เืไหลทะลักออกจากาแไม่หยุด ฉากนี้ทำให้ผู้คนต่างตะลึงงันและรู้สึกเสียใจแทนซ่งซินหลิง
แน่นอนว่าเย่เฟิงเห็นสถานการณ์ทางด้านซ่งซินหลิง เขาจึงใเช่นกันและมีแสงเยือกเย็นวาบประกายในดวงตา
ความสามารถในการได้ยินของผู้ฝึกยุทธ์นั้นดีเยี่ยม เย่เฟิงจึงได้ยินบทสนทนาของซ่งซินหลิงกับโจวมู่ไป๋อย่างชัดเจน หัวใจของเขาในเวลานี้มีเพียงความเย็นะเื จากนั้นเขาก้าวออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะทะยานร่างขึ้นฟ้าไปหาซ่งซินหลิงที่อัฒจันทร์ เขากอดร่างของหญิงสาวในทันทีพร้อมถ่ายทอดพลังหยวนสู่ร่างนาง ทำให้ชีพจรของนางไม่หยุดเต้น ตอนนี้ซ่งซินหลิงอ่อนแอเป็อย่างมาก ใบหน้าขาวซีด เมื่อนางเห็นเย่เฟิงมาก็เผยรอยยิ้มจาง ๆ แต่กลับปกปิดความเ็ปไม่ได้
“เย่เฟิง เ้าสัญญากับข้าได้หรือไม่ ว่าเ้าจะไม่ทำให้ศิษย์พี่ข้าลำบากใจ?” ซ่งซินหลิงกล่าวเสียงแ่เบา แม้ในตอนที่ชีวิตของนางจะเลือนหายไป ก็ยังนึกถึงศิษย์พี่ของนาง โจวมู่ไป๋
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็เผยรอยยิ้มอันอ่อนโยน แต่หัวใจกลับเย็นะเืกว่าเดิม ผู้หญิงที่แสนดีเพียงนี้ โจวมู่ไป๋กลับไม่เห็นค่า ทำร้ายจิตใจของซ่งซินหลิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งกว่านั้นเย่เฟิงเจอซ่งซินหลิงในเทือกเขาปี้หลิงจึงเดินทางด้วยกัน แต่โจวมู่ไป๋กลับส่งหวังหลงและผู้ฝึกยุทธ์หลายคนมาไล่ล่าเย่เฟิง บัดนี้โจวมู่ไป๋ทำร้ายจิตใจนาง บีบให้นางรู้สึกสิ้นหวังและฆ่าตัวตาย ช่างเป็คนใจแคบยิ่งนัก
“ข้าสัญญา ตราบใดที่ศิษย์พี่เ้าไม่มารบกวนข้า ข้าก็ไม่มีทางทำอะไรศิษย์พี่เ้า” เย่เฟิงปลอบใจ เขารู้ว่าซ่งซินหลิงาเ็สาหัสจากการใช้กริชแทงหัวใจ หากรักษาไม่ทันการณ์ ชีวิตอาจจบสิ้นได้ทุกเวลา
พลันขวดหยกปรากฏในมือพร้อมมีกลิ่นยาลอยอบอวล ซึ่งก็คือยารักษาที่ผู้าุโหุบเขาเทียนเสวียนมอบให้เขา จากนั้นเย่เฟิงนำยาออกมาสามเม็ดและให้ซ่งซินหลิงกิน หวังว่าจะรักษาชีวิตของอีกฝ่ายได้
“ปล่อยนางนะ!” จู่ ๆ มีเสียงเย็นดังขึ้น เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นโจวมู่ไป๋ที่กำลังมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็นพร้อมปล่อยประกายจิตสังหาร
“เ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้า? หากซ่งซินหลิงเป็อะไรไป เ้าไม่ได้ตายดีแน่!” เย่เฟิงกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ฮ่า ๆ ๆ!” โจวมู่ไป๋แค่นเสียงหัวเราะ อาการของซ่งซินหลิงกำลังร่อแร่ แต่เขากลับไม่สำนึกผิดแม้แต่น้อย ราวกับว่าเื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
“เ้าเป็ห่วงนางมากถึงเพียงนี้ ดูท่าพวกเ้าคงรักกันมากสินะ!” โจวมู่ไป๋กล่าวอย่างไม่สนใจ ทำให้ซ่งซินหลิงที่เจ็บช้ำใจกระอักเืออกมาอีกครั้ง
“ไสหัวไป!” เย่เฟิงตาเผยประกายคมกริบขณะตวาดใส่โจวมู่ไป๋ เขารู้ว่าโจวมู่ไป๋เป็คนเลวทราม แต่ไม่นึกว่าจิตใจจะโเี้อำมหิตถึงเพียงนี้
ในความทรงจำของเย่เฟิง ดูเหมือนจะไม่เคยเกลียดใครมากเท่านี้มาก่อน พลันไอสังหารปะทุออกจากร่างเย่เฟิงพร้อมกับระบายความโกรธ
“ไม่พูดก็แปลว่ายอมรับ ผู้หญิงขี้ขลาดตาขาวแบบนี้ ข้าโจวมู่ไป๋ไม่้า!” โจวมู่ไป๋กล่าวโดยไม่ปกปิดความคิดแม้แต่นิดเดียว ทำให้ไอสังหารที่แผ่ออกจากร่างเย่เฟิงรุนแรงขึ้น ตอนนี้เขาััได้ว่าร่างซ่งซินหลิงกำลังสั่นเทา คำพูดของโจวมู่ไป๋ทิ่มแทงหัวใจของนางเข้าอย่างแรง
“โจวมู่ไป๋ ถ้าเ้าเป็ลูกผู้ชายก็จงหุบปากซะ ถ้าเ้าอยากสู้ ข้าเย่เฟิงก็ยินดีสนองให้” เย่เฟิงกล่าวด้วยความโกรธ เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งสัญญากับซ่งซินหลิงว่าจะไม่ทะเลาะกับโจวมู่ไป๋ ทว่าอีกฝ่ายกลับเป็ฝ่ายเริ่มยั่วก่อน ทั้งยังทำให้อาการของซ่งซินหลิงสาหัสหนักกว่าเก่าและพูดไม่คำนึกถึงจิตใจของนาง คนชั่วช้าเช่นนี้ มีหรือเย่เฟิงจะอดทนได้
“วันนี้เ้าต้องตาย ข้าจะทำให้เ้าสองคนแยกจากกัน” โจวมู่ไป๋กล่าวเสียงเย็น ในเมื่อเื่มันเกิดขึ้นแล้ว เขาก็ไม่คิดย้อนกลับไป และหลีกเลี่ยงซ่งซินหลิงไม่ให้เกาะติดเขาทุกวี่ทุกวัน
“โหดมาก!” ผู้คนต่างมองสถานการณ์ทางด้านนี้ไม่วางตา ความใจดำของโจวมู่ไป๋ที่แสดงออกมาทำให้พวกเขาไม่ชอบ แม้ว่าเื่นี้จะไม่เกี่ยวกับพวกเขา แต่พอได้เห็นความใจดำของโจวมู่ไป๋ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโห
“ดี ข้าก็อยากเห็นนักว่าเ้ากำจัดข้าได้อย่างไร” เย่เฟิงกล่าว ขณะมองซ่งซินหลิงที่ไม่ได้สติดี เย่เฟิงก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่
“ขอโทษ ครั้งนี้ข้าคงต้องผิดคำสัญญาแล้ว!” เย่เฟิงคิดในใจเพื่อแสดงความขอโทษต่อซ่งซินหลิง จากนั้นเขาหันไปมองทางด้านพรรคเทียนเสวียนพร้อมกล่าวขึ้น
“ผู้าุโ รบกวนท่านช่วยข้าดูแลนางที” แววตาของผู้าุโของพรรคเทียนเสวียนวาบประกายแสง เขาเป็คนหนึ่งที่ชื่นชมเย่เฟิง แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเห็นใจซ่งซินหลิง เขาจึงตอบตกลง
มีผู้าุโของพรรคเทียนเสวียนดูแลซ่งซินหลิง เย่เฟิงก็วางใจ จากนั้นเห็นเขาทะยานร่างขึ้นฟ้าไปเยือนเวทีประลองอีกครั้ง โจวมู่ไป๋ก็ตามหลังมาติด ๆ ทั้งสองประจันหน้าและััได้ถึงไอสังหารอันเยือกเย็นจากร่างพวกเขา
“อย่าคิดว่าเอาชนะเฟิงเฉียนกับเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่แล้วจะจัดการข้าได้ หากข้าเข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนเร็วกว่านี้ อันดับที่ 5 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาไม่มีทางตกเป็ของเฟิงเฉียนแน่นอน” โจวมู่ไป๋กล่าวอย่างโอหัง แต่คนที่รู้จักเขาดีจะรู้ว่าเขาพูดความจริง ก่อนที่จะเข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียน โจวมู่ไป๋มีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วเมืองหลวงแห่งอาณาจักรจ้าวนานแล้ว เขาไม่เพียงแต่มีพร์ล้ำเลิศ แต่ยังแข็งแกร่งสุดในระดับการบ่มเพาะเดียวกัน ดังนั้นแม้จะเป็เฟิงเฉียนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโจวมู่ไป๋ เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ก็ยิ่งไม่ใช่
“พูดไร้สาระ เริ่มเลยเถอะ!” เย่เฟิงกล่าว พลันพลังปะทุออกจากหอกัเงินประกายที่ถืออยู่ในมือ
“ในเมื่อเ้าอยากตายมาก งั้นข้ายินดีสนอง!” โจวมู่ไป๋กล่าว จากนั้นอัดพลังหยวนใส่ฝ่ามือ ก่อนจะปล่อยพลังฝ่ามือที่ราวกับกรงเล็บต้าเผิงออกไป ทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล วันนี้เขาโจวมู่ไป๋จะต้องลบล้างความอัปยศที่เย่เฟิงทำกับเขาในการทดสอบตอนรับศิษย์ใหม่วันนั้นให้จงได้
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงปลดปล่อยพลังปราณถึงขั้นสูงสุด จากนั้นปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานด้วยเอกลักษณ์หอกออกไป ทั้งยังมีพลังกายผสานอยู่ในนั้น ทำให้พลังทรงอานุภาพขึ้นหลายเท่า ตามมาด้วยเสียงดังะเิ ฝ่ามือทั้งสองเข้าปะทะกัน ห้วงอากาศแตกะเิ คลื่นทำลายล้างแพร่กระจาย พลังเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาทั่ว ๆ ไปจะต้านทานได้
“ต้าเผิงโชติ่!” โจวมู่ไป๋แผดเสียงะโ พลันฝ่ามือแปรเปลี่ยนเป็ต้าเผิง ก่อนจะพุ่งโจมตีเย่เฟิง
แววตาของเย่เฟิงวาบประกายแสงเยือกเย็น รังสีหอกทะลวงอากาศประหนึ่งลำแสง ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้าง ก่อนจะทำลายฝ่ามือของโจวมู่ไป๋ จากนั้นตรงเข้าโจมตีโจวมู่ไป๋
โจวมู่ไป๋กะพริบตาพร้อมชักดาบออกจากฝัก ก่อนจะตวัดดาบออกไป รังสีดาบพาดผ่านท้องฟ้า กดดันรังสีหอกของเย่เฟิงจนล่าถอย
“ตายซะ!” โจวมู่ไป๋แผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อเขากระทืบเท้าพลันพลังปราณยกระดับอย่างต่อเนื่อง จนถึงขีดสุดของขั้นบ่มเพาะกายาในชั่วพริบตา และดูเหมือนจะมีแนวโน้มทะลวงขั้นรวมชี่
“ชิ้ง!” โจวมู่ไป๋วาดดาบ พลันปราณดาบห้อมล้อมตัวดาบและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วดุจแสง!
เย่เฟิงขมวดคิ้ว ก่อนจะก้าวออกไปพร้อมพลังดาราโคจรรอบกาย ราวกับมีแสงดาวถูกปลดปล่อยออกจากร่างเขา ทั้งยังมีท่วงทำนองพิเศษที่เชื่อมโยงกับฟ้าดิน จากนั้นหลบการโจมตีของโจวมู่ไป๋ได้ในพริบตา
“คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะมีประโยชน์เหรอ?” โจวมู่ไป๋แสยะยิ้ม ิญญาาต้าเผิงขั้นเขียวปรากฏที่ด้านหลังเขา ทำให้เขามีพลังของต้าเผิงและเคลื่อนไหวได้อย่างฉับไว จากนั้นเขาฟันดาบโจมตีเย่เฟิงอีกครั้ง
“ทักษะดาบนี้แกร่งมาก!” มีบางคนอุทานด้วยความใ ในสายตาคนนอก ิญญาาต้าเผิงขั้นเขียวของโจวมู่ไป๋มีชื่อเสียงโด่งดังมาก และวรยุทธ์ของเขาก็ยังเกี่ยวข้องกับต้าเผิง ซึ่งมีน้อยคนที่จะรู้ว่าโจวมู่ไป๋เป็นักดาบมากฝีมือ ทักษะดาบของเขาแม่นยำและฉับไว
แววตาของเย่เฟิงเผยประกายแสงเยือกเย็น โจวมู่ไป๋ไม่ใช่คนเปิดเผยอย่างเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ แต่ลึกลับและคาดเดาได้ยากมาก เย่เฟิงรู้เื่นี้ดี
ตอนนี้เย่เฟิงยังััได้ถึงพลังของโจวมู่ไป๋ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเฟิงเฉียน อีกอย่างศึกต่อสู้เพิ่งเริ่มได้ไม่นาน พลังที่แสดงออกมาในเวลานี้ก็ยังไม่ใช่พลังทั้งหมดของโจวมู่ไป๋ เขายังมีไพ่ตายอื่นอยู่อีก ดังนั้นศึกนี้แม้เย่เฟิงจะสู้กับโจวมู่ไป๋ แต่ก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว
รังสีดาบพุ่งจู่โจมเย่เฟิงจากทาง้า พลันเย่เฟิงชูหอกขึ้นเหนือหัวเพื่อแทงรังสีดาบนั่น ตามมาด้วยเสียงเหล็กดุจทองคำกระทบดังกังวาน ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยปวดแก้วหูไปชั่วขณะ
“โจวมู่ไป๋ผู้นี้แข็งแกร่งสมคำร่ำลือ พลังของเขาเหนือกว่าเฟิงเฉียน จนกลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 5 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา กระทั่งชื่อในรายนามนั้นก็ตกลงมาหนึ่งอันดับ” มีคนหนึ่งกล่าวขณะใกับความแข็งแกร่งของโจวมู่ไป๋
“ใช่ ครั้งนี้เจอกับโจวมู่ไป๋ เกรงว่าเย่เฟิงผู้นี้ได้จบเห่แน่!” มีอีกคนกล่าวเสริม พลอยทำให้คนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วย
“ตายซะเถอะ!” โจวมู่ไป๋เหวี่ยงดาบหาเย่เฟิง พลันรังสีดาบโชติ่พุ่งลงมาจากฟากฟ้าเข้าโจมตีเย่เฟิง
“มันจบแล้ว! ดาบนี้คือจุดจบของเย่เฟิง” ด้านพรรคเทียนจี มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวพลางยิ้มเยือกเย็น เขาคิดว่าเย่เฟิงไม่มีทางรับดาบนี้ได้แน่นอน
รังสีดาบกะพริบ มันเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำและรวดเร็ว ก่อนจะมาเยือนเบื้องหน้าเย่เฟิง โดยไม่ปล่อยให้เย่เฟิงมีโอกาสได้โต้กลับ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้