ยามเช้าตรู่ ฟ้าเพิ่งสว่างเพียงรำไร
แต่เงาคนในเรือนหลังเล็กก็เริ่มทำงานแล้ว
อูหลันฮวาหิ้วถังไม้ออกจากประตูเรือนอย่างเงียบเชียบ
เมื่อคืนน้ำในโอ่งถูกใช้จนเกือบหมด เซวียเสี่ยวหรั่นต้มน้ำหม้อใหญ่ให้อูหลันฮวาทำความสะอาดั้แ่หัวจรดเท้า
อูหลันฮวาเพิ่งได้ใช้เซียงอี๋เป็ครั้งแรก
กลิ่นหอมกรุ่นของดอกกุ้ยฮวาติดกายไปตลอดทั้งคืน นางนอนข้างต้าเหนียงจื่อ ยังนึกว่าจะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเสียอีก
แต่พอได้ยินเสียงลมหายใจนุ่มนวลสม่ำเสมอของคนข้างกาย นางก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว ยังมีรอยยิ้มประดับบนมุมปากหลับสนิทจนกระทั่งฟ้าสาง
ด้วยอุปนิสัยตื่นเช้ามาจนเคยชิน ทันทีที่แสงแรกโผล่พ้นขอบฟ้า นางก็ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ
สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือตักน้ำให้เต็มโอ่ง
ยามเหลียนเซวียนตื่นขึ้นมา อูหลันฮวาตักน้ำถังที่สามกลับมาพอดี
"อรุณสวัสดิ์เ้าค่ะ หลางจวิน" อูหลันฮวาวางถังน้ำ ค้อมกายเล็กน้อยทำความเคารพ
"อื้อ" เหลียนเซวียนตอบรับเบาๆ "ทำงานของเ้าเถอะ"
อูหลันฮวารีบเทน้ำลงโอ่ง หลังจากนั้นก็หิ้วถังออกไปตักน้ำต่อ
ขณะออกจากประตู ก็ลอบหันกลับไปมองปราดหนึ่ง
แม้หลางจวินสกุลเหลียนจะถือไม้เท้าเดินเหินไม่คล่องนัก แต่พลังอำนาจจากตัวเขายังคงทำให้นางเกิดความหวาดกลัว
ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขามีสถานะใดกันแน่ เขากับต้าเหนียงจื่อดูไม่คล้ายเป็คนชั้นสามัญทั่วไป
ต้าเหนียงจื่อดูเป็มิตรโอบอ้อมอารี แต่หลางจวินสกุลเหลียนกลับให้ความรู้สึกน่ายำเกรง แค่มองมากหน่อย ก็สั่นสะท้านไปถึงตับไตไส้พุง
อูหลันฮวาเริ่มเดินช้าลง ต้าเหนียงจื่อยังไม่ตื่น นางไม่อยากเผชิญหน้ากับหลางจวินเพียงคนเดียว
เหลียนเซวียนตักน้ำมาล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้ว อูหลันฮวาก็ยังไม่กลับมา
เขาค่อยๆ เดินกลับห้องอย่างเอ้อระเหย
อูหลันฮวาขยันขันแข็งไม่เบา เช้ามาก็ตื่นไปตักน้ำแล้ว ถึงการซื้อนางกลับมาจะลำบากหน่อย แต่ก็ยังคุ้มค่า
ยามเซวียเสี่ยวหรั่นขยี้ตาลุกขึ้นมา ท้องฟ้าก็เริ่มเป็สีพุงปลาอ่อนๆ
"เฮ่อ ต้องตื่นก่อนไก่โห่ทุกวัน ช่างน่าเหนื่อยใจนัก"
ตื่นก่อนไก่โห่? เหลียนเซวียนได้ยินเสียงบ่นของนางมุมปากก็กระตุกเล็กน้อย
ไก่ขัน่ยามเหม่า [1] นางยังกกตัวหลับสบายบนที่นอนอยู่เลย
เซวียเสี่ยวหรั่นค้นหวีออกมาหวีผมตามความเคยชิน พอเปิดหนังสัตว์ที่คลุมปิดอยู่มองลงไปในกระบุงเห็นแต่ความว่างเปล่าถึงนึกขึ้นได้
จริงสิ เมื่อวานเธอเอาของไปเผาทิ้งหมดแล้ว
หวา... ยุ่งแล้วละสิ!
เธอใช้มือสางผมลวกๆ ก่อนวิ่งไปห้องเหลียนเซวียน
"เหลียนเซวียน ท่านตื่นหรือยัง" เธอเคาะประตู
"ตื่นแล้ว"
คนตื่นสายสุดทุกวันก็คือนางมิใช่หรือ เหลียนเซวียนยิ้ม
"หวีของข้าหาย ยืมใช้ของท่านก่อนนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นเอ่ยอย่างมีเหตุผลเต็มที่ "เดี๋ยวข้าจะให้อูหลันฮวาไปซื้อหวีมาใหม่สองอัน"
หาย? ก็เอาไปเผาเองนี่ เหลียนเซวียนคร้านจะเปิดโปงนาง
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบหวีไม้บนโต๊ะแล้วหัวเราะคิกคักเดินออกไป
"ต้าเหนียงจื่อ อรุณสวัสดิ์เ้าค่ะ" อูหลันฮวาเดินออกมาจากห้องครัว
"อรุณสวัสดิ์จ้ะ หลันฮวา เหตุใดถึงตื่นเช้านัก หลับไม่สบายหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นหวีผมที่บัดนี้ยาวเกินหัวไหล่แล้ว
"หลับสบายมากเ้าค่ะ" รอยยิ้มของอูหลันฮวาฉายผ่านแววตา แม้เสียงจะอู้อี้ไม่ชัด แต่ก็มีพลังเต็มเปี่ยม
"ดี หลับสบายก็ดีแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มตาพร่างพราย เห็นอูหลันฮวาสดชื่นมีชีวิตชีวา อารมณ์ก็ดีขึ้นเป็กอง
"ต้าเหนียงจื่อ อาหารเช้าจะทำอะไรเ้าคะ ผักจี้ไช่ของเมื่อวานไม่สดแล้ว เมื่อเช้านี้ข้าไปขุดกลับมานิดหน่อย" ยามออกไปตักน้ำเมื่อครู่ นางแวะขุดต้นจี้ไช่มาไม่น้อย
พูดถึงเื่นี้ มือที่กำลังหวีผมของเซวียเสี่ยวหรั่นชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อวานเธออ้างว่าไปหลังเขาขุดต้นจี้ไช่มาห่อเกี๊ยว แต่ผลก็คือพวกนางมัวแต่เย็บกระเป๋าสะพายหลังเสียเวลาไปมาก จึงไม่อาจห่อเกี๊ยวได้
"หรือไม่ พวกเราทำเกี๊ยวกันดีไหม หลันฮวาผสมแป้งเป็หรือเปล่า
"เป็เ้าค่ะ" อูหลันฮวาดวงตาทอประกาย นางเพิ่งมาที่นี่ได้หนึ่งวัน อาหารที่กินทุกมื้อนอกจากจะมีเนื้อ ยังมีปริมาณมากพอ ยิ่งได้กินข้าวอิ่มนางยิ่งมีเรี่ยวแรงมาก
"งั้นก็ดีเลย เ้าเตรียมแป้งไว้ แป้งอยู่ข้างกระสอบข้าวสาร ผสมแป้งไว้เยอะหน่อย ปริมาณต้องเพียงพอ อาเหลยเองก็ชอบกินมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นกำชับ
"ได้เ้าค่ะ" อูหลันฮวารีบเข้าครัวทำงานอย่างกระตือรือร้น
เซวียเสี่ยวหรั่นยังคงเกล้าผมเป็มวยกลมเหมือนเดิม เพราะทำเป็อยู่ทรงเดียว
หลังจากล้างหน้าสีฟันแล้ว ก็นึกได้ว่ามีของที่ต้องซื้อ
"หลันฮวา เดี๋ยวกินมื้อเช้าเสร็จ ตอนไปหมู่บ้านลิ่วไผ จำไว้ว่าต้องซื้อหวีไม้ต้นท้อมาสองอัน ผงสีฟันหนึ่งตลับ ไม้สีฟันหนึ่งอัน ถ้วยน้ำสองใบ เอ... มีอะไรอีกนะ เดี๋ยวข้านึกก่อน"
"โอ้?" ซื้อเยอะขนาดนี้เชียว อูหลันฮวาสับสนเล็กน้อย
หลังจากสับหมูมาทำไส้เกี๊ยว ในครัวก็เริ่มยุ่ง
อูหลันฮวาห่อเกี๊ยวไม่ค่อยเป็ เซวียเสี่ยวหรั่นจึงสอนแบบจับมือทำ อย่าเห็นว่าสตรีเช่นอูหลันฮวามือหนักเท้าหนัก เพราะนางเรียนรู้ไวมาก ไม่ช้าก็ห่อได้เหมือนต้นฉบับเป๊ะ
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ตระหนี่คำชม ยกยอนางไปเสียยกใหญ่
อูหลันฮวามีความสุขยิ้มจนแก้มปริ
เพราะไม่ได้ซื้อลังถึง จึงใช้วิธีต้มโดยตรง
เมื่อเกี๊ยวสุกก็จัดใส่จานกินกับเครื่องปรุงที่ต้าเหนียงจื่อผสมเอง อูหลันฮวาก็กินอย่างเบิกบานใจ รู้สึกว่านี่คือเกี๊ยวที่อร่อยที่สุดเท่าที่ตนเองเคยกินมาในชาตินี้
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเกี๊ยวจานใหญ่เต็มๆ เคลื่อนขบวนลงท้องอูหลันฮวา ก็เดาะลิ้นอย่างอดไม่ได้
แม่นางผู้นี้กินเยอะไม่เบา เกี๊ยวสามสิบสี่สิบชิ้นนางสามารถกินหมดได้ในชั่วพริบตา
ปริมาณเทียบเท่ากับเหลียนเซวียนทีเดียว
เธอกินแค่สิบสองชิ้นก็อิ่มเจ็ดแปดส่วน ไม่กล้ากินมากกว่านั้น
อาเหลยตัวเล็ก แม้จะหาของกินทั้งวัน แต่แท้จริงแล้วก็กินได้ไม่เยอะ เกี๊ยวแปดชิ้นก็อิ่มมากแล้ว
ขณะไปเก็บจานชามของเหลียนเซวียน เซวียเสี่ยวหรั่นก็ถามเสียงเบา "ท่านอิ่มหรือไม่"
เธอนับดูก่อนหน้านี้ ในจานของเขาดูเหมือนจะมีแค่สามสิบสองชิ้น ไม่รู้ว่าเพียงพอหรือเปล่า ครั้งก่อนห่อเกี๊ยวไว้เยอะ นอกจากส่วนของเธอกับอาเหลย ที่เหลือเหลียนเซวียนล้วนกินจนหมดเกลี้ยง ปริมาณตอนนั้นเกินสี่สิบชิ้นแน่นอน
เฮ่อ หากรู้ล่วงหน้าควรห่อเยอะกว่านี้
"อิ่มแล้ว" อันที่จริงก็ไม่ค่อยอิ่มเท่าไร เมื่อก่อนเคยยึดหลักการกินแต่ละมื้อให้อิ่มเพียงเจ็ดแปดส่วน แต่ตอนนี้เพิ่มปริมาณอาหารขึ้น เพราะ่หนึ่งก่อนหน้านี้เคยอดอาหารนานเกินไป ร่างกาย้าเวลาฟื้นฟู
เซวียเสี่ยวหรั่นเบ้ปาก รู้ว่าเขาไม่ได้พูดความจริง แต่เธอก็ไม่ว่าอย่างไร
คิดไว้ว่าวันนี้จะทำอาหารมื้อเที่ยงให้เร็วขึ้น
อูหลันฮวาล้างชามเสร็จก็ไปซื้อของที่หมู่บ้านลิ่วไผ
เซวียเสี่ยวหรั่นกับซีมู่เซียงอยู่เย็บกระเป๋าสะพายหลังต่อจากที่ทำค้างไว้เมื่อวาน
จนกระทั่งอูหลันฮวาแบกกระบุงสะพายหลังกลับมา แต่กลับมีคนตามหลังมาด้วย
เสียงดังเอะอะทำให้พวกนางสองคนใวิ่งออกมา
เห็นอูหลันฮวาหน้าดำคร่ำเครียด ยืนขวางอยู่หน้าประตูเรือนไม่ยอมให้อูต้าฟางสองผัวเมียเข้ามาข้างใน
ในที่สุดก็มาจนได้ เซวียเสี่ยวหรั่นสบตากับซีมู่เซียง
"เกิดอะไรขึ้น"
เซวียเสี่ยวหรั่นวางสีหน้าเ็าก้าวออกมา
"ต้าเหนียงจื่อ" อูหลันฮวาก้มหน้าอย่างละอายใจ
อูต้าฟางและภรรยากลับจดจ้องเซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งสวมชุดผ้าฝ้ายเนื้อดีใหม่เอี่ยม ดวงตาฉายแววละโมบ
...
[1] ยามเหม่าหมายถึง่เวลาระหว่าง 5.00-6.59 น.
