พวกเขาค้างที่สถานีตำรวจหนึ่งคืน เสิ่นิยิงเพียงหกนัดเท่านั้นก็ไม่ได้ยิงต่อ เซี่ยวอี๋ไม่ยอมแพ้ซ้อมต่ออีกเป็พันนัด ยึดเป้าสนามยิงปืนไว้ ยิงอยู่ตลอดทั้งคืน
เช้าตรู่ ทั้งสามเดินออกจากสถานีตำรวจ เซี่ยวอี๋ขอบตาดำคล้ำแทบจะกลายเป็หมีแพนด้า
“คราวนี้ทำอะไรต่อ?” ซันนี่ยืนเท้าสะเอวอย่างเบื่อหน่าย ตามกิจวัตรแล้ว ตอนนี้ควรเป็เวลาเข้านอนของเธอ
“ข้ายังไม่ตาย ต้องฉลองสักหน่อย อยากกินบะหมี่ผัด!” เสิ่นิะโดังลั่น
“ดูนายภูมิใจขนาดนั้น แค่บะหมี่ผัดก็ดีใจ ถ้าเพิ่มไข่ไปอีกฟอง คงจะซาบซึ้งจนน้ำตาไหล?” เซี่ยวอี๋กล่าวดูถูก แม้จะรู้ว่าทักษะการยิงปืนของเสิ่นิยอดเยี่ยมกว่าตนมาก แต่ั้แ่ประลองกันที่สนามยิงปืน (มีเพียงเธอเท่านั้นที่คิดว่ามันคือการประลอง) เธอก็ตั้งตนเป็ปฏิปักษ์กับหมอนี่
“ผมภูมิใจสิ่งนี้มาก คุณจะทำไม? ถ้ากล้าก็ฆ่าผมซะสิ!” เสิ่นิมองค้อนพร้อมพูดจายั่วยุ
“นาย!” เซี่ยวอี๋โมโหเป็ฟืนเป็ไฟอยากเอาแส้เฆี่ยนอีตานี่
“มุ้งมิ้ง?!” มีเสียงเรียกมาจากทางด้านหลัง เซี่ยวอี๋ได้ยินเสียงนั้น สีหน้าพลันขาวซีด
“มุ้งมิ้ง! แม่เรียกลูกอยู่นะ!” ทั้งสามหันไปตามเสียง เห็นเพียงคุณป้าวัย 50 กว่าๆ ยืนอยู่หน้าสำนักงานความปลอดภัย แต่งกายเรียบง่าย มีที่คาดผมสีเงินคาดอยู่ที่สองขมับ สะพายกระเป๋าถือของสตรี
“แม่ หนูได้ยินแล้ว อย่าเรียกชื่อเล่นหนูเวลาอยู่ข้างนอกสิ!” เซี่ยวอี๋หันกลับมา น้ำเสียงกลายเป็ออดอ้อนโดยอัตโนมัติ เสิ่นิได้ยินแล้วขนแขนลุกชัน
“ไม่ให้เรียกชื่อเล่น แล้วจะให้แม่เรียก ‘คุณน้า’ หรือไง? ต้องโทษพ่อแกเื่ตั้งชื่อ หาเื่ให้คนอื่นเขาล้อเอา” แม่ของเซี่ยวอี๋กล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ศีรษะเริ่มเอียงไปพิจารณาเสิ่นิซึ่งอยู่ข้างเซี่ยวอี๋
“คุณชื่อมุ้งมิ้งเหรอ?” เสิ่นิถามทั้งที่พยายามกลั้นหัวเราะ
“เกี่ยวอะไรกับนาย?” เซี่ยวอี๋จ้องเขาเขม็งด้วยสายตาดุร้าย
เซี่ยวอี๋พ้นสภาพมานาน จนลืมไปสนิทว่าแม่เป็ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์และประเมินวัตถุะเิ ถึงจะเกษียณแล้ว แต่เมื่อมีคดีะเิใหญ่ๆ ทางตำรวจก็มักกลับมาขอความช่วยเหลือจากแม่ แม่ไม่ได้กระหายค่าจ้างแค่ไม่กี่ร้อยหยวน ขอเพียงแค่ได้กลับไปนั่งเล่นในห้องทำงานอันคุ้นเคย ัับรรยากาศวันเก่าๆ แค่นี้หญิงชราก็สุขใจแล้ว
นี่ไม่ใช่เื่บังเอิญที่ได้เจอกันที่นี่ การระบุวัตถุะเิ M19 จากเศษซากะเิในชั่วข้ามคืนต้องเป็ฝีมือของแม่เซี่ยวอี๋แน่ๆ
“คนนี้ที่จี้เฉินพูดถึง แฟนลูกใช่ไหม?” แม่เซี่ยวอี๋ไม่เคยเห็นลูกสาวตนเองใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนขนาดนี้มาก่อน เธอจึงเชื่อมโยงเสิ่นิและสถานะแฟนหนุ่มเข้าด้วยกัน
“ใช่ค่ะ รีบเรียกแม่สิ!” เซี่ยวอี๋รีบควงแขนเสิ่นิอย่างตื่นเต้น กลัวว่าเสิ่นิจะไม่รับมุก ต้องทราบว่าตามกฎตระกูลเซี่ยวแล้วนั้น “ผู้ที่หลอกลวงพ่อแม่ต้องขึ้นคานถึงอายุสามสิบ”
“ปลดหนี้” เสิ่นิพึมพำข้างหูเซี่ยวอี๋
“ฝันไปเถอะ อย่างมากก็ลดดอกเบี้ยให้ 15%” เซี่ยวอี๋กัดฟัน
“ขี้งกอย่างนี้ จะไปหาแฟนได้ยังไง? ดอกเบี้ย 0% ผมถึงจะตกลง” เสิ่นิยื่นคำขาด
“ตกลง...” เซี่ยวอี๋กัดจนฟันแทบแตก
“สวัสดีครับคุณน้า ผมชื่อเสิ่นิ อยากจะไปเยี่ยมคุณน้าที่บ้านเซี่ยวอี๋นานแล้ว แต่่นี้ภารกิจรัดตัว ไม่ว่างเอาเสียเลย” เสิ่นิหันกลับมา รอยยิ้มเป็มิตรบนใบหน้าราวกับได้พบแม่บังเกิดเกล้า ได้เงินไปแล้ว ต้องแสดงให้สมจริง
“คุณก็เป็ตำรวจหรือ?” แม่เซี่ยวอี๋กล่าวด้วยความสงสัย ได้ยินจี้เฉินบอกว่า หมอนั่นเป็นักเลงซึ่งใช้รถตักดินปลูกผัก
“ทำนองนั้นครับ เพิ่งเข้าวงการได้ไม่นาน” เสิ่นิเลิกชายเสื้อยืดขึ้น โชว์ปืนลูกโม่ 05 ซึ่งเหน็บอยู่ที่เข็มขัดด้านหน้า
“ที่แท้ก็เป็ตำรวจ? ส่วนคนนี้คือ...” แม่เซี่ยวอี๋มองไปยังซันนี่ด้านข้างซึ่งเปลี่ยนเป็สวมเสื้อยืดธรรมดาและกางเกงยีนขายาว
“สวัสดีค่ะคุณน้า หนูเป็ ‘ภารกิจ’ ของพวกเขาทั้งสองคนค่ะ” ซันนี่ลดศีรษะทักทายด้วยความสุภาพ นิสัยธรรมดาแลดูเป็หญิงสาวข้างบ้าน “ไม่นานมานี้หนูตกเป็เป้าของผู้ไม่ประสงค์ดี ผู้กองจ้าวจึงให้สองคนนี้ประกบหนูเป็การส่วนตัว”
“ฉันได้ยินข่าวแล้ว ที่แท้พยานปากสุดท้ายก็คือเธอสินะ แม่สาวไซด์ไลน์” น้ำเสียงแม่เซี่ยวอี๋แฝงไปด้วยความดูถูก “ดูเธอสิอายุยังน้อยริทำเื่ผิดศีลธรรม อยู่ในสภาพแวดล้อมโสมมถึงได้ไปเจอคนชั่วที่มีเจตนาแอบแฝงเข้า”
เซี่ยวอี๋ไม่ชอบที่แม่เที่ยวว่าคนอื่นแบบนี้ ขณะที่คิดจะออกหน้าแทนเพื่อน ซันนี่กลับตอบด้วยรอยยิ้ม “สิ่งที่คุณน้าสอนถูกต้องแล้วค่ะ แต่มีคนที่ยังต้องดิ้นรนในเมืองหลวง หนูเป็เด็กชาวนาตัวน้อยเพียงลำพัง ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร ตอนมาถึงหลินไห่ก็ไร้ญาติขาดมิตรให้พึ่งพิง จึงได้แต่ขายเนื้อหนังเพื่อประทังชีวิต”
คำที่ซันนี่ตอบกลับนั้นไม่อ่อนนุ่มและไม่แข็งกร้าว ให้เกียรติมีมารยาทต่อผู้าุโ เลือกใช้คำพูดที่เหมาะสมแสดงทรรศนะของตนต่อสาวไซด์ไลน์ หญิงคนหนึ่งหลังจากถูกดูิ่กลับสำรวมกิริยาได้ แม่เซี่ยวอี๋และเซี่ยวอี๋ต่างพากันแปลกใจ มีเพียงเสิ่นิเท่านั้นที่อมยิ้มอย่างพึงใจ
“ดูเหมือนชีวิตเธอลำบากมาไม่น้อย” เพียงครู่เดียวแม่เซี่ยวอี๋ก็มองซันนี่เปลี่ยนไป “ตอนนี้พวกเธอจะไปไหนกัน?”
“ปฏิบัติภารกิจลับ!” เซี่ยวอี๋รีบชิงตอบ
“หิวแล้ว จะไปทานบะหมี่ครับ!” เสิ่นิบอกตรงๆ
“ทานบะหมี่อะไรกัน กลับบ้านสิ เมื่อวานน้ารองของลูกกลับจากบ้านนอกเอาของกินพื้นบ้านมาให้เพียบเลย แม่จะทำของอร่อยให้พวกเธอทาน” แม่เซี่ยวอี๋กล่าวเชื้อเชิญ
“ไม่ค่อยดีมั้งคะ? พยานก็อยู่ด้วย” เซี่ยวอี๋แค่อยากหาทางปลีกตัว
“ไม่เป็ไร พี่ก็ไม่ได้มีธุระที่ไหน คุณน้าชวนขนาดนี้ พี่ไม่อยากให้เสียน้ำใจ เผื่อคุณน้าจะยอมให้พี่เป็ลูกมือ จะได้ขโมยเคล็ดลับในครัวจากยอดฝีมือ!” ซันนี้รู้จักหยอกให้ผู้าุโเบิกบานใจ
“แม่สาวไซด์ไลน์นั่นช่างปากหวาน ยอดฝีมงฝีมืออะไรกัน ก็แค่อาหารพื้นบ้านธรรมดาๆ เท่านั้นแหละ” แม่เซี่ยวอี๋ยิ้มปากแทบฉีกถึงใบหู
“ไม่ต้องเถียงแล้ว อาหารมื้อนี้เป็อันว่าตกลง” เสิ่นิพึมพำข้างหูเซี่ยวอี๋
“พวกนายรวมหัวกันรุมฉันเหรอ...” “มุ้งมิ้ง” โมโหจนหยิกแขนเสิ่นิที่ควงอยู่อย่างเอาเป็เอาตาย
จะว่าไปั้แ่คอยตามเ้าบื้อเสิ่นิมา เซี่ยวอี๋ก็ไม่ได้กลับบ้านมาเกือบ 1 เดือนแล้ว ใช่ว่าไม่คิดถึงแม่ เพียงแต่ไม่อยากพาคนนอกเข้าบ้าน นิสัยแม่ยิ่งมีคน ยิ่งชอบแสดงเป็แม่ผู้เข้มงวด พร่ำบ่นได้ทุกอย่างราวกับว่าอยากให้ลูกสาวแกร่งกว่าเธอทุกอย่างบนโลกใบนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เรียกทุกคำว่ามุ้งมิ้ง เรียกเสียจนเซี่ยวอี๋ไม่เหลือคราบความเป็ตำรวจ บ้านของเซี่ยวอี๋ไม่ไกลจากสถานีตำรวจนัก ใช้เวลาเดิน 10 นาทีก็ถึง เป็ชุมชนที่ค่อนข้างเก่าแก่ มียูนิตเล็กๆ ทั้งหมด 6 ชั้น ไม่มีลิฟต์
บ้านเซี่ยวอี๋อยู่ชั้น 5 เมื่อเห็นแม่เดินขึ้นบันไดขากะโผลกกะเผลก ดวงตาเซี่ยวอี๋ก็เปียกชื้นขึ้นมา
“แม่ ต้องทานแคลเซียมบำรุงหน่อยแล้วล่ะ” เซี่ยวอี๋กล่าวด้วยความเป็ห่วง หญิงสาวดูโฆษณามากเกินไป...
“บำรุงสมองแกน่ะสิ! แม่แกแข็งแรงจะตาย แค่เมื่อคืนทำงานกะดึก เลยเหนื่อยบ้างก็เท่านั้น” แม่เซี่ยวอี๋กล่าวด้วยความอ่อนเพลีย
“สภาพกระดูกคุณน้าไม่เลวเลย สภาพดีกว่าอายุจริงถึง 10 ปี เชื่อว่าตอนคุณน้ายังสาวคงคล่องแคล่วและออกกำลังกายอยู่เสมอ แต่อัตราการหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจคุณน้าไม่คงที่ อาจเป็อาการของโรคโลหิตจาง ไม่ต้องทานยา ให้ทานอินทผาลัมแดง และผักเช่นปวยเล้งอย่างสม่ำเสมอ จะส่งผลดีต่อร่างกาย” เสิ่นิซึ่งเดินตามหลังกล่าวขึ้นอย่างเป็ธรรมชาติ
“คุณรู้ได้ยังไง?” แม่เซี่ยวอี๋ประหลาดใจ
“ผมพอรู้เื่ยาอยู่บ้าง สอนจระเข้ว่ายน้ำแล้ว” เสิ่นิอมยิ้ม
เขากล่าวได้ใกล้เคียงมาก แต่เื่นี้ยังไม่เพียงพอที่จะให้แม่เซี่ยวอี๋หมดอคติต่อเสิ่นิ คนที่มาใกล้ชิดลูกสาวล้วนเป็ศัตรูทั้งสิ้น ไม่ว่าลูกเขยจะดีแค่ไหน ตราบใดที่ตนเองไม่ได้เป็ผู้จัดหาให้ ล้วนแต่ไม่เป็ที่พอใจ
ถึงบ้านแล้ว แม่เซี่ยวอี๋เรียกมุ้งมิ้งไม่ขาดปาก เดี๋ยวก็เรียกเธอให้รินน้ำต้อนรับแขก เดี๋ยวก็ให้เธอเอาผ้าไปเข้าเครื่องซัก ไม่ไว้หน้าเซี่ยวอี๋แม้สักนิด นี่คือเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเซี่ยวอี๋ถึงไม่อยากพาแขกเข้าบ้าน
สำหรับซันนี่ซึ่งฉลาดปราดเปรียว เธอเข้าครัวไปทำทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะล้างหั่นผัก หรือจะดองผักก็ทำได้ดีและว่องไว แม้แต่แม่เซี่ยวอี๋ซึ่งเป็แม่ครัวหัวเก่าค่อนข้างพิถีพิถันยังต้องยกนิ้วให้
ที่สำคัญก็คือซันนี่ช่างน่ายกย่อง เธอมักจะยิ้มและไม่กล่าวอะไร เธอเป็ลูกสาวคนเดียวในครอบครัวชนบท ยามที่พ่อแม่ออกไปทำนาทำไร่ เธอรับผิดชอบทำอาหารเย็น คุ้นเคยกับการเข้าครัวมานาน ขอแค่คุณน้ายอมให้เธอช่วยแค่นี้ก็ดีแล้ว
สำหรับเสิ่นิเดินเล่นตรวจสอบบ้านจนเป็นิสัย เขาเปิดประตูห้องซึ่งมีกระดิ่งลมแขวนอยู่ตามอำเภอใจ นั่นเป็กลิ่นของเซี่ยวอี๋ ภายในห้องกว้างไม่ถึง 10 ตารางเมตร จัดห้องอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย ฝาผนังเต็มไปด้วยรูปของเซี่ยวอี๋ ั้แ่ทารกกระทั่งสำเร็จการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพียงพอให้รู้ถึงกระบวนการเติบโตของนายหญิงตระกูลเซี่ยวได้ทั้งหมด ดูเหมือนหญิงสาวจะได้ขึ้นแท่นรับรางวัลอยู่เสมอ ช่างดูกระฉับกระเฉงและฮึกเหิม
“นายเข้าไปในห้องฉันทำไม?!” เซี่ยวอี๋ซึ่งไปซื้อซีอิ๊วกลับมาพบผู้บุกรุก เธอจึงกล่าวด้วยความโมโห
“แค่ตรวจดู จะว่าไป ตอนเด็กคุณก็ขี้อวดเหมือนกันนะ ภาพนี้คุณกำลังเต้นบัลเล่ต์อยู่เหรอ?” เสิ่นิมองไปยังรูปถ่ายใบหนึ่งบนกำแพงและอุทานออกมา
“ไม่ใช่เื่ของนาย! ออกไปเดี๋ยวนี้!” เซี่ยวอี๋เดินขึ้นหน้าเอาภาพถ่ายใบนั้นพลิกกลับด้าน ที่นี่คือป้อมปราการของเธอ ข้างในมีความลับมากมายที่เธอไม่อยากให้เ้าบื้อตรงหน้าเห็น
“โอเค ออกไปก็ได้ แต่ภาพนี้มอบให้เป็ของขวัญผมก็แล้วกัน!” ราวกับเสิ่นิเล่นกล ในมือกลายเป็ภาพถ่ายอีกใบ เป็ภาพเปลือยที่เซี่ยวอี๋ถ่ายตอน 1 ขวบ ทั้งตัวไม่ได้สวมใส่อะไรเลย กำลังคลาน แต่ก้นขาวน้อยๆ นั้นก็ได้เติบโตมาเป็สะโพกในปัจจุบัน
“ไอ้ลามก! คืนมานะ!” เซี่ยวอี๋หน้าแดงจนถึงลำคอ เธอก้าวไปข้างหน้าด้วยความโมโหเพื่อที่จะคว้า
“ถ้าอยากได้ ก็ให้ส่วนลดเงินต้นผมด้วย!” เสิ่นิชูภาพเป็การข่มขู่
ชายหญิงต่อสู้กันชุลมุน เซี่ยวอี๋ร้อนใจจริงๆ ใช้วิธีการต่อสู้แบบผสมผสาน กดเสิ่นิลงบนที่นอน ทั้งสองต่อสู้พัวพัน
“เด็กน้อย คิดจะฝึกมวยปล้ำกับผม คุณยังอ่อน...อ๊ากๆๆ เจ็บๆๆ! ให้ตายสิ! ให้ตายสิ! อ้าปาก!” เสิ่นิล็อกเซี่ยวอี๋ไว้ในอ้อมแขน ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้บ้าแค่ไหน เธอกัดลงที่คอเสิ่นิ
และในขณะนั้น แม่เซี่ยวอี๋ก็ผลักประตูเข้ามา เห็นลูกสาวเสื้อผ้าหลุดลุ่ยปล้ำอยู่บนเตียงกับเสิ่นิ และยังน้ำลายบนคอเสิ่นิอีก เธอนิ่งอึ้งอยู่กับที่ สติหลุดลอยอยู่นานสองนาน
“แม่! ไม่ใช่อย่างที่แม่คิด!” เซี่ยวอี๋รีบลุกขึ้นและอธิบายอย่างลนลาน
“แม่รู้ว่าลูกสาวโตแล้ว ลูกมีชีวิตของตัวเอง แต่มุ้งมิ้ง...นี่มันในบ้าน ลูกควรที่จะล็อกประตูหน่อย...” แม่เซี่ยวอี๋ถอยออกไปพร้อมถอนหายใจ
“บ้าเอ๊ย คราวนี้ฉันเอาตัวเองใส่ตะกร้าล้างน้ำก็คงไม่สะอาดแล้ว” เซี่ยวอี๋ร้องไห้โดยปราศจากน้ำตา
“เกลียด ทำคนเจ็บไปหมดแล้ว” เสิ่นิทำม้วนต้วนเขินอายอยู่บนเตียงต่อไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้