“เ้าปลดผนึกได้แล้ว จงวางหมากลง... เตรียมรับมรดกจากข้า!” ชายชรากล่าวอีกครั้ง
“กู่ไห่ เ้าแก้หมากแล้วหรือ? หากเ้ารับมรดกนี้ แสดงว่าผนึกจะถูกปลดใช่หรือไม่? เช่นนั้น ท่านไต้ซือก็จะได้ออกมาแล้วสินะ” หลงหว่านชิงถามอย่างดีใจ
“ใช่! พ่อบุญธรรม ไม่ว่ามรดกจะเป็อะไรก็ตาม ท่านรับเอาไว้ก่อนเถอะ” กู่ฉินพูดด้วยความยินดี
มีเพียงกู่ไห่ ที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่หน้ากระดานหมาก พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกไปถึงความจนใจของคุณชายเก้า ที่รับมรดกของท่านผู้เฒ่าไปอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัก
และทันทีที่ได้กลายเป็คุณชายเก้าแล้ว เขาจะต้องหาคนมาแทนที่ตนเองมิใช่หรือ?
คนอื่นอาจไม่รู้ถึงเป้าหมายที่แฝงอยู่ของการรับมรดก แต่กู่ไห่พอจะรู้เื่นี้อยู่บ้าง... คุณชายแปด? หากรับมรดก เขาก็จะกลายเป็คุณชายแปด?
กู่ไห่ชะงักงัน
“กู่ไห่ เ้ารีบรับมรดกเถอะ... ชีพจรัเป็ของเ้าแล้ว และข้าจะยกหยกัของข้าให้กับเ้า!” หลงหว่านชิงเอ่ย
ชีพจรั?
นี่เป็อีกหนึ่งในเหตุผล ที่กู่ไห่มาที่นี่โดยไม่ลังเล
เดิมทีเขาไม่ได้สนใจชีพจรัเท่าใดนัก แต่เมื่อเหยาเจิ้งเทียนมอบ 'โครงสร้างเมือง์' ให้ เขาจึงพบว่าชีพจรันี้สำคัญมาก อย่างหาที่เปรียบมิได้
ตอนนี้ โอกาสที่จะได้ชีพจรั มาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว เขายังคิดจะถอยอยู่อีกหรือ? หากไม่รับเอาไว้ ในอนาคตยังจะมีโอกาสเช่นนี้อีกหรือไม่?
กู่ไห่เงียบไปพักหนึ่ง
กลุ่มผู้ฝึกตนต่างจ้องมองกู่ไห่ด้วยความไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมัวลังเลอะไรอยู่อีก
หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนอยู่นาน กู่ไห่ก็ค่อยๆ หยิบหมากออกมา แล้ววางลงไปยังจุดเทียนหยวน[1]
ก๊อก!
เมื่อกู่ไห่วางหมากลง ทันใดนั้น ดอกโบตั๋นก็เปล่งแสงสีทองจนสว่างเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ มันค่อยๆ โปร่งใสขึ้น นอกจากกระดานหมากล้อมเป็ตายทั้งสองแล้ว ทุกอย่างก็โปร่งใสอย่างกับกำลังยืนอยู่บนดอกไม้ั์โปร่งใส
แต่แสงสีทองที่ส่องสว่างนั้น มาจากใต้ดอกโบตั๋น
ดูเหมือนจะเป็… หัวชีพจรัขนาดใหญ่!
“โฮก!”
ดอกโบตั๋นนี้ ผนึกหัวัทองขนาดใหญ่ ไว้เพียงหัวเดียว ทว่า คล้ายจะมีขนาดใหญ่ถึงสามหมื่นฉื่อ[2] หัวชีพจรัได้คำรามขึ้นด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไร หัวัทองขนาดใหญ่นั้น ก็ไม่อาจขยับตัวได้
แต่ในช่องว่างระหว่างดอกโบตั๋นกับหัวั มีดอกโบตั๋นขนาดเท่ากำปั้นแปดสีปรากฏขึ้น มันหมุนอย่างช้าๆ พร้อมเปล่งแสงหลากสี ชวนให้รู้สึกอัศจรรย์ใจไม่น้อย ในยามที่ได้มอง บนลำแสงมากสีสันนั้น เต็มไปด้วยอักขระขนาดเล็กมากมาย
“นี่คือชีพจรัอย่างนั้นหรือ?”
“ดอกโบตั๋นขนาดเท่ากำปั้นเ่าั้คืออะไร? ทั้งยังดูราวกับจะมีตัวหนังสือมากมายลอยอยู่ในลำแสงของมันด้วย”
“มรดกที่เิไท่เคยกล่าวถึง ก็คือมรดกของท่านผู้เฒ่าคนนี้อย่างนั้นหรือ?”
“ดอกโบตั๋นหลากสี... ดอกไม้ของท่านผู้เฒ่า? มรดก?”
เฮ!
เหล่าผู้ฝึกตนที่รอคอยอยู่ด้านนอก ต่างก็แสดงท่าทีกระตือรือร้น
หากชีพจรัทำให้ทุกคนกลายเป็หมาป่า… มรดกของท่านผู้เฒ่าก็คงจะเป็ดั่งคำสาป
เพราะนี่คือมรดกซึ่งมีมูลค่ามากที่สุดในใต้หล้า!
“หึ!”
ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนหลายร้อยคน ต่างก็พากันวิ่งปรี่เข้าหาดอกโบตั๋นที่โปร่งใส
“ของข้า!”
“เ้าบ้า! อย่าแม้แต่จะคิด... นั่นมันของข้าต่างหาก!”
“ของข้า... มันเป็ของข้า!”
คนเ่าั้ต่างเบียดเสียดกัน เพราะ้าที่จะเข้าไปภายในดอกโบตั๋นั์
ฟืดๆๆ!
มีแรงดูดมหาศาลมาจากดอกโบตั๋น แล้วจู่ๆ เหล่าผู้ฝึกตนที่วิ่งกรูกันเข้ามา ก็ถูกดูดเข้าไปภายในกลหมากแห่งความตาย กลายเป็เม็ดหมากทันที
ผู้คนเกือบพันพากันะโหลบ แต่ก็ไม่อาจหนีรอดไปได้ จากนั้นไม่นาน พวกเขาทั้งหมดก็ถูกดูดเข้าไปในหมากล้อมแห่งความตายเช่นเดียวกัน
ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา ผู้คนที่คิดจะเข้าไป พลันหยุดความคิดของตนลง เหตุการณ์เมื่อครู่ ทำให้พวกเขาต่างตกตะลึง
“ทำไมเป็เช่นนี้? นี่ช่างไม่ยุติธรรมเลย! เหตุใดกู่ไห่และพวก ถึงเข้าไปได้ แต่เมื่อเราหมายจะเข้าไปบ้าง กลับถูกดูดไปไว้ในกลหมากแห่งความตายเสียอย่างนั้น”
“เป็ไปไม่ได้… ไม่สิ! เพราะกู่ไห่ได้ปลดผนึกกลหมากไปแล้ว ดังนั้น คนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ ก็จะถูกดูดไปยังหมากล้อมแห่งความตาย”
เหล่าผู้ฝึกตนต่างก็จ้องดอกโบตั๋นโปร่งใสตรงหน้า ด้วยความพิศวง เมื่อมองเห็นชีพจรั และมรดกของท่านผู้เฒ่าที่อยู่ด้านล่าง ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ทว่า ความรู้สึกที่ได้แค่มอง แต่ไม่อาจแตะต้องได้นี้ ช่างเป็เื่ที่ชวนหดหู่ยิ่งนัก
หลงหว่านชิงเบิกตากว้าง มองลงไปที่บริเวณใต้ฝ่าเท้าของตน พื้นที่ด้านล่างนั้น กลายเป็พื้นโปร่งใส ชีพจรัปรากฏแก่สายตา แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่า นั่นก็คือมรดกของท่านผู้เฒ่า!
“นี่... นี่...!” หลงหว่านชิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
กู่ไห่เหลือบมองมรดกเ่าั้ พลางขมวดคิ้วแน่น
“ข้ามีคำถาม! เหตุใดจึงมีเม็ดหมากเพียงสามชนิดเท่านั้น ที่ลอยอยู่เหนือกลหมากแห่งความตาย? เม็ดหมากสีดำ สีขาว และโปร่งใส? ไม่ทราบว่าท่านผู้เฒ่า ได้ทิ้งคำตอบในเื่นี้เอาไว้หรือไม่?” กู่ไห่เอ่ยถามอย่างสงสัย
เมื่อได้ยินคำถามของกู่ไห่ หลงหว่านชิง กู่ฉินและคนอื่นๆ ต่างก็แสดงสีหน้างุนงงทันที
ชายชราผมขาวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มองนิ่งมายังพวกเขา ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้ม “ร่างจริงของข้าได้ทิ้งคำตอบไว้ให้ เหมือนจะเดาได้ว่าท่านถามคำถามเช่นนี้ คำตอบก็คือ หนึ่งทำให้เกิดสอง สองทำให้เกิดสาม สามทำให้เกิดสรรพสิ่ง[3] เม็ดหมากสามชนิดนั้น จึงหมายถึงสามรูปแบบ”
“สามรูปแบบ?” กู่ไห่ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะค่อยๆ จมลงไปในห้วงภวังค์
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าของกู่ไห่ก็เริ่มเปลี่ยนไป “สามเป็ต้นกำเนิดของสรรพสิ่ง? สามครอบคลุมทุกอย่างเช่นนั้นหรือ ข้าเคยได้ยินมาว่าพระพุทธองค์ทรงมีคำอธิบายไว้ว่า แต่ละชีวิตมีสามชาติภพ คือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ซึ่งก็เหมือนกับการเดินหมากล้อม หมากสีดำจะถูกวางก่อน จึงเป็ตัวแทนของ ‘อดีต’ ส่วนหมากสีขาวที่ยังไม่ได้วางลงมา จึงแสดงถึง ‘อนาคต’ และหมากสีขาวที่วางลงไปบนกระดาน นั่นก็คือ ‘ปัจจุบัน’
่เวลาที่หมากสีขาวยังไม่ถูกวางลงมา คือ ‘อนาคต’ ซึ่งก็หมายถึงตอนที่ยังไม่ได้วางหมาก เพราะยังไม่ได้วางหมาก เราจึงเพียงคิดวางแผนไว้ในใจ เม็ดหมากโปร่งใสจึงไม่ใช่ของจริง แต่เป็เม็ดหมากในจินตนาการเท่านั้น?”
ชายชราผมขาวมองกู่ไห่ พลางยิ้มเล็กน้อย “ข้าก็ไม่รู้! ไม่มีคำตอบสำหรับเื่ที่เ้าถาม รู้เพียงแค่ ‘สาม’ นั้นได้ครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง แล้วเ้าก็จะเข้าใจเอง... จงยอมรับมรดกที่ข้าจะมอบให้เถอะ!”
กู่ไห่จ้องมองชายชราผมขาวด้วยความสับสน
เมื่อมองดูกระดานหมากล้อมตรงหน้า ชายชราผมขาวก็วางหมากสีขาวลงไปก่อน กู่ไห่สูดลมหายเฮือกใหญ่ แล้วจึงวางหมากลงไปอีกเม็ด
ก๊อก!
ตูม!
ดอกโบตั๋นโปร่งใสขนาดั์พลันสั่นสะท้าน ทันใดนั้น ก็เกิดรอยแตกร้าวขึ้นที่บริเวณพื้นด้านล่าง ดอกโบตั๋นขนาดเท่ากำปั้นแปดสีสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับ้าที่จะเคลื่อนเข้าไปหากู่ไห่
เมื่อกู่ไห่วางหมากลงมาบนกระดานอีกครั้ง ดอกโบตั๋นแปดสีก็เตรียมทลายดอกโบตั๋นั์โปร่งใส เพื่อจะพุ่งตรงไปหากู่ไห่
“จงวางหมาก!” ชายชราผมขาววางเม็ดหมากสีขาว แล้วเอ่ยขึ้น
กู่ไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถาม “มรดกนี้คืออะไร? แล้วมันมีประโยชน์อะไรกับข้า?”
“ข้ามีคำพูดสุดท้ายจะบอก ความจริง ก่อนหน้านี้เ้าก็ได้รับมรดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปแล้ว!” ชายชราผมขาวตอบ
“เอ๋?” กู่ไห่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย เมื่อได้ยินเช่นนั้น
“เ้าเข้าใจ ‘กลหมากยี่สิบเก้าเส้น’ แล้วมิใช่หรือ? เ้าเข้าใจ ‘ความบกพร่องของ์’ ์และโลกไม่มีความเมตตาต่อสิ่งมีชีวิตที่เป็ดั่งเบี้ยหมาก ในมรดกของร่างจริงนั้น มี ‘มรดกแห่ง์’ เป็พื้นฐาน สมบัติอื่นๆ ล้วนเป็ส่วนประกอบ
ภายในดอกโบตั๋นแปดสีนั้น เป็เพียง ‘มรดกแห่งเวทวิชา’ เท่านั้น ไม่ว่าวิชาจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะวิถีแห่ง์ได้ เ้าได้รับมรดกแห่ง์ไปแล้ว วิชาในดอกโบตั๋นแปดสีนี้ ก็เป็เพียงสิ่งของเล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนชีพจรันี้ เป็สิ่งสุดท้ายที่เ้าจะได้รับ ดอกโบตั๋นคือดอกไม้ของฮ่องเต้ เป็มรดกของฮ่องเต้ ที่จะช่วยเ้าสร้างแว่นแคว้น และเข้าสู่เส้นทางที่ต่างจากตัวเ้าในอดีตโดยสิ้นเชิง” ชายชราผมขาวกล่าวเสียงต่ำ
“วิธีการสร้างแคว้น? หากท่านผู้เฒ่าเขียนมันขึ้นมาได้ เหตุใดจึงไม่ก่อตั้งราชวงศ์ของตนเองขึ้นมาเล่า?” กู่ไห่กังขา
“เพราะการสร้างแคว้น มิใช่หนทางสู่ความแข็งแกร่ง ไม่อาจทำให้อยู่เหนือผู้ใด ดังนั้นท่านผู้เฒ่าจึงได้ละทิ้งความคิดที่จะตั้งแคว้น แล้วใช้กลหมากเข้าต่อกรกับ์แทน!” ชายชราผมขาวอธิบาย
“การจัดตั้งแคว้นไม่อาจทำให้แข็งแกร่ง? เช่นนั้นแล้ว มรดกของเขาก็อาจจะไม่ได้ดีที่สุดน่ะสิ?” กู่ไห่เอ่ยถามเสียงต่ำ
“แต่ท้ายที่สุด มันก็จะทำให้เ้าแข็งแกร่งกว่าราชวงศ์ และแว่นแคว้นโดยส่วนใหญ่” ชายชราผมขาวบอก
“หากไม่มีใครสามารถแก้ผนึกได้ มรดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง ‘มรดกแห่ง์’ ก็จะหายไป? เหลือเพียง ‘มรดกแห่งเวทวิชา’ และ ‘ชีพจรั’ ที่พวกเขาจะได้รับไป เป็เช่นนั้นใช่หรือไม่?” กู่ไห่ถาม
“มรดกแห่ง์ มีเพียงผู้ที่สามารถเข้าใจในกลหมากเท่านั้น จึงจะได้รับไป มิเช่นนั้นก็มิอาจสืบทอดได้” ชายชราผมขาวตอบ พลางพยักหน้า
“หากยอมรับมรดก แล้วอะไรคือข้อแลกเปลี่ยนที่ข้าจะต้องจ่าย?” กู่ไห่ถามกลับด้วยความข้องใจ
“อย่าต่อต้านดอกโบตั๋นแปดสีที่เข้าสู่ร่างเ้า มันมีพลังเวทอยู่ในนั้นนับพัน จงผ่อนคลายและอย่าต่อต้าน ให้ดอกโบตั๋นแปดสีอ่านความทรงจำของเ้า ทิ้งร่องรอยตราประทับเอาไว้ในร่างเ้า
นับแต่นี้ไป เ้าก็จะกลายเป็ศิษย์สายตรงของอี้เทียนเก๋อ เหล่าศิษย์อี้เทียนเก๋อจะรับฟังเ้า คำสั่งของเ้า ถือเป็บัญชาจากร่างจริงของข้า” ชายชราผมขาวอธิบาย
“อ่านความทรงจำของข้า และทิ้งร่องรอยตราประทับของท่านผู้เฒ่า ลงไปในจิติญญาข้า?” กู่ไห่หรี่ตา มองชายชราตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจนัก
“ใช่แล้ว! เพราะนี่เป็หนทางเดียวที่จะสามารถรับ ‘มรดกแห่งเวท’ ได้” ชายชราผมขาวตอบ
กู่ไห่หรี่ตาลงเล็กน้อย ในมือมีหมากเม็ดหนึ่ง เดิมที เขากำลังจะวางมันลงบนกระดานหมากตรงหน้า แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจแล้ว จึงค่อยๆ เก็บมันกลับมา
ตราประทับของท่านผู้เฒ่าถูกตอกเข้ากับจิติญญา? นับแต่นี้เป็ต้นไป ก็จะเหมือนกับคุณชายเก้า ที่พยายามจะกำจัดคุณชายแปด? กู่ไห่ไม่อยากทำเช่นนั้น นอกจากนี้ ความทรงจำของเขานั้น ก็ไม่้าที่จะให้คนอื่นได้อ่านมัน แม้จะเป็คนที่ตายไปแล้วก็ตาม
“กู่ไห่ มีผู้คนมากมายที่เดินทางไปยังแคว้นเสินโจว เพื่อตามหามัน!” หลงหว่านชิงเอ่ยอย่างร้อนรน
กู่ไห่ส่ายศีรษะ ก่อนพูด “ท่านไม่เข้าใจถึงความน่ากลัวของตราประทับนี่!”
“หืม?” หลงหว่านชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
สีหน้าของกู่ฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ ค่อยๆ เปลี่ยนไป เขาสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนร้องบอก “พ่อบุญธรรม ข้าขอรับมรดกแห่งเวทนี้แทนท่านได้หรือไม่?”
“หืม?” กู่ไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะมองไปยังกู่ฉิน
“พ่อบุญธรรม การตายของท่านแม่ ลูกยังจำได้ ทว่า ลูกไร้ซึ่งความสามารถ ไม่อาจกระทำสิ่งใดได้เลย ลูก้าแก้แค้นให้ท่านแม่ ท่านพ่อก็พยายามอย่างหนักเช่นกัน แต่ลูกไม่อยากเป็ตัวถ่วง อยากจะช่วยท่านแบ่งเบาภาระ
โอกาสเพียงครั้งเดียวที่อยู่ตรงหน้านี้ จะปล่อยให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้... ลูกยินดีที่จะรับความเสี่ยงนี้เอง!” กู่ฉินยืนยันอย่างแน่วแน่ ถึงความตั้งใจของตน
“มันเสี่ยงเกินไป เ้าทนไม่ไหวแน่!” กู่ไห่ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ความรู้สึกในขณะที่ท่านพ่อท่านแม่บุญธรรม ได้อุ้มร่างของข้าที่กำลังจะตายใต้กองหิมะนั่น ลูกยังจำได้ไม่เคยลืม ลูกสามารถมีชีวิตรอดมาได้ ต้องตอบแทนท่าน
อีกทั้งมรดกนี้ก็มหาศาลนัก ดังนั้น ความเสี่ยงก็ย่อมมากเช่นกันแล้วอย่างไรเล่า? ถึงแม้ต้องตาย... ลูกก็ไม่สนใจ!” กู่ฉินกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
“ไม่ได้!” กู่ไห่ปฏิเสธทันที เขาไม่้าให้กู่ฉิน ลูกของตน ต้องมาเสี่ยงอันตรายกับเื่เหล่านี้
-----------------------------------------------
[1] จุดเทียนหยวน หรือแปลตามตัวอักษรว่า ‘จุดกำเนิด์’ เป็จุดศูนย์กลางของกระดานหมากล้อม
[2] สามหมื่นฉื่อ เท่ากับ สิบกิโลเมตรโดยประมาณ
[3] หนึ่งทำให้เกิดสอง สองทำให้เกิดสาม สามทำให้เกิดสรรพสิ่ง เป็ข้อความที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ ‘เต้าเต็กเก็ง’ ซึ่งเป็คัมภีร์ที่สำคัญที่สุดของลัทธิเต๋า ว่าด้วยแก่นหลักของคำสอน ซึ่งมีทั้งหมด 81 บท