รูปร่างที่สุดแสนจะเพอร์เฟค และโคตรเซ็กซี่ที่เ้าตัวก็คงจะรู้ดีว่าตัวเองนั้นน่ามอง และยั่วเพศแค่ไหน ไม่งั้นคงไม่ส่องกระจกได้ทั้งวันแบบนั้นหรอก แต่มองมาที่เสื้อผ้า ผ้าห่ม ผ้าปู ที่มันวางเกลื่อนอยู่เต็มพื้นนี่สิ
สวยแต่รูปจูบไม่หอมของแท้มันเป็อย่างนี้นี่เอง
"ก่อนที่พี่จะสวย พี่ช่วยเก็บเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนดีมั้ยครับ"
หน้าตาที่ดูเหนื่อยหน่ายเหลือเกิน กับอะไรที่ต้องพูดอยู่บ่อยๆ กับกาวิน เด็กหนุ่มก้มลงเก็บผ้าทุกชิ้นที่วางเกลื่อน ส่วนคนโดนบ่นก็โดดขึ้นเตียงนั่งมองตาใส ทำปากมุบมิบเหมือนไม่ได้ฟังที่เด็กมันบ่น
"มีหน้าที่เก็บก็เก็บไปอย่าบ่น"
ตาก็มองคนที่ก้มเก็บแอบยิ้มอย่างพอใจที่มันไม่พูดอะไรต่อ เพราะกาวินรู้ดีว่าทชาพูดไม่เยอะหรอก แต่จะพูดเื่เดิมๆ ที่เขาไม่ยอมทำตามมากกว่า
ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะทำอยู่แล้ว ก็มีคนทำให้อยู่แล้วนี่ ทำไมต้องทำเองด้วยล่ะ
"โอ๊ะ!!!"
ผ้าเช็ดตัวผืนโตที่โยนใส่กาวินรับแทบไม่ทัน มันเป็ผ้าเช็ดตัวที่ใช้แล้วไม่ได้ตาก เลยอับชื้น เด็กหนุ่มเท้าสะเอวมองกาวินอย่างไม่พอใจมากนัก
บางทีผมก็อยากจับพี่เขามาตีก้นสักทีสองทีให้หลาบจำ บอกตั้งกี่ครั้งว่าใช้แล้วให้ตากให้เรียบร้อย นี่อะไรหมกผ้าไว้ก็อับชื้นนะสิ
"สกปรก เชื้อโรค"
เสียงเด็กมันดุใส่เมื่อเดินเข้าไปในห้องน้ำ มองไปรอบๆ ดูว่ามีอะไรอีกที่เ้าของห้องเก็บไม่เรียบร้อย เด็กหนุ่มยืนกอดอกมองไปที่เ้านายคนสวยที่ทำทองไม่รู้ร้อนเลยสักนิด
"ก็เมื่อคืนมึงไม่มาเก็บให้อะ กูก็เลยวางไว้ตรงนั้น"
"ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเองครับ พี่เก็บเองก็ได้ ไม่ต้องให้ใครมาเก็บให้หรอก"
ทชาเริ่มคิ้วขมวดรู้สึกปวดหัวกับคุณหนูกาวินเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็อะไรที่เกี่ยวกับเขา ผมต้องดูแลทั้งหมด
มันก็ใช่!!!
แต่อะไรเล็กๆ น้อย พี่กาวินเล่นไม่ทำเลย ผมก็เหนื่อยนะสิ เหมือนเด็กสามขวบไม่มีผิด ทั้งๆ ที่ยี่สิบหกแล้วแท้ๆ แล้วถ้าผมไม่ทำ พี่กาวินก็ไม่ทำจริงๆ นั่นแหละ ก็จะปล่อยทุกอย่างไว้
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมต้องไปเที่ยวกับเพื่อน ครั้งนั้นผมจำได้ดี ห้องนอนที่แทบจะเหมือนห้องเก็บของเก่า เสื้อผ้าที่ไม่ได้รีด พวกก็ไม่ยอมออกจากบ้าน อาหารไม่ถูกใจก็ไม่ยอมกิน จนคนที่บ้านใหญ่ คือพ่อแม่ของกาวิน ต้องโทรเรียกผมทั้งกลางดึก เพราะลูกชายไม่ได้กินข้าวสองวันเต็มๆ ผมนี่ยอมเขาเลย อดข้าวไปได้ยังไง
หาว่าไม่มีใครทำอะไรถูกใจ ทั้งๆ ที่พ่อครัวก็เป็คนทำอาหารให้กินทุกวันอยู่แล้ว ั้แ่วันนั้น ผมก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับใครอีกเลย แต่ถ้าไปก็ต้องหนีบคุณกาวินสุดเท่ไปด้วย
"ลงมาจากเตียงเดี๋ยวนี้เลยครับ เอาผ้าไปตากที่ระเบียงนอกห้องโน้น"
ใบหน้าดุๆ กับเสียงที่กาวินแทบไม่ค่อยได้ยิน เพราะถ้าเสียงนี้ขึ้นเมื่อไหร่ละก็นั่นหมายความว่าจะต้องรีบลุกทันที
เด็กหนุ่มมองเ้าของห้องเดินทำหน้างอเอาผ้าไปตากอย่างไม่พอใจมากนัก ก็ดูเอาเถอะเดินกระทืบเท้าออกไปใช้ได้ที่ไหน
"ไม่บ่นนะครับ"
เสียงทุ้มที่กดต่ำฟังแล้วก็ขนลุก เพราะเด็กมันดุจริงๆ ไม่เล่น
เสียงของทชาที่พูดไล่หลังพร้อมกับทำหน้าตา และสายตาที่โคตรดุใส่เขา เสียงเด็กหนุ่มถอนหายใจดังมาก เหมือนกำลังโล่งอกอย่างมากที่สามารถทำให้เ้าของห้องทำตามที่ตัวเองสั่งได้ มันไม่ง่ายที่ คุณกาวิน คุณชายเื่มากจะยอมยกก้นเพื่อที่จะไปทำอะไรแบบนี้
นอกจากผมจะสั่ง!!!
ใช่แล้ว ถ้าผมบอกหรือสั่งด้วยความดุดันแบบนี้ คุณชายกาวินถึงจะทำ
"พอใจยัง"
ผมยิ้มบางๆ พยักหน้าพอใจ ถึงแม้ว่าการตากผ้าเช็ดตัวของพี่เขาจะเกลี่ยผืนผ้าไม่เสมอกันก็เหอะ แต่ก็พอใช้ได้
"อาหารเช้าพร้อมแล้วครับ แล้วเดี๋ยวยังไม่ต้องขึ้นมานะ เดี๋ยวผมขอทำความสะอาด แล้วก็ดูดฝุ่นซะหน่อย"
แล้วก็เป็แบบนี้ประจำ ผมต้องทำความสะอาดห้องนี้สามวันครั้ง ความจริงทำความสะอาดเดือนละครั้งก็ได้ เพราะว่าห้องก็ทำความสะอาดอยู่บ่อยๆ แถมไม่ค่อยได้สกปรกอะไร แต่ด้วยความที่เ้าของเป็ภูมิแพ้ ห้องหับจึงต้องดูสะอาดอยู่ตลอดเวลา
เอาเข้าจริงๆ ผมเองนี่แหละที่้าให้มันสะอาดที่สุด เ้าของไม่ค่อยได้ใส่ใจอะไรหรอก ผมไม่อยากให้พี่กาวินต้องล้มป่วย หรือไม่สบาย เพราะถ้าได้เป็ก็เป็หนัก เป็ทีก็ต้องนอนเฝ้ากันเป็เดือน เคยนะที่ผมต้องหยุดเรียนแล้วมาเฝ้าคนป่วยอย่างพี่กาวิน มันไม่สนุกเอาซะเลย ผมไม่ชอบเวลาที่พี่เขาไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่
มันดูน่าสงสาร!!!
ผมไม่อยากเห็นภาพแบบนั้นอีก เหนื่อยก็พอทนได้อยู่หรอก แต่เห็นพี่เขาหงอยไม่พูดไม่จานี่สิมันทรมานกว่า
"มันไม่สกปรกหรอก มึงจะทำอะไรบ่อยจัง"
เสียงคนถามเหมือนเบื่อหน่ายกับความเนี้ยบของหนุ่มรุ่นน้องที่ทำหน้าที่ดูแลเขา ยืนเกาะประตูทำหน้าทำปากบึนอยู่
"ไปทานข้าวสิครับ พี่ต้องไปธุระไม่ใช่เหรอ"
"อืม มึงไม่ไปด้วยเหรอ"
"ผมไม่ใช่เลขาพี่นะ พี่มีเลขาอยู่แล้วนี่"
"กูก็แค่...อยากให้มึงไปด้วย" กาวินเดินหน้ามึนตึงลงไป คล้ายจะงอนหนุ่มรุ่นน้อง
ผมได้แต่ส่ายหน้า ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะเดี๋ยวนี้พี่กาวินดูจะหิ้วผมไปด้วยเกือบทุกที่ ความจริงผมก็เป็แค่เด็กในบ้านเรียนก็ยังไม่จบ งานที่บ้านก็เยอะ แล้วไหนจะต้องมาตามติดชีวิตดาวพี่กาวินอีก สอบผ่านแต่ละเทอมก็บุญแล้วละ
ทำไมผมถึงเรียก กาวิน ว่าพี่ ก็เพราะคุณท่าน พ่อของพี่กาวินให้ผมเรียกแบบนี้ และยังคอยเตือนเสมอว่าผมไม่ใช่เด็กรับใช้ ผมคือหลานคนหนึ่งเหมือนกัน แต่ว่าในความเป็จริงแล้วผมว่าผมก็เป็เด็กรับใช้นั่นแหละ ผมไม่สามารถตีตนเสมอพี่กาวินได้หรอก แค่ท่านทั้งสองเลี้ยงดูผมจนถึงเื่ของการศึกษามันก็ดีมากแล้ว
ท่านมักจะดุผมเสมอ หรือตำหนิพี่กาวิน ที่ชอบใช้ให้ผมทำโน่นทำนี่ให้ จนกลายเป็คนใช้คนหนึ่งไปแล้ว ผมไม่ได้อายถ้าคนอื่นจะมองแบบนั้น เพราะผมว่าตัวเองก็เหมาะมากกับคำว่า คนใช้ เด็กที่เขาเลี้ยงให้ที่ซุกหัวนอน
เพราะพี่กาวินใช้สะบัด!!!
ถามว่าผมเต็มใจมั้ยนะเหรอ บอกเลยว่าผมเต็มใจมากๆ จะด้วยเพราะผมไม่ได้รู้สึกว่ามันต่ำต้อยอะไรกับการที่ต้องดูแลลูกของผู้มีพระคุณ คุณท่านเลี้ยงดูปูเสื่อผมอย่างดี ท่านยังบอกอีกว่าผมอยากเรียนสูงแค่ไหนท่านก็จะส่งให้เรียน ขอแค่ผมเอื้อนเอ่ยเท่านั้น
ผมอดที่จะยืนมองภาพถ่ายของผมกับพี่กาวินไม่ได้ มันดูมีความสุขทุกครั้ง ภาพถ่ายตอนที่ผมน่าจะอายุสิบแปดได้มั้ง พี่กาวินกอดล็อกคอผมไปถ่ายรูปด้วยกัน รูปที่ออกมาก็เลยดูทุลักทุเลเหลือเกิน แต่ก็จบด้วยภาพที่ยิ้มออกมามีความสุขทั้งคู่ ผมไม่คิดว่าพี่กาวินจะเอามาไว้บนหัวเตียงแบบนี้ เพราะมันดูไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย แต่พี่เขาก็เลือกที่จะเก็บไว้โดดๆ อยู่ภาพเดียว
ถ้าผมไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ใครที่เก็บภาพไว้ลักษณะแบบนี้ คนในรูปก็ต้องค่อนข้างสำคัญอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่แน่ใจมากนักสำหรับคนที่ชื่อกาวิน
ไม่รู้ว่าพี่เขาจะคิดแบบนี้มั้ย?
..................
กาวินนั่งทานข้าวคนเดียว เขามองไปบนโต๊ะที่แสนกว้างใหญ่นี้ ที่ต้องคิดว่ามันกว้างใหญ่ก็เพราะว่ามีเขาแค่คนเดียว ไม่มีใครอื่น บ้านหลังนี้เป็ของกาวิน ที่ปลูกแยกออกมาจากตึกใหญ่ เป็บ้านที่พ่อยกให้เขาอยู่แค่คนเดียว
เนื่องด้วยที่เขาชอบความเป็ส่วนตัว ใบหน้าสวยนั่งกินแบบน่าเบื่อ กับข้าวมันก็อร่อยอยู่หรอก เพราะรู้อยู่แล้วว่าทชา จะค่อนข้างใส่ใจเื่นี้มากๆ
เด็กหนุ่มวัยยี่สิบค่อนข้างจะรู้ใจว่าเขาชอบกินอะไร ไม่ชอบอะไร อะไรที่เป็ประโยชน์ต่อร่างกาย อะไรที่กินแล้วจะทำให้เนื้อตัวบวมเป่ง ทชามักจะให้เขาหลีกเลี่ยงเสมอ เพราะด้วยที่หน้าที่การงานของเขาค่อนข้างต้องใช้รูปลักษณ์หน้าตาก็เลยต้องดูแลให้ดีอยู่เสมอ
ทชา ไม่เคยร่วมโต๊ะกินข้าวด้วย ชวนยังไงก็ไม่ยอม บังคับก็แล้ว พูดว่าให้ก็แล้ว แต่เด็กหนุ่มไม่เคยคิดตีตนเสมอเขาเลย บางทีการเจียมตัวของมันก็ทำให้กาวินนอย และอึดอัดอยู่บ่อยๆ
เขาแค่อยากมีเพื่อนกินข้าวบ้างก็เท่านั้น เหมือนอย่างวันนี้ เป็อีกหนึ่งวันที่เบื่อหน่าย สายตาของกาวินแอบเหล่มองบนเมื่อเห็นว่าคนที่เขากำลังระลึกถึงกำลังเดินลงมาจากห้องมือไม้เต็มไปด้วยของทำความสะอาดห้องพะรุงพะรัง
"เป็อะไรครับ ไม่อร่อยเหรอ"
"อร่อย แต่ไม่มีเพื่อนกินข้าว"
"โทรเรียกเพื่อนมั้ยครับ"
พอมันพูดแบบนั้น กาวินถึงกับเปิดจมูกบานทันที ด้วยความไม่พอใจน้อยใจ ทชามันรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังหมายความว่าอะไร แต่เด็กมันเลือกที่จะไม่สนใจเอง แขนเท้าที่โต๊ะ อีกมือหนึ่งก็พาดที่หัวเก้าอี้มองหน้าคนที่บ่นปอดแปดอยู่คนเดียว ทชามองใบหน้าเ้าของบ้านแล้วยกยิ้มเล็กน้อย
"ไม่ได้กวนครับ ผมก็หมายความตามนั้น ก็พี่บอกว่าไม่มีเพื่อนกินข้าว"
"อย่ามากวนตีนกูทชา บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าให้มานั่งกินข้าวด้วยกัน มึงจะอะไรนักหนา มันยากมากนักหรือไงกับการที่ต้องนั่งกินข้าวกับกูเนี่ย หรือมึงเห็นหน้ากูแล้วมึงกินข้าวไม่อร่อย มึงพูดซิ"
กาวินเหมือนอัดอั้นพูดซะยาวเหยียดเหมือนระบายความในใจ หน้าตาบูดเบี้ยวไปหมด นั่นยิ่งทำให้ทชาหยุดยิ้มไม่ได้ เพราะกาวินมักจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่เมื่อไม่พอใจเขา แต่กับคนอื่นกาวินสามารถทำได้ดีทีเดียว ไม่ว่าใครจะทำอะไรมากมายแค่ไหน ทชาสังเกตอยู่บ่อยครั้ง กาวินไม่เคยแสดงอาการใดๆ ออกมาให้เห็นเลย
แต่กับเขาไม่เคยเลย ไม่พอใจก็คือไม่พอใจ น้อยใจงอนให้กาวินก็แสดงออกเลยไม่มีเก็บกักเอาไว้ ซึ่งข้อนี่แหละ
ที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ เหมือนพี่เขาสบายใจมากๆ กับการเป็ตัวของตัวเองเมื่ออยู่กับผม
แล้วไอ้อาการงอนปากงุ้มนี่ก็
น่ารักชะมัด!!!
ใช่แล้ว ผมมองว่ามันเป็อาการกิริยาที่น่ารักมากๆ มากจนผมอยากจะบีบเ้าริมฝีปากอวบอิ่มนั้นสักที
"นะทชา มานั่งกินข้าวด้วยกัน"
เขาเขย่าแขนเด็กหนุ่มที่ยังคงวางคร่อมเขาอยู่แบบนั้น สายตาที่อ้อนวอน และน้ำเสียงที่ออดอ้อนที่เ้าตัวเองก็คงไม่รู้หรอกว่าเผลอแสดงออกมาแบบนั้น
"ผมแค่ไม่อยาก..."
"ตีตัวเสมอพี่กาวิน"
กาวินพูดขึ้นเอง จนเขานั้นจำได้ขึ้นใจแล้ว ทชามักจะพูดแบบนี้ทุกครั้ง
"มึงเลิกเอาระบบทาสบ้าบออะไรนี่มาใช้กับกูได้แล้ว กะไอ้แค่กินข้าวด้วยกัน"
กาวินวางช้อนเสียงดัง มือกอดอกแน่นสีหน้าไม่พอใจจริงๆ นั่นแหละ ทชามองจานข้าวที่มันน่าจะหมดไปแค่นิดเดียวเอง เด็กหนุ่มเข้าไปล้างมือ แป๊บเดียวก็ออกมา ยกจานข้าวขึ้นตักกับข้าวใส่
"อ้าปากครับ"
"ห่ะ?"
"ผมจะป้อนพี่ พี่กินนิดเดียวเองนะ" กาวินมองใบหน้าเด็กหนุ่มที่มีแต่รอยยิ้มอันอบอุ่นนั้น มือถือช้อนจ่อที่ปากของเขาอยู่
"หม่ำ เร็วๆ"
"มึงนี่นะ" เขาก็อ้าปากให้เด็กมันป้อนข้าวอยู่ดี
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทชาทำแบบนี้ เมื่อไหร่ที่เขาเริ่มงอแง เื่กินเมื่อไหร่ ทชามักจะทำแบบอยู่เป็ประจำ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ที่เขาเองก็ไม่คิดที่จะขัดขืนหรือห้ามปรามกับสิ่งทชาทำ กลับชอบเสียด้วยซ้ำมันเป็อะไรที่อบอุ่น แลดูใส่ใจดี