพิธี” มู่จื่อหลิงพูดอย่างเรียบเฉย ชะงักกวาดสายตาเล็กน้อย แล้วถามว่า “องค์ชายห้าไม่อยู่หรือ?”
“พี่สะใภ้สาม หลายวันก่อนหน้านี้พี่ห้าถูกทรมานเสียจนมิได้นอนดีๆ เท่าใด บัดนี้ยังนอนอยู่ ให้ข้าไปปลุกเขาหรือไม่?” หลงเซี่ยวเจ๋อสอดเข้ามาด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม
“ไม่ต้อง ให้เขานอนเถิด” มู่จื่อหลิงโบกมือส่งๆ อาการป่วยของหลงเซี่ยวหนานหายแล้ว สิ่งที่ควรถามก็ถามไปหมดแล้ว ยามนี้ไม่มีธุระของเขาแล้ว
“หวางเฟย เมื่อครู่ข้าน้อยได้ให้คนไปสืบแล้วว่าก่อนหน้านี้แมวตัวนั้นเป็ของตำหนักใด และได้รับาเ็จนมาอยู่ที่ตำหนักหนานเหอได้อย่างไร” เสิ่นซือหยางพูดอย่างไม่วอกแวก สีหน้าเคร่งขรึมพูดด้วยความนอบน้อม
เบาะแสที่หวางเฟยสืบออกมาได้เขารู้ั้แ่เช้าวันนี้แล้ว เขารู้ว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่ธรรมดา
คดีที่สามตุลาการทุ่มเทสมองและความคิดอยู่หลายวันก็สืบออกมาไม่ได้ เด็กสาวผู้ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันสั้นๆ ก็หาเบาะแสออกมาได้แล้ว ทำให้ต้องเปลี่ยนสายตาที่มองนางใหม่
มู่จื่อหลิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่แปลกใจที่เสิ่นซือหยางผู้นี้เป็หัวหน้าใหญ่ของศาลต้าหลี่ ประสิทธิภาพในการทำงานรวดเร็วนัก
“แล้วขันทีน้อยที่จัดการแมวขาวผู้นั้นเล่า?” มู่จื่อหลิงถามต่อ
“พี่สะใภ้สาม ข้าส่งคนไปเรียกเสี่ยวหลีจื่อแล้ว ยามนี้ควรจะมาถึงได้แล้ว” หลงเซี่ยวเจ๋อยังคงจมอยู่ในความดีอกดีใจเมื่อครู่นี้ ใบหน้าเบิกบาน นั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซื่อ ยกขาไขว่ห้างและสั่นอย่างลูกพี่ใหญ่
เสี่ยวหลีจื่อคือขันทีน้อยที่ถูกหลงเซี่ยวหนานสั่งให้ไปฝังแมวขาวทีู่เาด้านหลังในคราแรก
คำพูดของหลงเซี่ยวเจ๋อเพิ่งจะสิ้นสุด ก็มีขันทีน้อยวิ่งเข้ามาจากด้านนอกอย่างตื่นตระหนก
ไม่รอให้ขันทีน้อยผู้นั้นอ้าปากทำความเคารพ หลงเซี่ยวเจ๋อก็ชิงตัดหน้าด้วยการหันไปมองประตูด้านนอกที่ว่างเปล่า ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “มิได้ให้เ้าไปเรียกคนมาหรือ คนเล่า?”
“ทูลหวางเฟย องค์ชายหก เช้าวันนี้เสี่ยวหลีจื่อไปตักน้ำข้างบ่อน้ำ ไม่ทันระวังจึงตกลงไป หลังถูกคนค้นพบ งมขึ้นมาได้ก็จมน้ำตายไปแล้ว” ขันทีน้อยยังไม่ทันพักหายใจก็สูดลมหายใจเฮือกหนึ่งพูดออกมาทั้งหมด
“จมน้ำตาย?” มู่จื่อหลิงและหลงเซี่ยวเจ๋อพูดพร้อมกัน
มือที่คลำเคราของเสิ่นซือหยางชะงักไป เขาก็ประหลาดใจเช่นกัน
“ขอรับ ขอรับ จมน้ำตายแล้ว” ขันทีตัวน้อยสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้าติดต่อกันหลายครั้งพลางพูดรับรองอีกครั้ง
“พี่สะใภ้สามทำอย่างไรดี? บัดนี้เสี่ยวหลีจื่อตายไปเสียแล้ว ูเาด้านหลังกว้างใหญ่เพียงนั้นพวกเราจะหาอย่างไร?” หลงเซี่ยวเจ๋อเคร่งเครียดขึ้นมา ถามอย่างกังวล
คิ้วกิ่งหลิวของมู่จื่อหลิงขมวดน้อยๆ เหตุใดจึงบังเอิญเพียงนี้
เช้าไม่ตาย มืดไม่ตาย มาเลือกตายเอาเวลานี้ ทั้งยังตกบ่อน้ำตาย ตายอย่างไม่ชัดเจน น่าประหลาดเกินไปแล้ว ไม่ต้องคิดก็รู้ว่านี่เป็หนึ่งในแผนสกปรก
เื่นี้ั้แ่เมื่อคืนจนถึงยามนี้มีไม่กี่คนที่รู้ ความว่องไวของทางนั้นจะรวดเร็วปานนี้ได้อย่างไร หรือว่าฮองเฮาจะคำนวณเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ถ้าเป็เช่นนี้จริง...
“ต่อให้ใหญ่ก็ต้องหา ต่อให้ต้องขุดดินไปสามฉื่อก็ต้องหาออกมา” ดวงตาใสกระจ่างของมู่จื่อหลิงฉายแววเดือดดาล กำมือแน่น สีหน้าเย็นเยียบ
เมื่อวานลอบสังหารไม่สำเร็จ ยามนี้ฮองเฮายังคิดล่วงหน้าอย่างระวังรอบคอบไว้แล้ว เริ่มคิดคำนวณระยะยาว รีบร้อนทำลายหลักฐาน หากให้ฮองเฮาค้นหาแมวขาวเจอก่อน ความพยายามก่อนหน้าก็ได้สูญเปล่าจริงๆ แน่
“หวางเฟยกล่าวได้ถูกต้อง เื่ราวยังไม่สายไป ข้าน้อยจะพาคนไปค้นหาทีู่เาด้านหลัง” เสิ่นซือหยางสืบคดีมาหลายปี ยามนี้เขาย่อมรู้ว่ามือสังหารชิงทำลายหลักฐานอย่างร้อนใจแล้ว
มู่จื่อหลิงพยักหน้า ตามไปทีู่เาด้านหลังพร้อมกับหลงเซี่ยวเจ๋อ
มู่จื่อหลิงมองสถานที่ที่พวกเขาเรียกว่า ‘ูเาด้านหลัง’ อย่างอึ้งตะลึง
“์!” มู่จื่อหลิงตาโตอ้าปากค้าง หลุดปากออกมาสองคำโดยไม่รู้ตัว
นี่ นี่มันูเาด้านหลังที่ใดกัน? ตรงใดที่เหมือนูเาด้านหลัง?
ด้านหนึ่งเป็หน้าผาสูงชันที่เหมือนถูกขวานจามออก สูงเสียดเมฆ
อีกด้านเป็ป่าที่มีหมอกปกคลุมมืดทึบน่าพิศวง ขาวขมุกขมัวไปหมด ราวกับแค่เข้าไปก็จะออกมาไม่ได้อีก อีกทั้งโดยรอบยังเงียบสงัดยิ่งนัก เงียบจนผิดปกติ
หาแมวขาว เื่นี้ดูอันตรายนัก!
หากขันทีเล็กผู้นั้นฝังแมวขาวไว้ใกล้ พวกเขาจะหาก็คงหาได้ง่ายหน่อย หากโยนสุ่มไปที่หน้าผาแล้วถูกสัตว์ป่าลากไปก็มิอาจบอกได้แล้ว......
-
ฮองเฮาได้รับข่าวั้แ่เช้าว่า มือสังหารที่ส่งไปหลายสิบคนเมื่อคืนลอบสังหารล้มเหลว
ฮองเฮารู้อยู่แล้วว่าหลงเซี่ยวอวี่ไม่อยู่ในจวนฉีอ๋องถึงได้กล้าลงมือ ไม่คิดว่าจวนฉีอ๋องจะเข้มงวดเพียงนั้น มือสังหารหลายสิบออกมาไม่ได้แม้แต่สักคน เดิมทีอารมณ์นางก็กระวนกระวายอยู่แล้ว
ใครเล่าจะรู้ว่า ก่อนหน้าไม่นานก็มีเื่ที่ทำให้นางจิตใจไม่สงบว้าวุ่นใจ คิดไม่ถึงว่าความเร็วของมู่จื่อหลิงจะว่องไวปานนี้ จับพัดจับผลูเพียงชั่วขณะเดียวก็สืบไปถึงแมวขาวได้
แต่เดิมนางคิดว่ามู่จื่อหลิงไม่รู้ว่าพิษกู่ที่หลงเซี่ยวหนานโดนคือกู่ชนิดใด นางสามารถรักษาหลงเซี่ยวหนานได้ล้วนเป็ผลงานของคางคกม่วงตัวนั้นทั้งหมด แต่ว่ายามนี้หากพูดว่ามู่จื่อหลิงไม่รู้ชนิดของกู่ในตัวของหลงเซี่ยวหนาน ตีนางให้ตาย นางก็ไม่เชื่อ
ดูท่าเช่นนี้แล้วคางคกม่วงคงเป็แค่ฉากบังหน้าเท่านั้น ถ้าไม่รู้ว่าหลงเซี่ยวหนานต้องพิษกู่ใด มู่จื่อหลิงจะสืบไปถึงตรงนั้นได้อย่างไร?
มู่จื่อหลิงมากความสามารถจริงดังคาด!
ฮองเฮานั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องเสวย มองดูสีของอาหารละลานตา ความเจ็บแค้นในใจก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งมีโทสะ ท้ายที่สุดก็โมโหจนกวาดอาหารทั้งโต๊ะให้ตกลงไปบนพื้นอย่างแรง
“มู่ จื่อ หลิง!” ฮองเฮาเค้นออกมาทีละคำ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จนเกือบจะกัดฟันเงินแตก มือที่กำแน่นยิ่งสั่นระริกไม่หยุด ผ้าเช็ดหน้าในมือแทบจะฉีกขาด
ถ้ามู่จื่อหลิงรู้ว่าเป็กู่ปรสิตจริงๆ เช่นนั้นก่อนหน้านี้นางสังเกตพบในรังนกหรือไม่?
เป็ไปไม่ได้ มู่จื่อหลิงไม่มีทางรู้เป็อันขาด!
เวลานี้แล้วฮองเฮาไหนเลยจะมีสีหน้าโอบอ้อมอารีอีก ใบหน้าบิดเบี้ยวดุร้าย ทุกการกระทำสะท้อนออกมาให้เห็นว่าฮองเฮาในยามนี้โมโหกระวนกระวายเพียงใด
เหล่ามามาที่อยู่ข้างกายรีบก้าวขึ้นไปข้างหน้า เอ่ยปลอบประโลม “พระนางโปรดระงับโทสะ ตอนนี้เสี่ยวหลีจื่อตายไปแล้ว พวกเขาคิดจะหาแมวขาวทีู่เาด้านหลังอันใหญ่โตนั่นก็มิใช่เื่ง่าย และพวกเขาไม่มีทางสืบได้ว่าแมวขาวมาจากที่ใด บ่าวยังมีอีกแผนหนึ่ง ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว”
“พูด!” ฮองเฮาค่อยๆ หลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก ข่มโทสะในใจลงไป
แววตาเหล่ามามาปรากฏแววโเี้อำมหิต โน้มตัวเข้าไปใกล้ฮองเฮา กระซิบกระซาบอยู่หลายประโยค
“ดี ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว! ครั้งนี้ไม่อาจมีช่องโหว่ได้โดยเด็ดขาด” หลังจากได้ยินโทสะในใจฮองเฮาก็ค่อยๆ คลายลง ยกมุมปากขึ้นอย่างลำพองใจแทน พยักศีรษะอย่างพึงพอใจ แย้มรอยยิ้มที่มิอาจคาดเดาได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้