“หมายความว่าพวกเขาจะก่อฏ” ชินอ๋องพยักหน้าเบา ๆ
“พวกเราจะต้องถอนรากถอนโคนสกุลซุน ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป” คำพูดของชินอ๋องทำให้พระชายารู้สึกหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก เื้ัสกุลซุนคือฮองเฮาผู้กุมอำนาจใหญ่ในมือ ที่กุมหัวใจของฮ่องเต้ไว้ และเป็สิ่งที่น่ากลัวมากสุด
ก่อนเสียงฝีเท้าของหลันฮวาจะเดินเข้ามาแล้วน้อมกายลงเล็กน้อย
“ทูลชินอ๋องและพระชายา คุณหนูซุนเยว่เจวียมาขอพบเ้าค่ะ” ทั้งสองหันมองหน้ากันอย่างมีความหมาย ก่อนหลี่จวินจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไปบอกนาง ให้รอที่ศาลาในสวน ข้ากับพระชายากำลังจะออกไปพบ”
“เพคะ” หลันฮวาย่อตัวลงรับคำสั่ง แล้วเดินจากไปพร้อมสายลมอ่อนพัดโชยมา
“พระองค์คิดว่า คุณหนูตระกูลซุนมาพบพวกเราครั้งนี้ จะนำเื่ใดมาอีกเพคะ” ชายหนุ่มแน่นิ่งพร้อมสายตาสั่นไหวเลื่อนไปมาอย่างใช้ความคิด
“เหตุการณ์คราวก่อน ซุนเยว่เจวียทำของกำนัลของเ้าเสียหาย อาจเป็ไปได้ว่านางมาเพราะเื่นั้น” พูดจบ หลี่จวินก็ลุกขึ้นยืนแล้วพาพระชายาออกไปต้อนรับซุนเยว่เจวียยังสวนภายในตำหนัก
หญิงสาวในชุดสีชมพูอ่อนหันมายังพระพักตร์ของชินอ๋อง ผู้มากด้วยบารมี และเพียบพร้อมไปด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามราวกับรูปปั้น หัวใจของนางสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยังพระชายาแล้วย่อตัวลงเคารพด้วยกิริยาอ่อนน้อม
“ถวายพระพรชินอ๋องและพระชายาเพคะ”
“นั่งก่อน” หลี่จวินเชิญให้อีกฝ่ายนั่งยังศาลาที่ประทับ ก่อนหญิงสาวจะเลื่อนสายตามองพระชายาซิ่วหนาน ที่นั่งเคียงข้างกับชินอ๋องด้วยความใกล้ชิด ทั้งที่ที่ตรงนั้นควรเป็ของนาง แต่กลับถูกแย่งชิงไป ซ้ำบิดายังกลับคำไม่ให้การสนับสนุน นับจากนี้นางจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ชินอ๋อง ไม่สนใจว่าจะผิดต่อบิดาและสกุลซุนอย่างไร ในเมื่อไม่สนับสนุน นางก็ไม่ขอพึ่งบารมีใครนอกจากความสามารถของตัวเอง
“ที่หม่อมฉันมาพบวันนี้ เพราะมีเื่ไม่สบายใจอยากจะขอโทษพระชายาเพคะ วันงานของสกุลซุน เพราะหม่อมฉันไม่ระวังจึงทำให้เกิดเื่มากมาย ซ้ำยังทำให้ผ้าทอจากสกุลหยางที่เป็ของกำนัลต้องแปดเปื้อน ในทุกวันหม่อมฉันพยายามคิดหาทางแก้ไข แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ นอกจากให้บ่าวในจวน ทำขนมประจำตระกูลมามอบให้กับพระชายาเป็การไถ่โทษ” พูดจบ เยว่เจวียก็หันไปยังบ่าวรับใช้
“ขนมที่ข้าให้เ้าทำ นำออกมาถวายให้กับพระชายา”
“เ้าค่ะ” อี้หยงนำขนมประจำสกุลซุน แล้วยกขึ้นถวายด้วยกิริยานอบน้อม ก่อนพระชายาจะเลื่อนสายตาไปยังขนมนั้น แล้วหันมองไปยังชินอ๋อง ก่อนเขาจะพยักหน้ารับ
“เื่ที่เกิดขึ้น พวกข้าทั้งสองไม่ได้ติดใจอะไร เ้าอย่ากังวลใจไปเลย ซิ่วหนานเป็คนใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยเช่นนั้นหรอก” สิ้นเสียงของชินอ๋อง เยว่เจวียก็ปล่อยยิ้มบางเบาออกมา แล้วหยิบขนมหนึ่งชิ้นยื่นให้กับพระชายา
“เช่นนั้นพระชายาลองชิมขนมประจำสกุลซุนหน่อยนะเพคะ ขนมนี้...เป็ขนมชั้นเลิศที่ต้องใช้เวลาในการทำถึงสองวันสองคืน อี้หยงเป็ลูกสาวแม่ครัวคนก่อน นางจำสูตรทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ หม่อมฉันอยากให้พระชายาได้ลิ้มรส หากว่าพระองค์ทรงโปรด หม่อมฉันจะให้อี้หยงนำมาถวายทุกเดือน” เยว่เจวียพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ทำให้ซิ่วหนานค่อย ๆ เอื้อมมาหยิบขนมจากมือของอีกฝ่าย แล้วนำเข้าปากเพื่อเป็การรับคำขอโทษจากนาง ทว่าสายตาบางอย่างของเยว่เจวียฉายแวววาววับออกมา เมื่อขนมเข้าปากอีกฝ่าย รอยยิ้มมุมปากของเยว่เจวียก็แสดงออกทันทีโดยไม่มีผู้ใดสังเกต
ขณะที่หยางซิ่วหนิง นั่งจดบันทึกของมีค่าในหีบอยู่นั้นเสียงแตกตื่นจากอิงอิง ก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้ารีบร้อน
“คุณหนูใหญ่เ้าคะ เกิดเื่ใหญ่แล้วเ้าค่ะ” ซิ่วหนิงที่กำลังปิดหีบสมบัติ ค่อย ๆ หันมายังสาวใช้ด้วยสายตาแน่นิ่ง
“มีอะไรงั้นเหรอ เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้น เกิดเื่อันใดขึ้น” สิ้นคำถามของซิ่วหนิง อิงอิงก็ปล่อยน้ำตามากมายไหลรินออกมา พร้อมน้ำเสียงสั่นเครือรายงานบางอย่าง
“พระชายาทรงประชวรหนัก ตอนนี้หมอหลวง และทุกคนมุ่งตรงไปยังตำหนักเซียนซือ ข่าวว่าพระชายาถูกพิษร้ายแรง ข้าไม่แน่ใจว่าตอนนี้อาการของพระชายาเป็เช่นไร” ซิ่วหนิงลุกขึ้นยืนในทันที พร้อมั์ตาฉายแววบางอย่างเข้ามา
“ในอดีต ข้าเป็คนวางยาพิษนาง แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนแปลงอดีตแล้ว เหตุใดทุกอย่างยังเป็เช่นเดิม!” เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงหันไปยังอิงอิง
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ”
“ทั้งสองคน รีบออกจากจวนไปแล้วเ้าค่ะ” พูดจบ ซิ่วหนิงก็มุ่งตรงไปยังตำหนักเซียนซือทันทีด้วยความรีบร้อน เมื่อมาถึงตำหนักเซียนซือ เสียงร้องไห้ของมารดาที่ดังลอดออกมา พร้อมสายลมอ่อนพัดมาปะทะกาย แสดงให้เห็นว่าชีวิตของหยางซิ่วหนานได้ดับสูญไม่แตกต่างจากอดีต สองเท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเข้าไปก่อนจะเห็นศพของพระชายานอนแน่นิ่ง พร้อมเสียงร้องไห้ของมารดาจะดังขึ้นไม่หยุด
“ท่านแม่!” หยางซิ่วหนิง ค่อย ๆ เดินเข้าไปหามารดา แล้วเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนหยางฮูหยินจะหันมาเห็นบุตรสาวคนโตแล้วโผเข้ากอดทันทีด้วยความเสียใจ
“ซิ่วหนานไม่อยู่กับพวกเราแล้วล่ะ ข้าจะทำเช่นไร นางไม่อยู่แล้ว ต่อไปข้าจะทำเช่นไร...” เสียงของมารดาร่ำไห้แทบขาดใจ กระชับกอดหญิงสาวแน่น พร้อมซิ่วหนิงจะมองทุกอย่างเงียบ ๆ แล้วทบทวนบางอย่างในใจ
