สวี่ชิวเยวี่ยกับฮูหยินเยี่ยนกลมเกลียวสุขสันต์ เห็นพ้องต้องกันในเื่ที่จะไปวัดจินติ่งและไหว้พระเสี่ยงเซียมซี หันกลับมามองเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกับเยวี่ยเจาหราน พวกเขาไม่ได้อารมณ์ดีเช่นนั้นแล้ว สีหน้าของทั้งคู่ที่กำลังจะมีวันหยุดอันแสนสุขแล้วแท้ๆ ยามนี้กลับมีเพียงรอยยิ้มปลอมๆ ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกและความเวิ้งว้างที่ซ่อนอยู่ภายในฉากหน้า...
“ระหว่างทางก็ระมัดระวังหน่อยล่ะ”
ว่าไปแล้วก็น่าแปลก ฮูหยินเยี่ยนที่ถือตนสูงส่งอยู่เสมอจะลดตัวลงมาส่งคนถึงประตูจวนด้วยตนเอง เยวี่ยเจาหรานเหลือบมองด้วยสายตาเ็า เขารู้ดีว่าเกียรตินี้ต้องเป็ของสวี่ชิวเยวี่ยแน่ ไม่ใช่ฮูหยินน้อยตัวจริงอย่างตน แต่ก็ไม่เป็ไร อย่างไรเสียแท้จริงตนก็ไม่ใช่ฮูหยินน้อยอะไรนั่นอยู่แล้ว คนอื่นนั้น อยากจะทำอะไรก็ตามใจเถอะ
ท่ามกลางสายตามองส่งของฮูหยินเยี่ยน สวี่ชิวเยวี่ยก็ยังรักษาหน้าที่ ใบหน้างดงามเผยลิงโลดออกมาเล็กน้อย ถึงอย่างไรนี่ก็เป็การท่องเที่ยวครั้งแรกของนางและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ถึงแม้จะมีก้างขวางคอเยวี่ยเจาหรานตามมาด้วย แต่สำหรับสวี่ชิวเยวี่ยที่คุ้นชินกับการค่อยๆ วางแผนการไปอย่างช้าๆ แล้วนั้น ก็นับว่าเป็ผลลัพธ์ที่ไม่เลวทีเดียว
เพราะนางมีฮูหยินเ้าบ้านที่แท้จริงหนุนหลังอยู่ การเตรียมการออกเดินทางจึงดำเนินไปอย่างราบรื่นเป็พิเศษ เดินทางกันสามคนไม่คุ้มที่จะแยกรถม้าออกไปอีกคันหนึ่ง ไม่เช่นนั้นผู้ที่ถูกแยกออกมาคนเดียวก็คงจะอึดอัด ต้องบอกว่าฮูหยินเยี่ยนช่างเป็ขิงแก่ที่เผ็ดร้อนจริงๆ นางได้คิดคำนวณทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว
หากแยกรถม้าทั้งสองคัน ยึดตามลำดับความใกล้ชิดก็ควรจะเป็เยวี่ยเจาหรานกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่นั่งรถม้าคันเดียวกัน แต่ในความเห็นแก่ตัวของฮูหยินเยี่ยน ก็ไม่อยากจะให้คนสนิทที่ตนเอ็นดูถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่อย่างนั้นก็จะสูญเสียจุดประสงค์ที่จะไปท่องเที่ยววัดจินติ่งด้วยกันครั้งนี้ไป แต่หากฮูหยินเยี่ยน้าจะดึงดัน ให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั่งรถม้าคันเดียวกับสวี่ชิวเยวี่ย หากเื่แพร่ออกไป ย่อมสร้างความไม่พอใจให้ตระกูลเยวี่ยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
บทสรุปที่ดีที่สุด คือให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ต้องนั่งกับใครทั้งนั้น แล้วให้หญิงสาวสองคนนั่งไปด้วยกัน เช่นนี้ก็จะสมเหตุสมผล ทั้งไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเสียเปรียบอีกด้วย
แน่นอนว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่ทำให้ตนและหลานสาวของตนเสียเปรียบ
ฮูหยินเยี่ยนที่ยืนอยู่ตรงประตูจวนเยี่ยนมองเงาหลังของกลุ่มคณะที่ห่างไกลออกไป ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าภาพลักษณ์ของตนสูงสง่าขึ้นมากอย่างอธิบายไม่ถูก ต้องบอกว่า แม้แต่ตัวฮูหยินเยี่ยนเองก็ยังรู้สึกลำพองและภาคภูมิใจกับสติปัญญาความฉลาดที่ซุ่มซ่อนอยู่ของตนอย่างแท้จริง สีหน้าภาคภูมิใจบนใบหน้านั้นไม่ยอมจางหายไปอยู่นาน
หญิงรับใช้หลิงหลงที่ยืนอยู่ข้างๆ นั้นไม่ค่อยเข้าใจนัก นางจึงอาศัยความใกล้ชิดที่ได้รับใช้ฮูหยินเยี่ยนมานานหลายปี เข้าไปถามอย่างกล้าหาญ “ฮูหยิน เหตุใดท่านจึงให้พวกเขาสามคนเดินทางไปด้วยกันหรือเ้าคะ… มีคำกล่าวว่า สตรีสามคนอยู่รวมกันย่อมเกิดความวุ่นวายนะเ้าคะ”
ความหมายในคำพูดของหลิงหลงนั้นเห็นได้ชัดเจน นางกลัวว่าสตรีสามคนนั้นจะทะเลาะกันขึ้นมาระหว่างทางไปวัดจินติ่ง แม้ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วคุณชายตัวปลอมของตนผู้นั้นดูแล้วไม่น่าใช่คนที่จะเข้าร่วมในาของผู้หญิงได้ แต่ถึงอย่างไรการเอาพรรคเอาพวกของตนไว้ก่อนก็เป็ธรรมชาติของมนุษย์ หากเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเห็นแก่หน้า ‘เยวี่ยเยียนหราน’ ที่อยู่ด้วยกันมาสักพักแล้วทำร้ายเปี่ยวเสียวเจี่ย [1] มันจะได้ไม่คุ้มเสียหรือไม่?
แต่ฮูหยินเยี่ยนกลับราวกับมองการณ์ไกล นางใจกว้างอย่างยิ่ง และไม่ได้กังวลใจในเื่พวกนั้นแม้แต่น้อย เมื่อหลิงหลงเห็นสีหน้าเฉยเมยของเ้านายตน ก็รู้ตัวว่าพูดมากเกินไป จึงปิดปากเงียบ
“เ้าไม่เข้าใจ หากคนที่ไปในวันนี้คือคุณชายใหญ่ตัวจริง ข้าก็คงไม่ทำเื่วุ่นวายพวกนี้ขึ้นมาหรอก”
ท่อนแขนของหลิงหลงยกขึ้นอย่างมั่นคง ฮูหยินเยี่ยนวางซ้อนลงไปอย่างนุ่มนวล ทั้งสองค่อยๆ เดินเข้าไปในเรือนอย่างเชื่องช้า และในระหว่างทาง ฮูหยินเยี่ยนที่อยู่ในความเงียบมาตลอดก็เอ่ยขึ้นมากะทันหัน แต่กลับยังคงใช้วิธีพูดที่ลึกล้ำคาดเดาไม่ถูกเช่นนั้น นั่นถึงทำให้หลิงหลงเผยสีหน้าสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์เมื่อครู่แล้ว นางจึงเลือกที่จะสงบปากสงบคำ
มีคำพูดมักกล่าวกันว่า หากอีกฝ่ายอยากพูด เ้าไม่จำเป็ต้องถามให้มากความ นางก็จะบอกเ้าเอง แต่หากอีกฝ่ายไม่อยากพูด ต่อให้เ้าถามมากมายเท่าไร อีกฝ่ายก็จะไม่เอื้อนเอ่ยแม้สักคำ
หลิงหลงที่รู้เื่นี้อย่างลึกซึ้งย่อมรู้จักวางตัว และปิดปากเงียบไปเช่นนั้น
ไม่ต่างจากที่คาด ฮูหยินเยี่ยนเองก็ไม่ได้เป็คนที่จะสามารถเก็บซ่อนเื่ราวเอาไว้ได้ เมื่อมาถึงเรือน นางก็เอ่ยขึ้นมาเองอีกครั้ง “เ้าว่า ดูท่าทางเช่นนั้นของเยวี่ยเยียนหรานแล้ว มีความเป็ไปได้ที่คุณชายใหญ่จะชอบนาง หรือคุณหนูใหญ่จะชอบนางมากกว่ากัน?”
คำพูดนั้นทำให้หลิงหลงค่อนข้างจะเกินคาด พลันรู้สึกขบขัน นางประคองฮูหยินเยี่ยนนั่งลง ค่อยๆ เก็บรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วเอ่ยตอบ “คุณหนูเยวี่ยเป็สตรี ย่อมมีความเป็ไปได้มากกว่าที่คุณชายใหญ่จะพึงใจนาง...” หลิงหลงยกมือขึ้นรินชาเหล่าจวินเหมยถ้วยหนึ่ง แต่กลับนึกถึงขนมดอกท้อวันนั้นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
จะว่าไปแล้ว เปี่ยวเสียวเจี่ยเองก็มีบางเื่ที่ทำเกินไปหน่อยจริงๆ แต่ฮูหยินเยี่ยนก็ไม่เคยว่าอะไร หลิงหลงเป็บ่าวคนหนึ่ง ย่อมทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้เท่านั้น
“ดังนั้น ในเมื่อคุณหนูใหญ่ไม่มีทางชอบเยวี่ยเยียนหรานผู้นั้นได้ เช่นนั้นข้าจะกังวลว่าชิวเยวี่ยจะเสียเปรียบไปทำไมกัน? ยิ่งกว่านั้นหากคุณหนูใหญ่หน้ามืดตามัวต้องตาสตรีผู้หนึ่งขึ้นมาจริงๆ ก็มีชิวเยวี่ยคอยแทรกอยู่ตรงกลาง ก็คงทำให้นางตาสว่างขึ้นได้บ้าง”
ฮูหยินเยี่ยนยกถ้วยชาในมือขึ้นจิบคำหนึ่ง แล้วเอ่ยเช่นนั้น หลิงหลงเก็บงำความคิด นางเพียงขานรับเสียงทุ้มหนัก แล้วไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
ตลอดทางที่รถม้าแล่นไป ได้เลือกเส้นทางที่มีผู้คนอยู่น้อยตามคำสั่งของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ว่ากันตามปกติแล้ว หากจะออกมาเดินตลาดผ่อนคลายอารมณ์ ก็ควรจะไปในที่ที่ครึกครื้นรื่นเริง แต่ถึงอย่างไรก็กระเตงสวี่ชิวเยวี่ยมาด้วย อารมณ์จะไปผ่อนคลายเดินตลาดทั้งหมดจึงถูกทำลายไปเกือบหมดแล้ว ย่อมไม่มีความสนใจอยากจะมองคนชมทิวทัศน์อะไรพวกนั้นอีก ตรงกันข้ามกลับอยากจะรีบๆ จบละครตลกร้ายไร้สาระครั้งนี้เสียที ทั้งนี้จะได้ไม่เสียทั้งฮูหยินและรี้พล [2] ไม่ได้รับความรู้สึกดีๆ กลับกันยังทำลายความคึกคักที่มีมาแต่เดิมไปหมด
แม้ว่าการปรากฏตัวของสวี่ชิวเยวี่ยก็ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานไม่มากก็น้อย แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ยังภาวนาขอให้ผลกระทบนั้นอย่าได้มากเกินไป...
บางทีคำอธิษฐานของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอาจส่งไปถึง์ ทำให้เทพธิดาตัวน้อยที่ดูแลเื่ไม่เป็เื่พวกนี้ได้ยินเข้า ดังนั้นตลอดทางสวี่ชิวเยวี่ยจึงไม่ได้ไปวุ่นวายเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วให้รำคาญใจเลยจริงๆ แต่กลับเล็งปืนใหญ่ไปหาเยวี่ยเจาหรานผู้น่าสงสารที่เดินทางไปในรถม้าคันเดียวกัน เยวี่ยเจาหรานในยามนี้กำลังเผชิญหน้ากับสีหน้ายิ้มแย้มของสวี่ชิวเยวี่ยอย่างพูดอะไรไม่ได้ ในตำราไม่เห็นเคยบอกว่าคำอธิษฐานจะย้อนกลับมาทำร้ายคนหนุ่มสาวผู้ไร้ความผิดนี่นา!
เยวี่ยเจาหรานยังคงรักษาท่านั่งกุลสตรี สองมือทับซ้อนกันบนหน้าตักอย่างเรียบร้อย สวี่ชิวเยวี่ยเพิ่งจะเคลื่อนตัวกลับมาจากเก้าอี้รถม้าด้านหน้า และกลับมานั่งในตำแหน่งเดิมพร้อมกับเลิกม่านขึ้น
“ข้ามองดูก็ใกล้จะถึงแล้ว คิดว่าคงอีกไม่กี่ชั่วยาม”
พูดตามตรง ‘ความกลัว’ ที่เยวี่ยเจาหรานมีต่อสวี่ชิวเยวี่ยนั้นได้แ่งกว้างถึงขนาดได้ยินคนผู้นี้อ้าปากก็คิดอยากจะหนีไปแล้ว ไม่ใช่ว่าหวาดกลัวนางจริงๆ แต่น้ำเสียงนางช่างทำให้รู้สึกน่าอึดอัดนัก ยิ่งกว่านั้น ‘ผู้ชายเถรตรงเหมือนแท่งเหล็ก’ [3] ที่ดูไม่สมชายเท่าไรนักอย่างเยวี่ยเจาหราน สำหรับน้ำเสียงนรกอันน่าอึดอัดของสวี่ชิวเยวี่ยนั้น เยวี่ยเจาหรานจึงได้แต่ส่งน้ำเสียงนรกกลับไปเท่านั้น
“อืม ใช่สิ เมืองเป่ยจิงเองก็ใหญ่แค่นี้ ยังออกมาไม่พ้นได้หรือ...”
แม้ว่าเสียงจะไม่ได้ดัง แต่ดูจากสายตาที่แฝงความเป็ศัตรูของสวี่ชิวเยวี่ย เยวี่ยเจาหรานก็มองออกแล้วว่านางได้ยินคำพูดจิกกัดของตน แน่นอนว่าบทสรุปของสถานการณ์เช่นนี้ก็คือ ศัตรูมีเวลาห้าวินาทีในการเข้าสู่สมรภูมิ... [4]
เชิงอรรถ
[1] เปี่ยวเสียวเจี่ย (表小姐) คำเรียกที่คนรับใช้เรียกลูกพี่ลูกน้อง (หญิง) ของเ้านาย
[2] เสียทั้งฮูหยินและรี้พล (赔了夫人又折兵) การสูญเสียซ้ำสองอย่างในครั้งเดียว เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง
[3] ผู้ชายเถรตรงเหมือนแท่งเหล็ก (钢铁直男) หมายถึงผู้ชายที่ซื่อๆ ทึ่มๆ ไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิง
[4] ศัตรูมีเวลาห้าวินาทีในการเข้าสู่สนามรบ (敌军还有五秒到达战场) เป็คำศัพท์ที่มาจากเกมส์ออนไลน์แนว MOBA (รูปแบบเกมที่เราจะได้บังคับตัวละครตัวเดียว เล่นร่วมกับผู้เล่นอื่น แบ่งเป็ 2 ทีมเข้าชิงชัยกัน) หมายถึง่เวลา 5 วินาทีก่อนปล่อยตัวผู้เล่นออกจากเกท เข้าสู่สนามแข่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้