เลี่ยวจือหย่วนครุ่นคิด ก่อนกำชับด้วยความกังวล “น้องเกา น้องสาวข้าเฉลียวฉลาดและร่าเริง แม้นางจะไม่มีวรยุทธ์ แต่ก็มีความคิดแปลก ๆ มากมาย ปฏิบัติตัวประหลาดแตกต่างจากสตรีทุกคนอย่างเห็นได้ชัด ข้าไม่สามารถพูดให้เ้าเข้าใจได้ในไม่กี่ประโยค อย่างไรก็ตาม เมื่อเ้าหานางพบ สิ่งแรกที่ควรทำคือกดจุดต้าเสวียและจุดหย่าเสวียของนาง อย่าได้เชื่อคำพูดนางเด็ดขาด ข้าเห็นนางเกิดมาด้วยตาของข้าเอง นางคือน้องสาวแท้ ๆ ของข้า”
เกาเจวี๋ยขมวดคิ้ว ก่อนพยักหน้าหนักแน่นพลางคิดในใจ ‘ช่างเป็สตรีที่น่ารำคาญเสียจริง เช่นนั้นก็พกกระสอบไปสักใบ หาเจอก็ตีให้สลบแล้วใส่กระสอบกลับมาแล้วกัน’
เลี่ยวจือหย่วนกำชับต่อ “น้องสาวข้าอายุสิบหกปีแล้ว เอ่อ...ตอนอุ้มนางขึ้นรถม้าต้องระวังสักหน่อย... เ้าทำได้เพียงพยุงแขนทั้งสองของนางเท่านั้น” กล่าวจบก็เข้าแทรกด้านหน้าเกาเจวี๋ย สองมือจับข้อศอกของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง สีหน้าจริงจังราวผู้ที่อยู่ตรงหน้าคือน้องสาวของเขา เลี่ยวจือหย่วนสั่งย้ำ “เ้าต้องระวังหน่อย นางยังไม่ได้ออกเรือน ชายหญิงแตะเนื้อต้องตัวกันนั้นไม่เหมาะสม”
เกาเจวี๋ยรำคาญการใกล้ชิดเช่นนี้ของเลี่ยวจือหย่วนยิ่งนัก เขาจ้องปลายจมูกของอีกฝ่ายด้วยใบหน้ามืดทะมึน
เลี่ยวจือหย่วนถอยสองก้าวด้วยความกระอักกระอ่วนใจ ก่อนลูบจมูกแก้เขิน พลางกล่าวเสริม “น้องสาวของข้าไม่เหมือนสตรีทั่วไป นางไม่ชอบเย็บปักถักร้อย ไม่ชอบแต่งหน้าแต่งตัว ไม่เรียนหนังสือและไม่เรียนวรยุทธ์ กลับชอบค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ นางไม่สนฐานะคุณหนูใหญ่แห่งจวนตระกูลเลี่ยว มักจะหนีไปตั้งแผงขายของในตลาดกลางคืนที่เมืองหลวง บางครั้งก็ยกถ้วยชามหรือแก้วชาในจวนแล้วะโคำแปลก ๆ ว่า ‘ของโบราณล้ำค่า’ ”
เกาเจวี๋ยได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม พลางคิดในใจ ‘ที่แท้ก็คนโง่ นางหมักเหล้าเป็จริงหรือ? เ้าแมวป่าคงไม่โกหกข้ากระมัง?’
เลี่ยวจือหย่วนเอ่ยแนะนำ “ก่อนหนีออกจากบ้านไม่กี่วัน นางมักพร่ำบ่นทั้งวันว่า ‘ที่แท้โสมโบราณมีราคาต่ำเพียงนี้เชียวหรือ’ ‘หนึ่งจินมีราคาสองหยวนเท่านั้น’ ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด น้องเกาอาจยังไม่รู้ สมัยนางอายุแปดขวบเคยปีนต้นไม้แล้วตกลงมาหัวกระแทกพื้น เมื่อฟื้นก็เริ่มพูดจาแปลก ๆ ” เลี่ยวจือหย่วนกล่าวจบก็กดนิ้วชี้ที่จุดขมับของตน
เกาเจวี๋ยมั่นใจว่านางคือสตรีโง่อย่างแท้จริง พลางเอ่ยปากถาม “เหล้าของข้า...”
“เวรเอ๊ย เ้าฟังเื่น้องข้าให้จบก่อนไม่ได้หรืออย่างไร” เลี่ยวจือหย่วนพูดขัดเกาเจวี๋ยอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะพูดเบาะแสทั้งหมดที่ตนมีให้เขาฟังต่อ “ตอนน้องสาวของข้าหนีออกจากบ้าน นางพาสาวใช้ไปด้วยหนึ่งคน เด็กรับใช้อีกหนึ่งคนและเงินก้อนโตจำนวนหนึ่ง สามปีก่อน อำนาจทางการเงินในตระกูลข้าถูกนางแย่งไปครอง ข้าจึงไม่รู้ว่านางนำเงินไปเท่าไร แต่มันต้องมากกว่าหนึ่งพันตำลึงแน่ น้องเกาลองคิดดู สตรีใบหน้างดงามมีเงินก้อนโตอยู่กับตัว วรยุทธ์ก็ไม่มี นี่มันแกะน้อยรอโจรสังหารชัด ๆ เฮ้อ ข้าลืมบอก...น้องสาวของข้าโลภในทรัพย์สินเงินทอง นางเคยบอกว่าอยากแต่งงานกับสามีที่ร่ำรวยที่สุดในรัชสมัยนี้ ดังนั้นเ้าอย่าได้ทำลายความตั้งใจของนางเด็ดขาด”
เมื่อเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของเกาเจวี๋ย เลี่ยวจือหย่วนจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เอ่ยถึงเบาะแสเมื่อครู่ต่อ “ตามคำบอกเล่าของสารถี หลังนางหนีออกจากตระกูลเลี่ยวก็จ้างรถม้าคันหนึ่งไปทางเหนือ เดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก ในที่สุดก็หยุดที่เมืองตงกวาเชิงเขาฉางไป๋ นางเดินไปร้านขายโสมทั้งขายส่งและขายปลีกเพื่อ ‘สำรวจตลาด’ นางได้ยินว่าการรับซื้อโสมจากชาวนาที่ขุดโสมบนเขาฉางไป๋มีราคาถูกกว่า นางจึงพาสาวใช้และเด็กรับใช้ขึ้นเขา”
“แล้วเด็กรับใช้ผู้นั้นกลับมาได้อย่างไร? สตรีผู้นั้นตกหน้าผาหรือ?” เกาเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“เฮ้ย ๆ ” เลี่ยวจือหย่วนเอ่ยอย่างเดือดดาล “พูดเช่นนี้ได้อย่างไร? เพราะระหว่างทางหิมะตกหนักต่างหาก เด็กรับใช้ผู้นั้นเป็คนที่ข้าไว้ใจ เขาคิดว่าลมหิมะบนเขาอันตรายเกินไปจึงเอ่ยห้ามปรามน้องสาวข้าไม่ให้ขึ้นเขา ทว่าน้องสาวข้ารำคาญที่จะฟังจึงวางแผนตีเขาให้สลบแล้วมัดไว้ นางพาเพียงสาวใช้อายุสิบปีกว่าขึ้นเขาไปด้วยเท่านั้น เมื่อเด็กรับใช้ผู้นั้นฟื้นก็ดิ้นหลุดจากเชือกทันที แล้วขึ้นเขาไปตามหานางทั่วเขาฉางไป๋แต่ไม่พบ จึงทำได้เพียงกลับจวนมารับโทษ โชคดีที่เด็กรับใช้ผู้นั้นมีวรยุทธ์อยู่บ้าง ข้าจึงวางใจ ทว่าน้องสาวและสาวใช้ผู้นั้นล้วนเป็สตรีอ่อนแอ เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็บ่นเหนื่อย บ่นปวดขา เ้าจะไม่ให้ข้าเป็ห่วงได้อย่างไร?”
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าขอพักผ่อนครึ่งวันแล้วจะรีบขี่ม้าไปที่เมืองตงกวา” เกาเจวี๋ยเอ่ยเสริม “เหล้าสิบไหใหญ่ ยื่นหมูยื่นแมว มิเช่นนั้นข้าจะถลกเส้นผมของนางให้หมด”
เลี่ยวจือหย่วนโบกมือปฏิเสธ “ไม่ได้ ๆ บ้านของข้ามีเหล้าเพียงสองไหเล็กเท่านั้น ทั้งยังถูกน้องสาวของข้าซ่อนไว้ น้องเกาวางใจเถิด ข้าไม่มีทางเบี้ยวเหล้าของเ้าแน่นอน เมื่อน้องสาวของข้ากลับจวน ข้าจะขังนางให้ทำเหล้า หากหมักไม่ถึงสิบไหก็จะไม่ปล่อยนางออกมา หากในสองเดือนยังทำตามที่พูดไม่ได้...ข้าก็จะส่งนางไปเป็อนุของเ้า นางจะได้หมักเหล้าให้เ้าทั้งวัน”
สีหน้าของเกาเจวี๋ยมืดทะมึน ก่อนเอ่ยต่อรอง “ข้า้าเพียงเหล้าเท่านั้น หากล่าช้าเกินครึ่งเดือนต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มหนึ่งไห ส่งของช้าที่สุดคือสองเดือน ตามนี้”
เลี่ยวจือหย่วนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ข้อเสนอของเกาเจวี๋ยไม่ไกลเกินเอื้อม เขาจึงตอบตกลง “ตกลงตามข้อเสนอของเ้า แต่น้องสาวของข้าต้องไม่มีรอยขีดข่วนและยังมีชีวิต สภาพร่างกายและจิตใจต้องครบถ้วนสมบูรณ์ แล้วก็...ชื่อเสียงและความบริสุทธิ์ของนางต้องไม่ด่างพร้อย”
เกาเจวี๋ยพยักหน้าอย่างเ็า “ตกลงตามนี้”
เลี่ยวจือหย่วนถอนหายใจโล่งอก ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็สีหน้าทะเล้น เขาวางมือบนไหล่ของเกาเจวี๋ยพลางเอ่ยถาม “น้องเกา ท่านผู้บัญชาการบอกว่าเ้าทำภารกิจได้ดีเยี่ยม เหตุใดเมื่อครู่จึงอารมณ์เสียนักเล่า? แม้ด้านอื่น ๆ ข้าจะไม่เก่งเท่าเ้า แต่ความจำของข้าดียิ่ง ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่เ้าพูดว่า ‘เื่ของสตรีอีกแล้ว? อย่าเอ่ยถึง’ ไม่ทราบว่าคราวที่แล้วเป็สตรีท่านใดหรือที่ทำให้เ้าเดือดดาลเช่นนี้?”
เกาเจวี๋ยถลึงตามองเลี่ยวจือหย่วนอย่างดุดัน สายตาพลันเหลือบมองมือบนไหล่พลางเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “เอามือออกไป”
เลี่ยวจือหย่วนอารมณ์ดียิ่งนัก ไม่ได้ใกับสายตาสังหารของเกาเจวี๋ย เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มตาหยี “ตอนออกจากวัดวันนั้น เสี่ยวต้วนดึงเ้าออกไปคุยเป็การส่วนตัวไม่ใช่หรือ? น้องชาย แม้ความสามารถด้านอื่นของข้าจะประสบผลสำเร็จเล็กน้อย แต่การได้ยินของข้าเป็เลิศยิ่งนัก ใช้ฟังประโยคสำคัญเวลาจำเป็”
เกาเจวี๋ยมองหน้าเลี่ยวจือหย่วนอีกครั้ง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “ใครจะสนว่าเ้าได้ยินอะไร ข้าง่วงแล้ว หากเ้าอยากพูดก็ไปพูดที่อื่น”
สายตาของเลี่ยวจือหย่วนที่มองเกาเจวี๋ยนั้นเป็ประกายราวกับสายตาแมวป่า แก้มด้านซ้ายเผยลักยิ้ม พลางเอ่ย “น้องชาย ความสามารถอันดับสามที่ข้าทำได้ดีกว่าคนอื่นคือการสังเกต เรียกว่า ‘เป็ที่หนึ่งในหมู่องครักษ์’ ก็ว่าได้ วันนั้นบนเส้นทางในูเา ข้าดูออกว่าเสี่ยวต้วนสนใจคุณหนูเหอไม่น้อย ข้าจึงแนะนำให้เสี่ยวต้วนพานางกลับไปเลี้ยงที่จวนสักสองสามปีแล้วค่อยแต่งในฐานะอนุภรรยา แต่พวกเ้ากลับคิดว่าข้าพูดจาไร้สาระ หลังจากนั้นไม่กี่วันเสี่ยวต้วนก็หลงรักคุณหนูเหอจนโงหัวไม่ขึ้น ทั้งยังไม่รอกลับจวนไปถามความเห็นของมารดา กลับจัดสินสอดไปสู่ขอคุณหนูเหออย่างเป็ทางการ น้องเกาว่าข้าพูดถูกต้องหรือไม่? …หรือสาวน้อยผู้นั้นมีเสน่ห์ยากจะต้านทาน? หรือตอนนี้ไม่ใช่เพียงเสี่ยวต้วนผู้เดียวที่ตกหลุมรักนาง?”
คิ้วหนาของเกาเจวี๋ยขมวดแน่นยิ่งขึ้น พลางหรี่ตาถาม “เ้าแมวป่า เ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่?”
เลี่ยวจือหย่วนเก็บสีหน้าทะเล้นกลับไป พลางเหลือบมองใบหน้าถมึงทึงของเกาเจวี๋ย ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นะเื “น้องเกา ความคิดในใจของเ้าคาดเดาง่ายกว่าความคิดของเสี่ยวต้วน ตอนที่เ้าไม่มีเื่อันใด สีหน้าของเ้าจะแสดงเพียงอารมณ์เดียวเท่านั้น แต่เมื่อเ้ามีเื่ในใจ ใบหน้าของเ้าก็จะแสดงสีหน้าหลากหลาย เช่นตอนที่ข้าเอ่ยถึง ‘คุณหนูเหอ’ ม่านตาของเ้าหดลง การเปลี่ยนแปลงเบาบางจนแทบมองไม่ออก เปลือกตาของเ้าก็กระตุกเล็กน้อย เ้ายังจำตอนที่พวกเราเอ่ยถึงคุณหนูเหอครั้งที่แล้วได้หรือไม่ สีหน้าของเ้าตอนนั้นดูเบื่อหน่ายยิ่งนัก เ้ามักจะพูดว่า ‘ข้าไม่สนใจเื่ของคนอื่น’ สองวันก่อน ข้าได้ยินเื่บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเหอ ขอถามน้องเกาหน่อยว่าเ้ายังคงไม่สนใจเื่คนอื่นอยู่หรือไม่?”
เกาเจวี๋ยเผยสีหน้าเ็า ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด ทว่าเลี่ยวจือหย่วนสามารถััได้ถึงกล้ามเนื้อตึงแน่น นั่นคือคำตอบของเกาเจวี๋ยโดยไม่จำเป็ต้องเอ่ยเป็คำพูด เลี่ยวจือหย่วนถอนหายใจยาวเหยียด พลันเอ่ยถามกะทันหัน “ข้าได้ยินว่าในปีที่ตระกูลเกาและตระกูลหลิงตกลงเื่แต่งงานนั้น ว่าที่ภรรยาของเ้าไม่ใช่หลิงเมี่ยวฉีภรรยาปัจจุบันใช่หรือไม่?”
เกาเจวี๋ยกวาดตามองเลี่ยวจือหย่วนอย่างเ็า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเอ่ยถึงเื่ของเหอตังกุยอยู่ดี ๆ จึงเปลี่ยนเป็เื่ในครอบครัวของตนกะทันหันเช่นนี้
เลี่ยวจือหย่วนเอ่ยต่อ “ข้าได้ยินคนอื่นพูดว่าเมื่อก่อนท่านหลิงพ่อตาของเ้าแต่งภรรยาเอกถึงสองตระกูล คือฮูหยินหลี่และฮูหยินเหอ ฮูหยินหลี่ให้กำเนิดคุณหนูรองหลิงเมี่ยวฉี ฮูหยินเหอก็ให้กำเนิดคุณหนูใหญ่หลิงเมี่ยวชุนและคุณหนูสามหลิงเมี่ยวอี้”
ใบหน้าเกาเจวี๋ยมืดทะมึน พลางเอ่ยเ็า “ใครบอกเื่นี้แก่เ้า จะถามเื่เหล่านี้เพื่ออะไร แม่ทัพรองเลี่ยว ความสนใจของเ้ากว้างใหญ่เกินไปแล้ว”
เลี่ยวจือหย่วนไม่ตอบคำถามของเขา เพียงใช้ปลายเท้ายกไหเหล้าขึ้นกอดแนบอก พลางเปิดกระดาษผนึกฝาแล้วดื่มสองอึก ก่อนโยนไหเหล้าให้เกาเจวี๋ย เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างกล้าหาญ “มีเพียงสิ่งเดียวที่ปลอบประโลมความโศกเศร้าของเ้าได้ นั่นคือการดื่มเหล้า มา มาดื่มด้วยกันอย่างมีความสุขเถิด”
เกาเจวี๋ยรับไหเหล้าทว่ากลับไม่ได้ดื่มมันในทันที เขาทอดมองผืนทรายสีขาวด้านนอกอย่างเลื่อนลอย ไม่รู้ว่าครุ่นคิดถึงสิ่งใดอยู่
เลี่ยวจือหย่วนเอ่ยเนิบนาบ “ได้ยินว่าผู้ที่ตระกูลของเ้าเอ่ยสู่ขอคือหลิงเมี่ยวชุนคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิง ข้ายังได้ยินอีกว่าน้องเกาและคุณหนูใหญ่หลิงเติบโตมาด้วยกันจึงผูกพันลึกซึ้ง เพียงรอน้องเกาทำภารกิจระยะยาวในอวิ๋นหนานเสร็จสิ้นเท่านั้น ก่อนออกเดินทางฮ่องเต้ให้สัญญากับเ้าว่าจะมอบตำแหน่งแม่ทัพอู่เลวี่ยอันดับห้า และพระราชทานงานมงคลอันยิ่งใหญ่ให้แก่เ้าเพื่อขอแต่งคุณหนูใหญ่หลิงเข้าจวน อีกทั้งยังได้ยินว่า...ก่อนที่น้องเกาจะกลับเมืองหลวง คุณหนูใหญ่หลิงและฮูหยินเหอกลับตายในเหตุไฟไหม้ที่คาดไม่ถึง ความจริงแล้วงานมงคลของสองตระกูลควรล้มเลิก ทว่าประมุขหลิงอยากได้น้องเกาเป็ลูกเขย ดังนั้นเขาและประมุขเกาจึงเปลี่ยนเ้าสาวเป็หลิงเมี่ยวฉีคุณหนูรองตระกูลหลิง”
เกาเจวี๋ยได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็มืดมนดั่งวันเมฆครึ้มก่อนฝนตก เขายกไหเหล้าขึ้นดื่มอย่างบ้าคลั่ง เหล้าครึ่งหนึ่งที่เทใส่ปากกลับไหลผ่านศีรษะ ใบหน้าและคอเสื้อ ดื่มไป สำลักไป ดูจนตรอกยิ่งนัก
เลี่ยวจือหย่วนส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “คู่รักที่รักกันสุดซึ้งกลับต้องพลัดพรากจากไปไม่หวนคืน แม้แต่คำบอกลาก็ยังไม่ได้เอ่ย ทว่านี่ยังไม่นับว่าน่าสงสารที่สุด สิ่งที่น่าสงสารที่สุดคือตระกูลหลิงและตระกูลเกาบรรลุเป้าหมายที่ตกลงกันอย่างลับ ๆ เพื่อปกปิดข่าวการตายของคุณหนูใหญ่หลิงไม่ให้แพร่งพรายสู่โลกภายนอก แม้แต่น้องเกาที่กลับจากอวิ๋นหนานก็ไม่รู้เื่การตายของคุณหนูใหญ่หลิง”
เกาเจวี๋ยโยนไหเหล้าออกนอกหน้าต่างเช่นเคย ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียงพลางหอบหายใจรุนแรง ขณะเดียวกันก็ไอและสำลักไปด้วย
“ทุกครั้งที่เ้าไปหาคนรัก ประมุขหลิงจะออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง เขามักบอกเ้าว่าเป็เพราะงานแต่งใกล้จะมาถึง ตามธรรมเนียมปฏิบัติ เ้าบ่าวและเ้าสาวจึงไม่สามารถพบหน้ากันได้บ่อยนัก มิเช่นนั้นอาจทำให้ชื่อเสียงของเ้าสาวเสื่อมเสียได้ ความจริงแล้วประโยคนี้มีช่องโหว่ คนฉลาดเช่นเ้าไม่น่าถูกคนอื่นโน้มน้าวได้ง่ายดายเพียงนั้น แต่ด้วยเ้าคิดว่าประมุขหลิงเป็พ่อตาจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่เชื่อคำพูดเขา”
เลี่ยวจือหย่วนเอนกายลงข้างเกาเจวี๋ย พลางจับจ้องแมงมุมตัวเล็กที่ใยแมงมุมบนคานเป็เวลานาน ทันใดนั้นก็สูดลมหายใจเข้าแล้วค่อย ๆ เป่าลม ทำให้แมงมุมที่ห่างออกไปบนใยเดียวกันหล่นลงมาบนพื้น ในยุทธภพมีจอมยุทธ์มากมายที่สามารถส่งลมปราณเจินชี่ออกจากร่างกายได้ แม้กระทั่งสร้างลมปราณเจี่ยนชี่และลมปราณเฉียงชี่ ทั้งสองสิ่งสามารถโจมตีศัตรูและป้องกันตัวเองในยามต่อสู้ได้
หากมองเพียงมือข้างเดียวของเลี่ยวจือหย่วนก็ไม่นับว่าน่าใเท่าไรนัก ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้คนใคือภาพที่ปรากฏตรงหน้าตอนนี้ ใยแมงมุมและแมงมุมที่หล่นลงพื้นล้วนถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง ชั้นน้ำแข็งที่ห่อหุ้มพวกมันไว้แตกออกเป็เสี่ยง พลันเลือนหายกลายเป็หมอกทึบ เมื่อหมอกสลาย ครั้นมองไปบนหินสีดำก็ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นแล้ว ในบรรดาองครักษ์ขั้นแปดขึ้นไป กำลังภายในของเลี่ยวจือหย่วนไม่ถูกจัดอยู่ในสิบอันดับแรก ความแข็งแกร่งขององครักษ์เืเย็นที่มีชื่อเสียงในใต้หล้าสามารถดูได้จากสิ่งนี้ เมื่อใดที่ผู้คนเอ่ยถึง สีหน้าก็จะเปลี่ยนไปทันที
เมื่อเห็นท่าทางหนักใจที่ปกติไม่มีโอกาสได้เห็นของเกาเจวี๋ย เลี่ยวจือหย่วนก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ยเสียงแ่ “น้องเกา เ้าอดทนรอหลายเดือนจนในที่สุดก็ถึงวันมงคล ขั้นตอนซับซ้อนมากมายในพิธีแต่งงานคงทำให้เ้ารำคาญมากใช่หรือไม่ ไม่ใช่เื่ง่ายที่จะหลุดพ้นจากแขกที่มาร่วมดื่มเหล้าแสดงความยินดี เ้าคะนึงหาคนรักในชุดมงคลสีแดงตลอดเวลา เห็นภาพนางนั่งรอเ้าบนเตียงด้วยความเขินอาย น้องเกา เ้าคงมีความสุขไม่น้อยเลยใช่หรือไม่”
เกาเจวี๋ยสีหน้าเ็าลงทุกขณะ คิดไม่ถึงว่าความลับของเขาจะถูกเปิดเผยเช่นนี้…
“ทว่าความอบอุ่นและความหวานชื่นทั้งหมดก็ต้องดับลงทันทีที่ผ้าคลุมหน้าสีแดงถูกเลิกขึ้น แม้ใบหน้างดงามมีเสน่ห์ภายใต้ผ้าคลุมจะเขินอาย แต่หน้าตาของนางนั้นกลับไม่ใช่หลิงเมี่ยวชุนคุณหนูใหญ่หลิง ทว่าเป็หลิงเมี่ยวฉีคุณหนูรองน้องสาวต่างแม่ของนาง น้องเกา ในวันที่เ้าแต่งงาน เ้าไม่เพียงไม่ได้ยินข่าวการตายของคนรักที่น่าใเท่านั้น แต่ยังได้แต่งงานกับน้องสาวของนางอีกด้วย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้